ช่วงเวลาเงียบสงบคนแต่งนิยายอย่างนีรชากำลังใช้ความคิดอยู่กับนิยายรักโรแมนติกติดดราม่านิด ๆ เหมือนเช่นทุกวัน จอคอมพิวเตอร์สี่เหลี่ยมคือสิ่งซึ่งให้เธอได้ถ่ายทอดจินตนาการอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อตอนเย็นอรรถพลโทรศัพท์มาบอกก่อนแล้วว่าวันนี้ตนต้องกลับดึกเพราะจำเป็นต้องอยู่เคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จ นีรชาเข้าใจดีว่าผู้เป็นพ่อต้องทำงานหนักก็เพื่อลูกอย่างเธอ อีกทั้งยังเข้าใจสายงานที่อรรถพลทำอยู่ยิ่งช่วงสิ้นเดือนแบบนี้คนทำงานบัญชีมักจะยุ่งจนหัวหมุนกันทุกคน
หลังจากรับผิดชอบงานบ้านเสร็จเรียบร้อยเธอก็ไม่ลืมจะปิดประตูหน้าต่างทุกบานแล้วอาบน้ำให้สบายตัวเพื่อจะได้มาปั่นงานนิยายต่อ
“โอ๊ย ทำไงดีคิดไม่ออก” หญิงสาวยกมือกุมขมับหลังจากสมองตันมากว่าชั่วโมง ในซีรีส์ที่เธอชอบดูมีพระรองแสนดีฉันใดในนิยายของเธอก็มีพระรองแสนดีฉันนั้น คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอกพลางนึกตำหนิตัวเองย้อนหลัง
ทำไมเธอต้องให้พระรองแสนดีขนาดนี้ด้วยนะ หนำซ้ำพ่อพระรองยังดูท่าว่าจะเป็นคนไร้คู่อีกด้วย
เสียงเป่าลมออกจากปากดึงออกมาอีกรอบ หญิงสาวถอดแว่นสายตาคู่หูออกวางไว้ยังโต๊ะก่อนจะลุกยืดเส้นยืดสายเพราะเธอนั่งหลังแข็งแต่งนิยายตั้งแต่หัวค่ำจนตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ขณะนั้นเธอสังเกตเห็นกลุ่มเมฆฝนตั้งเค้าทำท่าจะตกลงมาร่างบางจึงเดินไปปิดหน้าต่างซึ่งข้างนอกมีลมกระโชกแรงเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่เอนไปในทิศทางเดียวกันราวกับจะหักโค่น
ความเย็นยะเยือกปกคลุมภายในห้อง หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นภายในกระดูกร่างกายบอบบางสั่นเทาจนต้องโอบกอดตัวเองเอาไว้ บรรยายกาศเช่นนี้ชวนอยากให้มุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มนอนฟังเสียงฝนกระทบหลังคาบ้านแล้วผล็อยหลับไปแต่พายุลูกใหญ่ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาเต็มทีก็ทำให้เป็นห่วงผู้เป็นพ่อขึ้นมา
แต่ในขณะนั้นบานหน้าต่างไม้เก่า ๆ ตีเข้าหากันจนเกิดเสียงดังลมกระโชกแรงมาพร้อมฝนห่าใหญ่ซัดสาดลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาภายในเวลาไม่นาน หญิงสาวรีบเดินกลับมายังจอสี่เหลี่ยมเมื่อในหัวคิดอะไรดี ๆ ออก
ใช่….ฝนตก
เจ้าของร่างบางดีดนิ้วเมื่อความคิดบรรเจิด ในหัวแม่นักเขียนเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พร้อมถ่ายทอดออกมาผ่านตัวหนังสือซึ่งเธอกำลังจินตนาการถึงฉากพระเอกตามหานางเอกจนเจอแล้วจะพากลับไปด้วย เพราะพายุฝนถล่มหลังคาบ้านอยู่ในตอนนี้แท้ ๆ เธอถึงรู้ว่าจะแต่งฉากสำคัญของเรื่องต่อยังไง
ปลายนิ้วเล็กวางลงยังแป้นพิมพ์สีแป๋น เวลาสมองเป็นใจมีหรือคนแต่งนิยายอย่างเธอจะไม่รีบคว้าเอาไว้
ขอโทษด้วยนะพายุที่ทำให้นายต้องอกหัก แต่ทำยังไงได้พระรองอย่างนายก็เป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้นนี่
หญิงสาวระบายยิ้มกว้างพึมพำกับตัวเอง สำหรับเธอบทพระรองก็เปรียบเหมือนหมากสำคัญหมากหนึ่งเท่านั้นบางครั้งนิยายรักจำเป็นต้องสร้างสถานการณ์ให้มีพระรองมาคอยกระตุ้นความรู้สึกพระเอกเนื้อเรื่องมันถึงจะสนุกขึ้น จะว่าไปก็เหมือนเป็นสัจธรรม พระเอกคู่นางเอกเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้พระรองแสนดีแค่ไหนก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกเพราะบทพระรองถูกสร้างมาให้เป็นคนเสียสละและน่าสงสารเท่านั้น
นีรชาอยู่กับสมาธินานหลายนาที ดวงตากลมโตจดจ่ออยู่กับจอสี่เหลี่ยมเบื้องหน้า ปลายนิ้วเล็กถ่ายทอดเหตุการณ์รักสามเศร้าผ่านตัวหนังสือบรรจงพิมพ์ลงไปซึ่งดูเหมือนจะเป็นธรรมดาของนักเขียนทุกคน การบอกเล่าความรู้สึกตัวละครใจำเป็นอย่างมากที่ต้องเข้าใจความรู้สึกนึกคิดรวมถึงสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญหน้าอยู่
เฉกเช่นในเวลานี้นีรชาได้เข้าใจความรู้สึก พายุ พระรองผู้น่าเห็นใจในนิยายของเธอว่าเขาต้องเจ็บปวดเพียงใดเมื่อพบว่าเขาเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแต่สุดท้ายเขาก็ได้เข้าใจว่าผู้หญิงที่หลงรักไม่เคยเหลียวมองเขาเลย
นีรชาอยากให้เนื้อเรื่องในนิยายเข้มข้นจึงให้นางร้ายขับรถตามพระเอกไปแต่ดันคลาดกัน ตัวร้ายในนิยายของเธอมีชื่อว่า พราวดาว
เธอเป็นดาราสาวที่ร้ายในจอแต่นอกจอชีวิตกลับน่าสงสาร เล่าไปก็เหมือนละครน้ำเน่าเรื่องหนึ่ง แม้ว่านีรชาจะให้พราวดาวเป็นดาราดังแต่โลกทั้งใบก็หันหลังให้กับเธอตั้งแต่เด็กสิ่งเดียวที่เธอปรารถนาและต้องการคือความอบอุ่นและความเอาใจใส่จากคนในครอบครัว ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น เส้นทางการเป็นดาราของพราวดาวล้วนได้มาเพราะความสามารถแต่เงินทองหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงกลับถูกผู้เป็นพ่อเอาไปเข้าบ่อนการพนันนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนผู้เป็นแม่วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับขวดเหล้า
พราวดาวหลงรักผู้ชายคนหนึ่งนั่นก็คือ เหนือเมฆ ซึ่งเป็นเพื่อนในวัยเด็ก เนื่องจากพราวดาวขาดความอบอุ่นจากครอบครัวเธอเลยต้องเรียกร้องความรักจากคนอื่นมาเติมเต็มจนกลายเป็นคนหูหนวกตาบอดถึงขั้นขัดขวางความรักของเขา
เมื่อนิยายเดินทางมาถึงกลางเรื่องนีรชาให้คนอ่านเอาคืนนางร้ายด้วยการให้พราวดาวขับรถฝ่าพายุฝนตามพระเอกไปแล้วประสบอุบัติเหตุ เรื่องราวต่อจากนี้เธอวางพล็อตเรื่องเอาไว้ว่าจะให้พราวดาวแกล้งความจำเสื่อม อาศัยช่วงเวลาที่ชีวิตเจอมรสุมลูกใหญ่ทำให้พระเอกกลับมาสนใจตัวเองอีกครั้ง
โอ๊ย! พราวดาวคราวนี้เธอต้องถูกแฟนคลับของท่านประธานเกลียดกว่าเดิมแน่ๆ
แม่นักเขียนเอ่ยออกมาอย่างติดตลกขนาดนิยายพึ่งจะเดินทางมาถึงแค่กลางเรื่องนางร้ายของเธอยังร้ายกาจได้เพียงนี้ ร้ายจนนีรชาเริ่มคิดหนักว่าจะให้พราวดาวมีจุดจบไปในทิศทางไหน เพราะเธอดันปูเรื่องไว้ซะยุ่งเหยิงไปหมด แต่ก็ช่างเถอะอย่างไรเสียพราวดาวก็เป็นแค่นางอิจฉานี่นา
นีรชากลับมาที่ฉากสำคัญที่เธอต้องให้พระรองในนิยายถูกนางเอกปฏิเสธความรู้สึก ฉากที่เธอกำลังนั่งเพียรแต่งเป็นฉากที่พระเอกตามหานางเอกเจอแล้วตัดสินใจกลับไปด้วยกัน
ทุกบรรทัดที่ถ่ายทอดความรู้สึก เธอพยายามจินตนาการว่าตัวเองคือตัวละครตัวนั้น แม้ว่าสายตาจะจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์แต่ในหัวกลับมองเห็นพระรองของตัวเองกำลังอกหักยืนอยู่ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงเอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง นีรชาเป็นคนกำหนดชีวิตทุกตัวละครในนิยายตอนนี้เธอจึงไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังยืนมองผู้ชายสิ้นหวังคนหนึ่ง ใบหน้าของชายหนุ่มราวกำลังถามตัวเองซ้ำๆ
เขายังไม่ดีพอหรือที่ผ่านมาเขายังพิสูจน์ความจริงใจไม่ได้
ทำไมคนที่เสียใจถึงเป็นเขา
ทำไมเขาถึงไม่ใช่คนที่ถูกเลือก
