บทที่ 13: การรบครั้งแรก

1208 คำ
ในแสงแรกของรุ่งอรุณ เสียงแตรศึกดังสะท้านไปทั่วทุ่งโล่ง สัญญาณแห่งการเริ่มต้นศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึง หย่งหมิงยืนอยู่บนเนินสูง มองลงไปยังกองทัพศัตรูที่เรียงรายดั่งคลื่นทะเล รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของเขา แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่เขารู้ว่าในสงครามนี้ เขาไม่ได้ยืนหยัดเพียงลำพัง “องค์ชาย” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหย่งหมิงหันไป ก็พบกับชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเต็มยศ เขาคือซ่งจื้อเทียน นักรบผู้ภักดีซึ่งหย่งหมิงไว้ใจที่สุด “ซ่งจื้อเทียน ข้าดีใจที่เจ้ามา ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่งกลับจากศึกที่ชายแดน เจ้ายังมีเรี่ยวแรงพอจะสู้ไหม?” หย่งหมิงถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ถึงตัวข้าจะเหนื่อยล้า แต่จิตใจของข้ายังมั่นคงเสมอ หากพระองค์ต้องการ ข้าพร้อมเสมอที่จะปกป้องพระองค์และแผ่นดินนี้” ซ่งจื้อเทียนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หย่งหมิงพยักหน้า “ข้าจะฝากหลิงฮวาไว้กับเจ้าในระหว่างการรบ นางอาจดูอ่อนแอในสายตาผู้อื่น แต่ข้ารู้ดีว่า นางสำคัญต่อเราทุกคนมากกว่าที่ใครจะเข้าใจ” หลิงฮวาที่เดินเข้ามาในจังหวะนั้นพยักหน้าให้ซ่งจื้อเทียน แม้ในแววตาของนางจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ดูสงบอย่างน่าประหลาด “ข้าขอบคุณท่านล่วงหน้า ซ่งจื้อเทียน” นางกล่าวสั้น ๆ แต่หนักแน่น ซ่งจื้อเทียนโค้งศีรษะให้ “หน้าที่ของข้าคือการปกป้องคนสำคัญของแผ่นดิน พระองค์ไม่ต้องกังวล” เพียงไม่นานหลังจากตั้งค่าย กองทัพศัตรูที่นำโดยแม่ทัพผู้เก่งกาจก็เริ่มเคลื่อนไหว กองกำลังของหย่งหมิงจึงต้องเร่งกระจายกำลังรับมือ ซ่งจื้อเทียนได้รับมอบหมายให้นำกองกำลังหน่วยหนึ่งไปเสริมแนวป้องกันด้านซ้าย ขณะที่หย่งหมิงคุมกำลังหลักที่ด้านหน้า ส่วนหลิงฮวาถูกสั่งให้อยู่ในส่วนกลางเพื่อให้ปลอดภัย ทว่าความมุ่งมั่นของนางไม่ใช่การหลบซ่อน นางยืนยันจะช่วยเหลือด้วยพลังของตน “เจ้าต้องระวังตัวเองด้วย หลิงฮวา” หย่งหมิงเตือนในจังหวะสุดท้ายก่อนจะขี่ม้าจากไป “ข้ารู้ดีว่าข้าต้องทำอะไร” นางตอบสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงคำรามของอาวุธและเสียงกรีดร้องจากทั้งสองฝ่าย กองกำลังของซ่งจื้อเทียนแม้จะน้อยกว่า แต่เขาก็ใช้ความสามารถวางกลยุทธ์ที่รอบคอบในการสกัดศัตรู ขณะที่หย่งหมิงอยู่แนวหน้า หลิงฮวาก็เริ่มใช้พลังของนางเสริมกำลังใจให้ทหารที่หมดหวัง แม้ว่าทุกครั้งที่นางใช้พลัง สีหน้าของนางจะซีดเซียวลงเรื่อย ๆ ในยามค่ำคืน หลังจากการรบช่วงแรกสิ้นสุดลง ซ่งจื้อเทียนเดินกลับมาพร้อมบาดแผลที่ไหล่ เขาไม่พูดอะไร แต่ท่าทางเหนื่อยล้าของเขาเป็นสิ่งที่หลิงฮวาสังเกตเห็นได้ชัด “ท่านเจ็บหรือไม่?” หลิงฮวาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “บาดแผลเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อน การรบยังไม่จบ แต่มิตรภาพและความไว้ใจที่ก่อร่างขึ้นระหว่างบุคคลเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้พวกเขายืนหยัดต่อไปในสงครามที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด แสงจันทร์ส่องกระจายทั่วสนามรบ เสียงลมหวีดหวิวปะปนกับเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ ซ่งจื้อเทียนที่ยังมีบาดแผลจากการรบตอนกลางวัน ยังคงยืนหยัดนำทหารหน่วยเล็ก ๆ ออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันการโจมตีในยามค่ำคืน “นายท่าน ท่านพักผ่อนเถอะ ข้ากับคนอื่นจะจัดการต่อเอง” ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย “หากข้าพักผ่อนตอนนี้ แล้วหากศัตรูบุกมาอีกล่ะ? การเสียสละของข้าเล็กน้อยนัก เมื่อเทียบกับแผ่นดินที่เราต้องปกป้อง” ซ่งจื้อเทียนตอบโดยไม่แม้แต่หันกลับมา ขณะที่เขากำลังตรวจแนวป้องกัน เขาได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากพุ่มไม้ ซ่งจื้อเทียนหยิบดาบขึ้นเตรียมพร้อม และส่งสัญญาณให้คนอื่นเงียบ “ออกมา!” เขาตะโกน พุ่มไม้ขยับและเผยให้เห็นเด็กหนุ่มในชุดเกราะขาดรุ่งริ่ง “อย่าทำร้ายข้า! ข้าเป็นเพียงผู้ส่งสาร!” ซ่งจื้อเทียนลดดาบลงเล็กน้อย แต่ยังคงระมัดระวัง “เจ้ามาจากที่ใด?” “จากหมู่บ้านชายแดน ศัตรูกำลังเคลื่อนทัพเข้ามาทางทิศตะวันออก พวกเขาใช้แผนลวงเพื่อดึงกำลังเราออกไปจากแนวรบหลัก” ซ่งจื้อเทียนพยักหน้า “ข้าจะรายงานเรื่องนี้แก่องค์ชายหย่งหมิงทันที เจ้าทำได้ดี” ในขณะเดียวกันที่ค่ายกลาง หลิงฮวากำลังใช้พลังของนางช่วยรักษาเหล่าทหารที่บาดเจ็บ แม้ว่านางจะอ่อนล้าจนแทบทรุด แต่รอยยิ้มจากทหารที่ได้รับความช่วยเหลือก็ทำให้นางยืนหยัดต่อไป “เจ้าใช้พลังมากเกินไปแล้ว หลิงฮวา” เสียงของหย่งหมิงดังขึ้นเมื่อเขาเดินเข้ามา “ข้าทำเพื่อพวกเขา เพื่อกองทัพของเรา” นางตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนที่หย่งหมิงจะตอบอะไรต่อ ซ่งจื้อเทียนเข้ามาพร้อมข่าวสำคัญ เขารายงานทุกอย่างที่ได้ยินจากผู้ส่งสาร และเสนอให้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปตรวจสอบ “ข้าจะไปเอง” หย่งหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่หากศัตรูโจมตีค่ายหลัก...” หลิงฮวาพูดแทรก แต่หย่งหมิงหยุดนางด้วยสายตา “ซ่งจื้อเทียน เจ้าจะเป็นคนคุ้มครองหลิงฮวาและค่ายนี้ในขณะที่ข้าออกไป” ซ่งจื้อเทียนโค้งคำนับ “รับบัญชา” หย่งหมิงนำกองกำลังเล็ก ๆ ออกไปตรวจสอบบริเวณที่มีรายงานการเคลื่อนไหวของศัตรู ท่ามกลางความเงียบงันของป่า ความมืดทำให้ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “องค์ชาย ศัตรูอาจซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้” หนึ่งในทหารกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา หย่งหมิงพยักหน้า แต่ก่อนที่เขาจะสั่งการเพิ่มเติม เสียงธนูพุ่งผ่านอากาศมากระทบโล่ของทหารคนหนึ่ง “เป็นกับดัก! ระวังตัว!” หย่งหมิงตะโกน การต่อสู้ปะทุขึ้นทันที ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่เริ่มโจมตีจากทุกทิศทาง แม้ว่ากองกำลังของหย่งหมิงจะเล็กกว่า แต่พวกเขาก็สู้ด้วยความกล้าหาญและความสามัคคี ในเวลาเดียวกันที่ค่ายหลัก ซ่งจื้อเทียนสั่งการให้ทหารเตรียมพร้อม หลังจากได้ยินเสียงการปะทะจากระยะไกล เขาตัดสินใจออกไปช่วยหย่งหมิง แม้หลิงฮวาจะพยายามห้าม แต่เขาก็ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าสาบานว่าจะปกป้องพระองค์ แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าจะไม่ละทิ้งหน้าที่นี้” “ระวังตัวด้วย ซ่งจื้อเทียน” หลิงฮวากล่าว ก่อนจะเฝ้ามองเขาเดินจากไป เมื่อซ่งจื้อเทียนไปถึงสนามรบ เขาใช้ความชำนาญนำกองกำลังเสริมโจมตีศัตรูจากด้านหลัง ช่วยให้หย่งหมิงและทหารคนอื่นสามารถตีฝ่าออกจากวงล้อมได้ แม้ว่าศัตรูจะล่าถอย แต่บาดแผลที่ซ่งจื้อเทียนได้รับนั้นลึกและหนักหนา หย่งหมิงรีบสั่งการให้พาเขากลับไปยังค่าย “ข้าไม่เป็นไร พระองค์อย่าได้กังวล” ซ่งจื้อเทียนกล่าว แม้เสียงของเขาจะเริ่มแผ่วเบา หย่งหมิงมองดูเขาด้วยสายตาเจ็บปวด “เจ้าทำเกินกว่าหน้าที่ของเจ้าแล้ว ข้าขอสัญญา ว่าการเสียสละของเจ้าจะไม่สูญเปล่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม