ลางบอกเหตุ
นีรชา เป็นนักเขียนเผยแพร่นิยายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ความเป็นมานั้นเกิดจากเธอชื่นชอบการดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจ ชอบถึงขั้นเก็บเอาหน้าตาของพระเอกมาเพ้อฝัน จนเมื่อหลายเดือนก่อนเธอได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับจินตนาการตัวเอง ผู้ชายเย็นชาเย่อหยิ่งแต่คลั่งรักกว่าใครถูกหยิบยกมาเป็นพระเอกในนิยายของเธอจนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
กว่าหนึ่งชั่วโมงสมองเธอคิดอะไรไม่ออกหญิงสาวนั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมโดยไม่ได้พิมพ์ตัวหนังสือสักตัว จนในที่สุดเธอก็คิดคำบรรยายออกปลายนิ้วเรียวสัมผัสแป้นพิมพ์ถ่ายทอดเรื่องราวอันออกมาจากมันสมองน้อย ๆ เนื้อหาแนวประธานบริษัทคลั่งรักทำเอาแฟนนิยายเขินจนตัวบิดเมื่อได้อ่านถึงตอนล่าสุดก่อนจะปิดท้ายตอนนั้นด้วยฉากเร่าร้อนของพระนาง แต่ด้วยบุคลิกพระเอกผู้มากมั่นกว่าดอกพิกุลจะร่วงหล่นลงมาจากปากได้ก็เอาคนอ่านสาปส่งไม่รู้กี่ตอนต่อกี่ตอนแล้ว
“เฮ้อ เสร็จสักที” เสียงหวานเอ่ยพลางกางแขนทั้งสองข้างบิดขี้เกียจพร้อมกับอ้าปากหาวหวอด ๆ มือเล็กกดปิดสวิตช์คอมพิวเตอร์แล้วทิ้งตัวลงไปยังเตียงหนานุ่ม เปลือกตาคู่สวยค่อย ๆ ปิดสนิทส่งคนง่วงเข้าสู่ห้วงนิทรา
เช้าวันใหม่แสงแดดจ้าลอดผ่านริ้วผ้าม่านเข้าทางหน้าต่าง ทำให้คนนอนอุดอู้อยู่ในผ้าห่มผืนหนานุ่มฝืนลืมตาขึ้นมา
“ตายแล้ว” นีรชาดีดตัวขึ้นด้วยความตกใจความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นนาฬิกาชี้เลขแปด ร่างเล็กกุลีกุจรลงจากเตียงก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำเป็นการด่วน วันนี้เธอมีเรียนชั่วโมงแรกตอนเก้าโมงเช้าแต่ตอนนี้เกือบจะแปดโมงแล้ว
เพราะฉากวาบหวิวของท่านประธานแท้ๆ
นีรชาจะยกความผิดทั้งหมดให้พระเอกคนโปรดของเธอขณะออกมาจากห้องน้ำด้วยความเร่งรีบ หลังแต่งตัวเสร็จเธอคว้ากระเป๋าคู่กายพร้อมหนังสือสองเล่มแล้วรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นหอมกรุ่นจากฝีมือการทำอาหารของผู้เป็นพ่อลอยเข้าจมูกมาจากในห้องครัว เดาว่ามื้อเช้าคงจะเป็นโจ๊กหมูสูตรพิเศษเป็นแน่
“ขอโทษนะคะวันนี้ฟ้าสายแล้วขออนุญาตติดมื้อเช้าไว้ก่อนนะ” นีรชาหยิบแผ่นขนมปังคาบไว้ในปากขณะก้มผูกเชือกรองเท้าผ้าใบ
“แล้วไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นพ่อตะโกนออกมาจากในครัวเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของลูก
“ไม่ทันแล้วค่ะพ่อฟ้าไปเรียนก่อนนะคะ” เสียงใสตะโกนกลับไปทันที ร่างบางในชุดนักศึกษาแทบจะวิ่งออกจากบ้านส่วนผู้เป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าเมื่อคิดว่าเมื่อคืนนี้บุตรสาวคงจะนอนดึกเพราะมัวแต่แต่งนิยายอีกตามเคย
นีรชาอาศัยอยู่กับอรรถพลสองคนพ่อลูกเพราะแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่ตอนเธออายุได้เพียงสิบขวบ อรรถพลเป็นพนักงานบัญชีบริษัทแห่งหนึ่งด้วยประสบการณ์ทำงานกว่าหลายปีเงินเดือนและค่าตอบแทนเลยพอจะส่งเสียให้บุตรสาวได้เรียนสูง ๆ
แม้ฐานะครอบครัวจะพอมีกินมีใช้แต่อรรถพลก็ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดจะซื้อรถให้ลูกขับไปเรียน นีรชาจึงนั่งรถเมล์ไปมหาวิทยาลัยทุกวันแต่วันนี้เห็นทีเธอคงต้องใช้บริการแท็กซี่ซะแล้ว
ต้องขอบคุณคุณลุงโชเฟอร์เพราะความชำนาญเส้นทางเลยพานีรชามาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด เจ้าของร่างอันบอบบางวิ่งหอบเหนื่อยเข้าไปในห้องเรียนแล้วตรงไปยังเก้าอี้ว่างซึ่งมีเพื่อนสนิทของเธอรออยู่
“นอนดึกอีกแล้วสิท่าถึงมาสายเอาป่านนี้” ก้นยังไม่ทันหย่อนถึงเก้าอี้นีรชาก็ถูกเพื่อนซี้ทักอย่างรู้ทัน
“เกือบเช้า” คนถูกถามเอามือป้องปากขณะอ้าปากหาวหวอดๆ เพราะกว่าจะเขียนนิยายออกมาได้แต่ละตอนเธอต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงบางครั้งก็เป็นวัน ๆ กว่าจะเรียงร้อยคำพูดออกมาได้แต่ละประโยค
“แล้วแต่งใกล้จบหรือยังฉันอยากอ่านจะแย่แล้วนะ” เพลินเพลงคือเพื่อนสนิทของนีรชา ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เพลินเพลงชอบดูซีรีส์และชอบอ่านนิยายรักหวานแหววแต่ติดตรงไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลยได้แต่สนับสนุนเพื่อน
“ยังเลยพึ่งแต่งได้ครึ่งเรื่องเอง” คนถูกถามเท้าคางส่ายหน้าเนือยๆ พลางถอนหายใจยาว นีรชาไม่คิดว่าการแต่งนิยายสักเรื่องจะยากเย็นขนาดนี้พอลงมือทำถึงได้รู้ว่านอกจากจะเป็นคนมีจินตนาการแล้วแล้วเธอยังต้องมีคลังคำศัพท์ในหัวและความขยันอีกด้วย เพลินเพลงกำลังจะถามเพื่อนต่อแต่อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้องพอดีสองสาวเลยต้องจำใจหยุดสนทนา
หลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จนีรชากับเพลินเพลงมานั่งทานข้าวยังโรงอาหารของมหาวิทยาลัย กับข้าวฝีมือแม่ครัวที่นี่ถูกปากพวกเธอมากกว่าร้านข้างนอกอีกทั้งราคาก็ไม่แพง
“โอ๊ยยย พายุฉันทำไมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้” เพลินเพลงทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้หลังจากได้อ่านนิยายที่เพื่อนแต่งตอนล่าสุด คนอื่นอาจจะชอบพระเอกผู้คลั่งรักของนีรชาแต่เพลินเพลิงชื่นชอบและหลงพระรองเรื่องนี้เอามาก
“พอๆเลยไม่ต้องอ่านแล้ว” นีรชาหยิบโทรศัพท์มือถือคืนมาอย่างอดหมั่นไส้ในความโอเว่อร์ของเพื่อนตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ทั้งสองคนจะชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่างแต่ถ้าเป็นเรื่องซีรีส์หรือนิยายเพ้อฝันกลับอยู่กันคนละฝ่าย เพลินเพลงมักจะหลงเสน่ห์ของพระรองทุกเรื่องแต่สำหรับนีรชานั้นเธอมั่นคงกับพระเอกเพียงคนเดียว
“ขอเตือนนะถ้าแกทำให้พระรองของฉันเสียน้ำตาเมื่อไหร่ฉันเอาเรื่องแกแน่” คนพูดทำท่าขู่เพื่อนฟ่อๆ
“อะไรยะ พระเอกคู่นางเอกก็ถูกต้องแล้วนี่ความหมายของคำว่าพระรองก็คือตัวสำรองไง ซีรีส์หรือนิยายเรื่องไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นทำเป็นซีเรียสไปได้” นีรชาว่าพลางยักไหล่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ถ้าพระรองของฉันมีชีวิตเขาต้องอยากมาหักคอแกแน่ๆฟ้า” เพลินเพลงโกรธแทนพระรองของเธอจนเอาเรื่องผีสางมาขู่ต่อ
“มาเลยไม่กลัวหรอก ลองมาดูดิเดี๋ยวจะขอหวยให้ดู” นรีชาตอบอย่างติดตลก ถ้าพระรองในนิยายมีชีวิตป่านนี้บนโลกไม่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่หมดเหรอ
“บ้า พระรองของฉันไม่ใช่ผีทวงแค้นนะยะเจอจะได้ให้มาขอหวย สาธุ ถ้าพายุฉันมีชีวิตจริงๆขึ้นมาขอให้เขาเอาคืนคนแต่งนิยายใจร้ายอย่างแกเป็นสิบๆเท่า” เพลินเพลงโกรธแทนพ่อพระรองของเธอจนต้องหยิบยกเรื่องเป็นไปไม่ได้ขึ้นมาเอาชนะเพื่อน
“มาเลยไม่กลัวหรอก” แม่นักเขียนนึกขันอยู่ในใจ มีที่ไหนตัวละครในนิยายจะลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง พูดจบเธอก็ลงมือทานข้าวต่อทว่าในตอนนั้นอยู่ ๆ เธอก็รู้สึกหนาวเย็นเข้าไปถึงกระดูก
“แกหนาวไหมทำไมฉันรู้สึกหนาวๆ” นรีชาถามเพื่อนพลางเอามือลูบแขนตัวเอง
“หนาวบ้าอะไรอากาศร้อนจนตับจะแตกอยู่แล้ว” วันนี้อากาศร้อนอย่างที่เพลินเพลงว่าแต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหนาวเหน็บเหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุฝนที่ซัดลงมาไม่หยุด
“แกไม่สบายหรือเปล่าเมื่อวานวิ่งตากฝนไปหน้ามหาลัยไม่ใช่เหรอ”
“อือ อาจจะใช่” นีรชาพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่อย่างไรกลับไปบ้านคงต้องทานยาสักหน่อยเพราะคืนนี้เธอยังต้องแต่งท่านประธานผู้คลั่งรักต่อและยังมีตอนสำคัญอีกตอนที่เธอแต่งค้างเอาไว้หลายวันก่อน
ฉากนั้นเป็นฉากหลังจากพระเอกนางเอกทะเลาะกันรุนแรงนางเอกขอให้พระรองพาไปหลบพักรักษาแผลใจช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันได้ก่อตัวเป็นความหวังขึ้นภายในใจของพระรอง ผู้หญิงที่เขาหลงรักมาโดยตลอดอาจจะยอมเปิดใจให้เขาแล้วก็ได้ แต่ความหวังนี้ไม่มีทางเป็นจริงเพราะเนื้อเรื่องจากนี้นีรชาได้ให้พระเอกตามไปเจอนางเอกแล้วสุดท้ายทั้งคู่ก็กลับไปด้วยกัน ฉากนี้เองที่เธอยังคิดไม่ตกเพราะไม่รู้ว่าจะสร้างสถานการณ์แบบไหนให้พระรองของเธอดูน่าสงสารที่สุด