ความคิดความสงสัยตีกันอยู่ในหัวของพายุซ้ำไปซ้ำมา หากสวรรค์ไม่คิดให้เขาเกิดมาเพื่อใครสักคนเหตุใดถึงต้องให้เขารู้จักกับความรักที่เจ็บปวดรวดร้าวเพียงนี้
ฝนห่าใหญ่นอกฤดูกาลไม่มีทีท่าว่าหยุด พายุเนื้อตัวเปียกปอนหมดสภาพ เขายืนอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ คนที่หัวใจบอบช้ำอ่อนแอแหงนหน้าขึ้นไปหาท้องฟ้าอันมืดมิดดวงตาคมไร้ความหวังไม่แม้แต่จะกะพริบตา ราวกับต้องการให้เม็ดฝนเหล่านั้นได้ช่วยชะล้างความเจ็บปวดก่อนที่เขาคนพ่ายแพ้จะทรุดเข่าลงไปที่พื้นอย่างสิ้นหวัง
“แค่นี้ก็น่าจะได้แล้วมั้ง” เสียงหวานพึมพำออกมามือเล็กยกขึ้นกอดอกก่อนจะนั่งหลังพิงเก้าอี้ดวงตาเรียวรีทบทวนตัวหนังสือผ่านกรอบแว่นเมื่อเห็นว่าใช้ได้แล้ว นีรชาจึงลุกยืดเส้นยืดสายเพราะนั่งมาเป็นชั่วโมงแล้ว
เปรี๊ยงงง!!
นีรชายกมือปิดหูสองนั้นพายุก็ซัดลงมาราวกับฟ้ารั่ว เสียงฝนกระทบหลังคาบ้านดังจนกลบเสียงทีวีที่นีรชาเปิดทิ้งเอาไว้ คนตัวเล็กก้าวไวๆ เพื่อไปปิดหน้าต่างเป็นจังหวะเดียวกับที่ฟ้าผ่าลงมาอีกระลอก ลมด้านนอกกระโชกแรงเสียจนพัดเอาเม็ดฝนกระทบใบหน้าขาวซีดความเหน็บหนาวทำให้นีรชาสวมกอดตัวเองเอาไว้
ทำไมเราถึงไม่ใช่คนที่ถูกรัก เพราะอะไร!
ท่ามกลางเสียงฝนโหมกระหน่ำนีรชากลับได้ยินเสียงตะโกนเชิงตัดพ้อต่อว่าของใครสักคนและในตอนนั้นเองที่มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น
ชั่วพริบตา...รอบข้างของนีรชาเหมือนถูกสะกดให้หยุดนิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในที่ไหนสักแห่ง ที่นั่นปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง หมอกควันขาวโพลนปกคลุมบริเวณกว้างทำให้นีรชามองเห็นไม่ชัดรู้เพียงว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นยืนหันหลังให้เธอก่อนจะค่อย ๆ เลือนหายไป แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกทีเธอกลับพบว่าตัวเองอยู่ในรถ มองออกไปเบื้องหน้าแทบไม่เห็นอะไรเพราะพายุฝนกำลังซัดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ยังไม่ทันจะคลายความสงสัยนีรชาก็ได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอกของรถ เสียงเหมือนมีคนกำลังทุบกระจกหรือทำอะไรสักอย่างแต่สายตาก็พร่ามัวเกินกว่าจะมองเห็นว่าเป็นอะไรและเมื่อคิดจะขยับร่างกายความรู้สึกเจ็บร้าวเจียนจะขาดใจก็แล่นเข้ามาปะทะตัวเธอพร้อมกับคำถามในหัว
ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่คือที่ไหน
นีรชายังคงมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนจึงจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่บ้านและกำลังแต่งนิยายอยู่ แต่ทำไมถึงมาโผล่ที่อื่นได้
“ชะ….ช่วยด้วย ช่วย…ยยด้วยย” เป็นน้ำเสียงที่เค้นออกมาอย่างยากลำบากดวงตาพร่ามัวเริ่มจะลืมไม่ขึ้นความรู้สึกของคนใกล้ตายเป็นอย่างไรนีรชาพึ่งเข้าใจตอนนี้เอง
“ช่วยด้วยยย” สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้แม่นักเขียนขอความช่วยเหลือจากใครสักคนทว่าร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟังแค่คิดจะขยับนิ้วเธอยังทำไม่ได้
“ช่วย…..” น้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนแรงลงไปทุกทีเปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงสนิท สตินีรชาค่อย ๆ ดับวูบโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าได้มีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นเพราะตอนนี้เธอได้มาอยู่ในร่าง พราวดาว นางร้ายในนิยายของตัวเองไปแล้ว