Chapter อย่ามาสำออย

1256 คำ
ชายหนุ่มรั้งตัวหญิงสาวลุกและดึงหลบสายตาผู้คน ไม่สนใจใบหน้าเหยเกของหญิงสาวที่ยังเจ็บข้อเท้าทรงตัวยืนยังไม่ได้ เพราะคิดว่าเป็นมารยาหญิงที่เขาเจออยู่บ่อยๆ ไม่ลืมหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางของเธอติดมือมาด้วย “คุณจะลากฉันไปไหน ปล่อยฉันก่อนเถอะ ฉันเจ็บข้อเท้า” หญิงสาวตะโกนบอกอ้อนวอน มีอาการเจ็บแปลบข้อเท้าที่ใช้งานหนักเกินไปในขณะที่ตัวลอยตามแรงฉุดดึงของชายหนุ่มที่ก้าวท้าวยาว ไม่มีจังหวะให้เธอได้ทรงตัวยืน พลอยขวัญฝืนอาการปวดระบม หญิงสาวพยายามขืนทรงตัว ขยับขาก้าวเดินตามชายหนุ่มไปด้วยท่าทางที่ไม่ถนัดและก้าวไปช้า ๆ ทำให้นายหัวหนุ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาลดความเร็วลง แต่ยังทำใจแข็งปากแข็งไม่ยอมปล่อยหญิงสาวที่เดินโขยกเขยกตามแรงฉุดของเขา “อย่ามาสำออย ทีนี้จะคืนได้หรือยัง ถ้ายังอีก...ฉันจับจูบให้เท่าราคาโทรศัพท์ก่อนไปแน่ๆ เอาไง” ชายหนุ่มขู่ เข่นเขี้ยวกับอาการดันทุรังของเธอ “ไม่” จบประโยค ตัวของเธอถูกอุ้มลอยขึ้นทั้งตัว พอตั้งสติได้ก็โวยวายเสียงดังอีกครั้ง “ไอ้บ้า ลามก! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” พลอยขวัญพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มใบหน้าครามครันไม่เพียงไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เขายังกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นบอกเสียงเข้ม แววตาไม่สามารถบ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก้าวฉับๆ ไปที่รถ เขาจำได้ว่ารถของเธอจอดอยู่ข้างรถของเขา “เปลี่ยนใจแล้ว...ปล้ำเลยดีกว่า เงินค่าโทรศัพท์ก็คงเท่าราคาไปชี้นางตู้กระจกออกมาคืนหนึ่งพอดี” “อ๊าย...ปล่อยนะ” หญิงสาวดิ้นเร่า แต่ยิ่งดิ้นเขายิ่งรัดแน่นไม่สนใจหญิงสาว เดินอุ้มเธอต่อไปจนถึงรถจึงยอมวางหญิงสาวลง หากแต่รถคันสีขาวของเธอไม่ได้จอดอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มวางหญิงสาวให้ยืนเอง แล้วหันมาถาม “รถเธอไปไหน” “ฉันไม่จำเป็นต้องบอก” หญิงสาวดึงกระเป๋าของเธอในมือชายหนุ่มกลับมา คล้องสายสะพายกระเป๋าใบเล็กที่ติดตัวพาดบ่าใหม่ไม่ให้เลื่อนตก แล้วเปิดกระเป๋าอีกใบของเจ้านายหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมคืนให้เขา หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่รับและก้มลงนั่งยองๆ จับข้อเท้าหญิงสาวดู “นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยขาฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวตวาดแว้ด “แค่จะดูว่ามันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” หญิงสาวกระถดขาถอยออกมาหนึ่งก้าว “ไม่ต้อง เอาของคุณคืนไป” หญิงสาวบอกเสียงแข็งพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ชายหนุ่ม “กรุณาตรวจดูว่าเครื่องคุณบุบสลายหรือเปล่า แต่เครื่องนี้อยู่มาจนป่านนี้ อะไรก็คงทำอะไรมันไม่ได้” หญิงสาวบอกเขาเสียงเรียบหากแต่เหน็บแนมเล็กๆ แววตาสั่นระริกเจือด้วยความโกรธที่ยังไม่จางหาย ก่อนที่จะเดินกะเผลกออกไป “นั่นจะไปไหน กลับยังไง” ชายหนุ่มร้องตามหลัง “ฉันจำเป็นต้องบอกหรือเปล่า” สิ้นประโยคที่หลุดออกจากปากของเธอไม่นาน ตัวของหญิงสาวลอยหวืออีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มจับเธอยัดเข้าไปในรถของเขาอย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว ไม่เว้นจังหวะให้หญิงสาวได้ตอบโต้ เขาปิดประตูแล้ววิ่งอ้อมไปฝั่งคนขับพร้อมกับล็อกแน่นหนา “ไม่บอกก็ไปนอนเป็นเพื่อนฉันสักคืนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มยั่ว เมื่อทางออกกำลังจะปิดหญิงสาวก็เริ่มกลัว หันกลับไปมองคนขับรถด้วยแววตาตื่นตระหนก “ฉันจะกลับแท็กซี่” “บ้านอยู่ไหน” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง “ปล่อยฉันลงเถอะ บ้านฉันอยู่แถวนี้เอง” หญิงสาวเลี่ยงที่จะไม่บอก “ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ไปบ้านฉันเลยก็แล้วกัน กำลังหาคนนอนกอดอยู่พอดี” ชายหนุ่มแกล้งขู่อีกครั้งพร้อมกับออกรถ กดล็อคประตูปิดทางรอดของหญิงสาวทุกกรณี พลอยขวัญอ้าปากหวอจินตนาการไปไกล คำว่า ‘ไปบ้านเขาและนอนกอด’ คงหนีไม่พ้นเรื่องอย่างว่าระหว่างชายหญิง แล้วผู้หญิงตัวเล็กอย่างเธอก็ไม่มีวันสู้แรงผู้ชายอย่างเขาได้ เพียงทางเดียวที่เธอจะรอดคือบอกทางกลับบ้านให้เขา หญิงสาวบอกแผนที่ทางกลับบ้านแล้วล้มศีรษะลงพิงพนัก ลุ้นเส้นทางถึงขั้นนับบ้านทุกหลังที่เขาขับผ่าน ยังดีที่บ้านกนกนารายอยู่ห่างจากโรงแรมแค่สองซอย ไม่อย่างนั้นเธอต้องทนอึดอัดไปนานกว่านี้แน่ เมื่อเห็นหญิงสาวยอมและนั่งเงียบหน้าง้ำกับเบาะรถ ชายหนุ่มก็อดยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่ได้ จนกระทั่งถึงบ้านกนกนาราย หญิงสาวรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีที่รถหรูจอดสนิท ก่อนปิดประตูไม่ลืมกล่าวขอบคุณคนมาส่ง “ขอบคุณที่กรุณามาส่ง” “เดี๋ยวเธอ!” ชายหนุ่มร้องตาม ทว่าหญิงสาวฝืนความเจ็บรีบเดินเข้าบ้านไปแล้ว เธอไม่ได้สนใจหันกลับมามอง สายตาของชายหนุ่มมองเห็นป้ายหน้าบ้าน “บ้านผู้ดีเก่าเสียด้วย ถึงว่า...เหยียดคนอื่นขนาดนี้” ชายหนุ่มรำพึงอยู่คนเดียว สลับกับมองแผ่นป้ายที่ติดไว้หน้าบ้าน ‘กนกนาราย’ พลอยขวัญกลับถึงบ้านก็ล่วงเลยวันใหม่มาเกือบชั่วโมง รู้สึกโล่งอกที่อาจจะไม่เจอเจ้านายในเวลานี้ แต่ทันทีที่เปิดประตูบ้านใหญ่เข้าไปความเงียบสงบที่คาดหวังไม่มีให้เธอเสียแล้ว สองแม่ลูกกำลังถกกันหน้าเครียด พลอยขวัญเดาได้ไม่ยากว่าศยามลต้องโดนมารดาขัดใจหรือบีบบังคับอะไรสักอย่าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอควรรู้ หญิงสาวรีบเดินเลี่ยงอาณาเขตอันตรายออกไปทันที หากแต่สายตาของศยามลก็เหลือบไปเห็นพลอยขวัญเข้าเสียก่อน เสียงแปร๋นของเธอดังขึ้นทันที พร้อมกับเจ้าของเสียงเดินเข้ามาถึงตัว “เดี๋ยว!” พลอยขวัญเงยหน้ามองตามเสียง “เผี๊ยะ!” เรียวมือเล็กที่ฟาดลงมาบนใบหน้าของเธอ ถึงไม่แรงมากแต่ก็ชาไปชั่วขณะ คนโดนตบมองหน้าเจ้านายสาวอย่างมึนงง ยังไม่รู้สาเหตุของการถูกลงโทษครั้งนี้ “แกกล้าดียังไงไปขึ้นเวทีเดินแบบแทนฉัน” “คือ..พี่เป็ดขอร้อง คุณศยาหนีออกมาแล้วติดต่อไม่ได้ ถ้าไม่ทำงานก็พัง” พลอยขวัญบอกไปตามความจริง “แกบอกว่าแกมีค่ามากถึงขั้นพี่เป็ดขอร้องแกเชียวหรือนังพลอย” ศยามลขึ้นเสียงด้วยความโกรธ เพราะถ้าเจ้าของโมเดลลิ่งมองเห็นค่าคนอื่น นั่นก็หมายถึงค่าของเธอก็ลดน้อยลง เธอไม่ได้ตั้งใจหนี แต่ต้องการสั่งสอนให้คนพวกนั้นรู้เท่านั้นว่าเธอก็มีดีจนต้องตามง้อกลับมา “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” พลอยขวัญพยายามปฏิเสธ หากแต่มือที่ตบใบหน้าเธอเมื่อครู่เลื่อนขึ้นไปกระชากผมบนศีรษะอย่างแรง “หยุดเดี๋ยวนี้นะศยา ออกไปก่อน แม่อยากคุยกับพลอย” คนเป็นแม่ร้องปรามและบอกลูกสาวให้ออกไป สิ่งที่นางจะทำเหนือชั้นกว่าทำร้ายร่างกายให้เจ็บปวดมาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม