ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเหนือป่าโปร่ง หลิงฮวาเดินลึกเข้าไปในป่าตามคำชวนของลี่เหยียนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอบอกว่ามีสิ่งสำคัญต้องเปิดเผยให้หลิงฮวาได้เห็น "เจ้าเชื่อใจอู๋เฟิงหลินหรือไม่?" ลี่เหยียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ในดวงตากลับแฝงแววเจ้าเล่ห์
หลิงฮวามองเธอด้วยความสงสัย "เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนั้น? เขาเป็นสหายร่วมทางที่ไว้ใจได้"
ลี่เหยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราวกับจะบอกว่าคำตอบของหลิงฮวานั้นน่าผิดหวัง "บางครั้งคนที่เราคิดว่าไว้ใจได้ อาจเป็นคนที่ซ่อนคมดาบไว้ใกล้ตัวที่สุด"
ก่อนที่หลิงฮวาจะทันตอบกลับ ลี่เหยียนหยิบจดหมายที่เธออ้างว่าพบในกระเป๋าเดินทางของอู๋เฟิงหลิน จดหมายนั้นดูเก่ามีร่องรอยการพับซ้ำหลายครั้ง ดวงตาของหลิงฮวาเบิกกว้างเมื่อเห็นข้อความบางส่วนเขียนถึงศัตรูที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้
"จดหมายฉบับนี้พิสูจน์ว่าเขากำลังติดต่อกับฝ่ายตรงข้าม" ลี่เหยียนกระซิบบอก หลิงฮวามองจดหมายด้วยความลังเล ในใจเธอเต็มไปด้วยคำถาม หากสิ่งที่ลี่เหยียนพูดเป็นความจริง เธอควรทำเช่นไร?
ความสับสนเริ่มกัดกินความเชื่อมั่นในใจหลิงฮวา เธอไม่รู้ว่าควรฟังลี่เหยียนต่อไปหรือปกป้องความไว้วางใจที่เธอมีต่ออู๋เฟิงหลิน
-------
ในเวลาเดียวกัน หย่งหมิงกำลังหารือกับทหารในค่ายชั่วคราว เขาได้รับรายงานจากทหารลาดตระเวนว่าศัตรูกำลังรวบรวมกำลังพลใกล้ชายแดน ความเคร่งเครียดปรากฏชัดในแววตาของเขา
"พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้" เขากล่าว น้ำเสียงหนักแน่น แต่ในใจเต็มไปด้วยความกังวล
"องค์ชาย หม่อมฉันเกรงว่าพวกมันอาจได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันของเราจากคนใน" ทหารคนหนึ่งรายงานเสียงเบา แต่คำพูดนั้นกลับสะกิดใจหย่งหมิง เขาเริ่มสงสัยว่ามีใครบางคนในกลุ่มเดินทางของเขาอาจเป็นคนทรยศ
แม้หย่งหมิงจะไม่แสดงออกถึงความหวาดระแวง เขาก็เริ่มจับตามองลี่เหยียนที่ดูเหมือนมีความตั้งใจบางอย่างแฝงเร้น
ในช่วงค่ำคืนขณะที่หลิงฮวายังไม่ได้กลับมาจากการพบลี่เหยียน หย่งหมิงนั่งอยู่ใต้แสงคบเพลิง มือของเขากำแน่นรอบด้ามดาบที่วางอยู่ข้างตัว ความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือเขาต้องหาคนที่อยู่เบื้องหลังการทรยศครั้งนี้ให้ได้ก่อนจะสายเกินไป
ภายในกระโจมประชุมซึ่งตั้งอยู่กลางค่ายทหาร บรรยากาศเคร่งเครียดเข้าปกคลุม แสงจากโคมไฟส่องกระทบแผนที่บนโต๊ะประชุม ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องหมายแสดงจุดยุทธศาสตร์และตำแหน่งศัตรู เสียงถกเถียงจากแม่ทัพและเสนาธิการยังคงดังขึ้นเป็นระยะ แต่ทุกคนต่างเงียบลงเมื่อเสียงฝีเท้าของลี่เหยียนดังขึ้น
ลี่เหยียนปรากฏตัวในชุดผ้าสีเข้มเรียบง่าย แต่ท่วงท่ากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ “องค์ชาย ข้าได้ข่าวว่าท่านกำลังวางแผนป้องกันชายแดน” นางเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม แต่สายตาแฝงไปด้วยเจตนาที่ซ่อนเร้น
หย่งหมิงที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองนาง ใบหน้าเขาไร้รอยยิ้ม “เจ้ามีธุระอันใด? การประชุมนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรก้าวก่าย”
“ข้ารู้ดีว่าข้ามิอาจเข้าไปยุ่งในเรื่องของทหาร แต่ข้ามีบางอย่างที่อาจช่วยท่านได้” ลี่เหยียนกล่าวก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะประชุม นางเปิดผ้าห่อบางสิ่งออก เผยให้เห็นม้วนแผนที่ซึ่งทำให้แม่ทัพหลายคนในที่นั้นขมวดคิ้ว
“นี่คือแผนที่เส้นทางลับในหุบเขา ซึ่งจักรพรรดินีทรงถือครองไว้ หากท่านต้องการใช้ ข้าพอจะช่วยเจรจากับพระนางได้” คำพูดของลี่เหยียนทำให้บรรยากาศในกระโจมเปลี่ยนไปทันที
หย่งหมิงจับจ้องนางด้วยสายตาคมกริบ “เหตุใดเจ้าจึงกล้าเสนอตัวเข้ามาในเรื่องสำคัญเช่นนี้? หรือเจ้ามีสิ่งใดแอบแฝงอยู่?”
ลี่เหยียนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ “ข้าเพียงคิดถึงความมั่นคงของแผ่นดิน ท่านองค์ชาย หากศัตรูรุกเข้ามา เราทุกคนย่อมเดือดร้อน ข้าจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความจงรักภักดี”
แม่ทัพบางคนในที่นั้นพยักหน้าด้วยความเห็นชอบ ในขณะที่อีกหลายคนยังคงมองนางด้วยความไม่ไว้ใจ
หย่งหมิงหรี่ตา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดี หากเจ้าพูดความจริง ข้าจะยอมรับความช่วยเหลือของเจ้า แต่จำไว้ หากข้าพบว่าเจ้ามีเจตนาอื่น เจ้าจะไม่ได้รับโอกาสอธิบาย”
ลี่เหยียนแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางโค้งตัวลง “ข้าขอบพระทัยองค์ชาย ท่านจะไม่ผิดหวัง”
แม้นางจะแสดงออกอย่างนอบน้อม แต่ภายในใจกลับรู้สึกพอใจที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการ
ค่ำคืนนั้น หลิงฮวาเดินกลับมายังค่ายพักพร้อมจิตใจที่ว้าวุ่น นางยังคงคิดถึงจดหมายที่ลี่เหยียนมอบให้ ซึ่งเต็มไปด้วยข้อความที่อ้างว่าอู๋เฟิงหลินกำลังทรยศอาณาจักร ความลังเลเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของหลิงฮวา
เมื่อก้าวเข้าสู่เขตรอบกองไฟใหญ่ของค่ายพัก หย่งหมิงที่กำลังตรวจสอบแผนที่กับทหารผู้ใต้บังคับบัญชาหันมามอง “หลิงฮวา เจ้าไปที่ใดมา?” เขาเอ่ยถาม น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงด้วยความสงสัย
“ข้าไปพบลี่เหยียน” นางตอบเสียงเบา ไม่กล้าสบตาเขา
หย่งหมิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีสิ่งใดต้องปิดบัง แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลืมว่าเราทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แอบแฝง”
หลิงฮวาก้มหน้าหลบสายตาของเขา “ข้าไม่ได้ปิดบังอะไร... ข้าเพียงรู้สึกเหนื่อยล้า” นางกล่าวอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเดินจากไป
ค่ำคืนนั้นหลิงฮวานั่งอยู่เพียงลำพังหน้ากระโจมพัก แสงจากกองไฟสะท้อนในดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่นางเปิดดูจดหมายอีกครั้ง พลันเสียงฝีเท้าดังขึ้น อู๋เฟิงหลินปรากฏตัวพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม
“หลิงฮวา เจ้ามีสิ่งใดในใจหรือไม่?” เขาเอ่ยถาม พลางจับจ้องไปที่สีหน้าของนาง
หลิงฮวารีบเก็บจดหมายซ่อนไว้ในอาภรณ์ “ข้าแค่... คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา” นางตอบเลี่ยงด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง
อู๋เฟิงหลินยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าพร้อมเสมอ” เขากล่าวก่อนจะหันหลังเดินจากไป
แต่ไม่ทันที่หลิงฮวาจะได้พักสงบใจ หย่งหมิงเดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด “หลิงฮวา เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่มีสิ่งใดที่เจ้าปิดบังข้า?”
คำถามของเขาเปรียบเหมือนคมมีดที่กรีดลึกลงในใจ นางหลบสายตาพร้อมตอบเบาๆ “ข้าไม่ได้ปิดบังอะไรจริงๆ...”
หย่งหมิงมองนางนิ่งก่อนเอ่ยเสียงเบา “ข้าหวังว่าเจ้าจะจำไว้ ว่าความไว้วางใจคือสิ่งสำคัญที่สุด”
คำพูดนั้นทำให้หลิงฮวารู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงเข้าสู่ห้วงแห่งความขัดแย้งที่ยากจะหลีกหนี ระหว่างความรัก ความเชื่อใจ และความจริงที่อาจทำลายทุกสิ่งที่นางเคยยึดถือ