Chapter นางแบบจำเป็น

1307 คำ
ด้านหน้าเวทีก่อนเริ่มงาน นายหัวเมืองใต้ทนนั่งอย่างหงุดหงิด การแต่งตัวในชุดสูทเรียบหรูที่เขาร้างราจากชุดพวกนี้มาหลายปี ทั้งที่มันมาอยู่บนตัวเขาหลายคนจะมองว่าดูดี นักข่าวต่างรุมถ่ายภาพด้วยความฮือฮา แต่สำหรับคนสวมใส่ชุดหรูกลับรู้สึกไม่คุ้น ชุดดูขัดกับบุคลิกของเขาชัดเจน คุณอิงดาวต้องคอยปรามลูกชายอยู่บ่อยครั้ง เพราะวันนี้เขาถูกจับจ้องจากสื่อ นางไม่อยากให้เกิดภาพลบที่ไม่ดีกับลูกชาย ไม่บ่อยนักที่เขาจะยอมออกงานสังคมอย่างนี้ สายตาของคุณอิงดาวก็กวาดไปรอบงาน มองหาหม่อมหลวงสราลีเป็นระยะ สิ่งที่นางต้องการจากงานนี้จนต้องบังคับลูกชายมา ก็เพราะนางอยากแนะนำให้ลูกชายรู้จักศยามล หนึ่งในนางแบบสาวที่กำลังเปิดตัวบนเวทีในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึง หากแต่หม่อมหลวงสราลีกลับไม่ได้มาร่วมงานตามที่คุณอิงดาวคิดเอาไว้ แขกเหรื่อคงไม่มีใครล่วงรู้เหตุผล นอกจากคนจัดงานและคณะนางแบบที่อยู่ข้างใน เสียงกระหึ่มห้องจัดเลี้ยง งานเริ่มขึ้นอย่างอลังการด้วยแสงสีเสียงครบครัน เรียกสายตาทุกคู่ให้หันกลับไปมองที่หน้าเวที แสงสปอร์ตไลต์ฉายสว่างวาบ แสงสีนวลค่อยๆ ซูมเข้าไปหาโฟกัสที่เด่นสง่า ทุกสายตามองตามแสงสว่างวงกลมที่ซูมรับร่างโปร่งระหงในชุดผ้าไทย พิธีกรประกาศชื่อผู้สนับสนุนราคาเริ่มเปิดประมูลราคาสูงลิ่วของชุดบุษราคัมบนลำคอนางแบบ พร้อมกับเลเซอร์หมุนรอบตัวยิ่งขับผิวผ่องให้ดูเด่นสง่า สายตาของนายหัวกรินหยุดลงที่จุดศูนย์กลางโฟกัส ดวงตาเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง รอยยิ้มที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครลบเลือนรอยกร้านร้าวราวพื้นดินไร้น้ำหล่อเลี้ยง แต่ยิ้มนั้นกลับกระชากหัวใจของเขาให้หลุดลอยไปได้อีกครา มันเกิดขึ้นกับผู้หญิงตรงหน้า คนที่เขากำลังอยากรู้ที่สุดว่าเธอเป็นใคร ในขณะที่หญิงสาวนางนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “เธอ!” น้ำเสียงเบาหลุดออกจากปากของชายหนุ่ม ผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่เขาประคารมเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แสงไฟทำให้คนบนเวทีมองไม่เห็นคนที่อยู่รอบๆ หากแต่คนที่นั่งมองอย่างตั้งใจก็จับอาการสั่นประหม่าของเธอได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงอาการบางอย่าง เหมือนนางแบบคนสวยจะกำลังฝืนตัวเดินให้สุดขอบเวที และในที่สุดเธอก็เดินกลับไปถึงก่อนที่ลำแสงวงกลมจะรับร่างหญิงสาวคนใหม่ กระทั่งปิดชุดฟินาเล่โดยนางแบบสาวชื่อดังที่พ่วงตำแหน่งเซเลเบอร์ตี้คนดังของเมืองไทย หลังจากนั้นก็เป็นการเปิดประมูลร่วมบริจาค และเป็นที่รู้ดีว่าหากชุดอัญมณีที่อยู่บนตัวนางแบบราคาสูงลิ่ว และยังไม่มีคนประมูลราคาเพิ่ม หมายถึงผู้สนับสนุนต้องรับอัญมณีชุดนั้นไป ในราคาบริจาคที่ตั้งไว้ในราคาเริ่มต้นประมูล สิ่งที่อยู่บนเรือนร่างของพลอยขวัญก็เป็นชุดที่ราคาแพงเกือบเท่าชุดฟินาเล่ หากราคาที่ตั้งไว้ทำให้หลายคนหันไปสนใจชิ้นอื่นแทน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานไม่ได้มีความสำคัญกับพลอยขวัญมากไปกว่าข้อเท้าที่เริ่มทวีความเจ็บแปลบมากขึ้น เรียวขาที่รองรับน้ำหนักบนรองเท้าส้นสูงเกือบห้านิ้วเริ่มสั่น เธอเฝ้าภาวนาว่าขอให้ไฟปิดลง และจบงานของวันอย่างราบรื่น หลายคนอาจจะสนใจการประมูลที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หากสายตาคมคู่หนึ่งกลับจับจ้องร่างบางที่เริ่มโงนเงนไม่วางตา อีกทั้งสีหน้าที่พยายามฝืนยิ้มของเธอ จนกระทั่งจบงานทั้งคนฝืนทนเจ็บให้จบงาน ทั้งคนลุ้นตามไปด้วย ไฟทุกดวงปิดลงหลังปิดฉากงานอย่างอลังการ ก่อนที่ทุกอย่างจะสว่างไสวขึ้นอีกครั้งในเวลาผ่านไปไม่กี่นาที พิธีกรเชิญประธานในพิธีมากล่าวปิดงานและในเวลาต่อมาแขกเหรื่อต่างทยอยเดินออกจากห้องจัดงาน นายหัวกรินขยับลุกขึ้นยืน จัดสูทให้เข้าที่ “แม่กลับบ้านไปก่อนนะครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวผมตามไป” นายหัวหนุ่มบอกมารดาแล้วเดินเลี่ยงออกไปตามป้ายนำทาง “ไม่ให้แม่รอก่อนหรือ” คนเป็นมารดาถามอย่างแปลกใจ อาการลุกลี้ลุกลนของลูกชายหายไปตั้งแต่เปิดตัวนางแบบ นางไม่เคยคิดสักครั้งว่าลูกชายจะชอบ ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างที่ไม่ได้แนะนำศยามลให้ลูกชายรู้จักอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ผมขับรถมาอีกคันอยู่แล้ว แม่รอเดี๋ยวจะดึก พรุ่งนี้นายกริชก็ต้องทำงานแต่เช้า” “ก็ได้” บอกมารดาอีกอย่าง หากแต่นายหัวหนุ่มกลับเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว สายตาคมมองหาเจ้าของร่างบางที่ตรึงตราอยู่บนเวที ทว่าก็ไร้เงา มีเพียงกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอที่เขาเคยเห็นมาสองครั้ง สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเธอยังอยู่ในโรงแรม นางแบบจำเป็นอย่างพลอยขวัญถอดรองเท้าถือเดินกะเผลกๆ ออกมาจากห้องแต่งตัวที่เธอเพิ่งเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดเดิม เครื่องสำอางบนใบหน้าถูกล้างออกจนไม่เหลือเค้าโครงนางแบบเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มือหนาของใครบางคนกำลังค้นกระเป๋าของเธอไปมา อาการกลัวเจ้านายเริ่มกำเริบอีกครั้ง หญิงสาวรีบเดินเข้ามา “เอ๊ย นั่นจะทำอะไร ขโมยของหรือไง” เจ้าของกระเป๋าร้องทัก เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าของร่างสูงที่กำลังสนใจกระเป๋าของเธออยู่ เสียงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอีกคนกลัวจะมีคนแห่มา มือหนาของชายหนุ่มฉุดข้อมือของเธอเซลงนั่งบนตักของเขา “โอ๊ย!” หญิงสาวร้องออกมาเสียงแหลม ข้อเท้าที่กำลังเจ็บของเธอไปกระแทกขาเก้าอี้อย่างจัง อีกทั้งตัวของเธอก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนออกไปได้ เพราะอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม “อะไรเนี่ยไอ้บ้ากาม มากอดฉันทำไม! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวแว้ดชายหนุ่มเสียงแหลมเมื่อรู้สึกตัวว่าเสียหลักนั่งทับร่างหนา ดิ้นขลุกในอ้อมแขน “จะแหกปากร้องทำไม” “นี่นายจะลวนลวมฉันใช่ไหม...หา! ช่วยด้วยค่ะ มีคนจะลวนลามฉัน” พลอยขวัญตะโกนขอความช่วยเหลือไม่ได้สนใจชายหนุ่มตรงหน้าสักนิด แต่เขาก็ยกมือปิดปากเธอได้ทัน “หยุดแหกปากได้แล้ว ไม่หยุดโดนจูบปิดปากนะ หรือจะลอง” ชายหนุ่มขู่ พร้อมกับโน้มหน้าไปหา หญิงสาวในอ้อมแขนเงียบเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นหน้าและการแต่งตัวที่เพิ่งเจอเมื่อวันก่อน ถึงตอนนี้เขาจะสวมสูทตัวหนาก็ตามที “อย่านะ! คุณต้องการอะไร” “เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมา” ชายหนุ่มบอก รัดวงแขนให้แน่นขึ้น “ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! ฉันเจ็บ” หญิงสาวร้องบอกอีกที แต่ทว่าชายหนุ่มก็ไม่แยแส “ไม่ปล่อย! จนกว่าจะได้โทรศัพท์คืน...” “โทรศัพท์รุ่นคุณปู่ฉันไม่อยากได้หรอก แต่ถ้าคุณอยากได้คืนก็ต้องเอากระเป๋าของฉันมาแลก” หญิงสาวเชิดหน้าเถียงคอตั้ง “มันจะมากไปแล้วนะ...ต่อรองยังกับเด็กเหลือขอ จะคืนดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลัง ลุกขึ้นมานี่เลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม