เย็นวันเดียวกันหลังจากตื่นขึ้นมานีรชายังพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของพราวดาว เธอถอนหายใจออกมาพรืดหนึ่งเพราะแน่ใจว่าไม่ใช่ความฝัน เรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนี้มีอยู่จริง ๆ เหรอ นีรชายกมือกุมขมับด้วยมืดแปดด้าน
“ตื่นแล้วเหรอหิวหรือเปล่า” เนตรนภาเอ่ยถามหลังเห็นพราวดาวลืมตา
“แม่กับพ่อล่ะเขาสองคนมาบ้างหรือเปล่า” จู่ ๆ นีรชาก็นึกถึงครอบครัวของพราวดาวขึ้นมา ครอบครัวที่มีส่วนทำให้นางร้ายของเธอต้องโหยหาความรักจากคนอื่น แต่หากจะพูดให้ถูกก็น่าจะเป็นเพราะนีรชาเองที่กำหนดให้ชีวิตดาราสาวมีปมตั้งแต่เด็ก
การที่เนตรนภาไม่มีคำตอบให้นั่นก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าแม้แต่ความเป็นความตายของลูกตัวเองก็ยังไม่สำคัญ ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเป็นไปตามที่นีรชาวางเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“เดี๋ยวเอาไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรหาใหม่ไม่ต้องคิดมากหรอกคุณลุงกับคุณป้าอาจจะยังไม่ได้ดูโทรศัพท์” เนตรนภาได้แต่พูดปลอบใจเพระรู้เรื่องในครอบครัวของพราวดาวเป็นอย่างดี
“พี่เนตรไม่ต้องปลอบใจพราวหรอก” เธอเป็นคนปูปมชีวิตตัวละครทุกตัวเองกับมือจึงรู้ตื้นลึกหนาบางดีทุกอย่าง ข่าวดาราสาวประสบอุบัติเหตุเป็นข่าวใหญ่โตที่ไม่มีใครไม่พูดถึงดังนั้นคำพูดปลอบใจของผู้จัดการส่วนตัวจึงไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมาหำซ้ำยังรู้สึกสมเพสตัวเองอีกต่างหาก
เธอไม่อาจรู้เลยว่าตอนนี้ดวงจิตของพราวดาวอยู่แห่งหนใดแต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้คือจิตใจและความรู้สึกที่ยังหลงเหลือ คนที่พ่อไปทาง แม่ไปทางหนำซ้ำยังไม่ไยดีลูกเต้า มันรู้สึกแย่แบบนี้เองสินะ ชีวิตที่ถูกคนอื่นกำหนดชะตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มันช่างอนาถใจจริง ๆ
“พราวอยากไปเข้าห้องน้ำ” นีรชาบอกเป็นเชิงให้เนตรนภาช่วยพยุงเธอไปห้องน้ำเพราะอุบัติเหตุทำให้ขาซ้ายได้รับบาดเจ็บเลยเดินเหินไม่สะดวก
“ไม่ต้องเข้ามาก็ได้ค่ะ” นีรชารีบห้ามเมื่อเห็นเนตรนภาทำท่าจะเข้าไปในห้องน้ำด้วย
“ไม่ได้ถ้าเธอเกิดล้มหัวฟาดจะทำยังไง” เนตรนภาบอกอย่างดุ ๆ
“ไม่ล้มหรอกห้องน้ำเล็กแค่นี้เอง” นีรชารีบปิดประตูลงกลอนทันที เธอใช้มือเกาะผนังห้องน้ำฝั่งหนึ่งแล้วค่อย ๆ เดินไปอ่างล้างหน้าที่มีกระจกบานใหญ่มองเห็นเกือบทั้งตัว
“ว้าว พราวดาวทำไมเธอถึงเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้นะ” นีรชาพึมพำออกมาเบา ๆ เพราะกลัวว่าเนตรนภาที่รออยู่ด้านนอกจะได้ยินเข้า แม่นักเขียนหมุนซ้ายหมุนขวามองร่างกายพราวดาวในกระจก
จริงอยู่ว่าเธอพรรณนาความสวยของพราวดาวไว้นิยายอย่างละเอียดจนคนอ่านเห็นภาพแต่ใครจะไปคิดล่ะว่าตัวเป็น ๆ มีเนื้อมีหนังจะสวยกว่าที่จินตนาการเอาไว้ซะอีก
ตัดภาพมาที่ตัวเองแม้หน้าตาจะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ถ้าเทียบกับพราวดาวก็ถือว่าห่างกันคนละชั้น เธอเป็นคนรูปร่างเล็กสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเรื่องหน้าอกหน้าใจก็ไม่ได้มีถึงขนาดจะอวดคนอื่น พอได้มาอยู่ในร่างดาราสาวสวยไร้ที่ตินีรชาก็เกิดความคิดพิเรนทร์ขึ้นมา
มือเล็กค่อย ๆ แกะกระดุมชุดผู้ป่วยไล่จากเม็ดบนลงไป นีรชามองเรือนร่างที่ปรากฏในกระจกบานใหญ่ด้วยความตื่นเต้น หุบเขาหยกอันเป็นประกายสะท้อนอยู่บนกระจก ผิวขาวดุจไข่มุกผู้คนต่างอิจฉา ร่างกายอันเปรียบเหมือนประตูเบิกทางสู่การเป็นดารา แม้เพศผู้หญิงด้วยกันยังต้องหันมองด้วยความอิจฉา
สักสามสิบหกได้ไหมนะ ไม่สิใหญ่ๆบึ้มๆแบบนี้น่าจะสามสิบเจ็ดไม่ก็สามสิบแปดล่ะมั้ง
นีรชาพูดพลางเอามือโกยหน้าอกกลมนูนเข้าหากันแต่ความคิดพิเรนทร์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น คนอาศัยร่างยังลากสายตาอิจฉาสำรวจเรือนร่างอันงดงามนี้ต่อ
“อื้อหือออ สะโพกเหรอเนี่ยสุดยอด เช้งกระเด๊ะมากแม่จ้าว” ปากว่ามืออยู่ไม่เป็นสุข นีรชาวางมือไว้บนบั้นท้ายแล้วฟาดไปหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยวก่อนที่มือซุกซนจะย้ายไปกึ่งกลางลำตัวบริเวณเนินสามเหลี่ยมนูนเด่นด้านหน้า
คงผ่านการดูแลมาอย่างดีสิท่าถึงได้ขนาดนี้แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอแหวกดูสักหน่อยแล้วกัน
นีรชาใช้มือหนึ่งยึดอ่างล้างหน้าเพ่อกันหกล้มก่อนจะก้มใบหน้าลงไปพร้อมกับแยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน พริบตาที่มองเงาสะท้อนความเงียบเข้าปกคลุม เธอหยุดการกระทำแล้วมองไปยังบริเวณอันเป็นพื้นที่สงวนของผู้หญิง สิ่งที่ดึงดูดสายตาหาใช่ส่วนน่าอายหากแต่เป็นปานสีแดงขนาดเท่าเม็ดถั่ว นีรชาจำได้ว่าเธอเป็นคนให้พราวดาวมีตำหนิอยู่บริเวณลับซึ่งมันก็มีอยู่จริง ๆ
“พราวเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเงียบๆ” เสียงเคาะประตูของใครคนหนึ่งทำเอาหัวใจคนมีความคิดพิเรนทร์หล่นไปอยู่ตาตุ่ม มาตอนไหนไม่มาดันมาเวลาสำคัญ
“ว่าไง” นีรชาส่งเสียงออกไปพร้อมกับรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่อย่างลวก ๆ ทันทีที่รู้ว่าคนที่มาขัดขวางภารกิจสำคัญคือพายุ
“มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าให้ฉันเข้าไปไหม”
“ทะลึ่งจะเข้ามาทำไม” ดวงหน้าสวยเห่อแดงขึ้นมาทันทีทันใด อิตพระรองนี่ลามกชะมัด
“ทะลึ่งอะไรกำลังคิดอะไรอยู่ที่ฉันถามเพราะกลัวเธอจะล้มหัวฟาดคาชักโครกต่างหาก แล้วคนที่ต้องเดือดร้อนก็ต้องเป็นฉันเพราะฉันต้องลำบากมาดูแลเธอ” เจ้าของเสียงทุ้มตอบอย่างเอือมระอา คราวก่อนที่พราวดาวถ่ายละครแล้วเกิดอุบัติเหตุจนข้อเท้าแพลง ก็ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่ถูกโทรตามตัวให้ไปดูแลถึงห้อง ทั้งที่หน้าที่ก็ไม่ใช่
“สัญญาเลยว่าคราวนี้ฉันจะไม่รบกวนนายอีก” แน่นอนว่านีรชาจำเรื่องราวในนิยายได้จึงตอบกลับไปทันควันราวกับว่าเธอเป็นพราวดาวซะเอง พอพูดจบก็เปิดประตูออกมาตั้งใจจะต่อว่าเรื่องความหลงตัวเองจนน่าหมั่นไส้ของพายุสักหน่อยแต่เพราะขาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บจังหวะก้าวออกมาจากห้องน้ำเลยล้มลงแต่โชคดีที่พายุรับไว้ได้ทัน
สองสายตาสบประสาน ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงคืบ ด้วยนิสัยใจคอที่ติดมาจากอีกมิติแม่นักเขียนค่อย ๆ ไล่เรียงใบหน้าพายุทีละส่วน เริ่มจากคิ้วดกหนามันช่างจรดเข้าหากันได้อย่างดูดี ดวงตาสีรัตติกาลคมเข้มตามที่เธอจินตนาการเอาไว้ไม่มีผิด
ไล่ต่ำลงมาอีกหน่อยดวงตาคู่สวยปะทะเข้ากับจมูกโด่งเป็นสันแต่ที่ไม่อาจจะปล่อยผ่านไปได้คือริมฝีปากของชายหนุ่มแม้ไม่ได้เป็นสีชมพูตามที่พรรณนาแต่ก็เป็นริมฝีปากที่ชวนให้อยากสัมผัสดูสักครั้ง
ไม่ๆๆนีรชา สเปคเธอคือผู้ชายอย่างเหนือเมฆโน่นต่างหาก
“จ้องขนาดนี้ถ้าฉันท้องขึ้นมาจะทำยังไง” พายุเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าตัวเองจนรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“เป็นปลากัดหรือไงแค่จ้องจะได้ท้อง”นีรชาต่อกรพระรองของเธอด้วยการว่ากลับไปทันควัน ไม่นึกว่าภายใต้ความสุขุมเยือกเย็นคำพูดคำจาใช่ย่อย หน้าตาก็หล่อดีอยู่หรอกแต่พ่อคุณจะปากร้ายไปไหน
“แล้วทำไมมาเข้าห้องน้ำคนเดียวผู้จัดการเธอล่ะ” พายุเอ่ยถามขณะช่วยพยุงคนป่วยกลับมายังเตียง
“ไม่รู้เหมือนกันเมื่อกี้ก็ยังอยู่หน้าห้องน้ำอยู่เลยนะ”
“ฉันมาได้เกือบห้านาทีแล้วยังไม่เห็นผู้จัดการของเธอเลยนะ” เขาว่าพลางมองนาฬิกาข้อมือเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง
“สงสัยไปซื้อของกินมั้ง” นีรชาเดาส่ง ๆ ไปอย่างนั้น
“ไปซื้อของกินตอนที่เธอเข้าห้องน้ำเนี่ยนะ” พายุแค่นหัวเราะออกมาอย่างนึกขัน ปล่อยให้เข้าห้องน้ำคนเดียวแบบนี้ถ้าเกิดลื่นล้มหัวฟาดขึ้นมาจะทำยังไง
“ไม่รู้เหมือนกันแต่เดี๋ยวก็คงมาแหละว่าแต่นายเหอะว่างเหรอถึงแวะมาหาฉันได้” ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าคือพระเอกในนิยายแม่นักเขียนคงจะไม่ถามอะไรให้คนฟังเสียน้ำใจหนำซ้ำยังจะขอให้อีกฝ่ายมาเช้ามาเย็น
“เธอคงอยากเห็นหน้าไอ้เหนือมากกว่าหน้าฉันสินะ” ทำไมพายุจะไม่รู้ว่าพราวดาวกำลังคิดอะไรอยู่ หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่เพื่อนของเขา ผู้ชายที่พายุไม่อยากให้พราวดาวเข้าไปยุ่งเกี่ยว
นีรชาได้ฟังก็นิ่งเงียบไป พายุพูดเพราะความหวังดีต่อพราวดาวทำไมเธอจะไม่รู้แต่มีบางอย่างสะกิดให้แม่นักเขียนเกิดความสงสัย แววตาของพายุเหมือนมันมีบางอย่างที่นอกเหนือจากที่เธอเขียนไว้ในนิยาย แต่มันจะคืออะไรกันนะ
“ช่างเถอะยังไงมันก็ชีวิตของเธอฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งอยู่แล้วอยากทำอะไรก็ตามสบายแล้วกัน” พูดจบชายหนุ่มที่วันนี้มาในฐานะเพื่อนก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้องแต่แล้วก็ต้องชะงัก
“แล้วนายล่ะนายเลิกชอบผู้หญิงคนนั้นได้เหรอ” นีรชามั่นใจว่าพายุไม่มีทางจะเลิกชอบนางเอกในนิยายของเธอได้เพราะเธอวางบทให้พระรองเป็นคนรักฝังใจ ประโยคคำถามที่ไล่หลังไปอย่างรู้ทันทำให้ร่างสูงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้
“ถึงฉันจะเลิกชอบคุณน้ำไม่ได้แต่ฉันก็รู้ว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหนไม่ทำให้ใครลำบากใจหรอก” พายุทิ้งคำพูดแทงใจชดำคนฟังก่อนจะเดินออกไปจากห้อง นีรชาได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างกระทั่งประตูปิดสนิท หากตอนนี้นีรชากำลังมองพระรองของเธอผ่านตัวหนังสือเธออาจจะไม่รู้สึกผิดเท่าตอนนี้ก็ได้
ผู้ชายที่มีความรักมั่นคง รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน รักที่ขอแค่ได้รัก มันอาจมีอยู่จริงบนโลกใบนี้แต่กับตัวละครในนิยายมันก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
พายุทำให้นีรชารู้สึกผิดอยู่ในใจ ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากกลับไปแก้ไขให้พระรองในนิยายไม่ต้องเป็นคนรักฝังใจเหมือนอย่างในตอนนี้แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายเกินไปแล้ว