เพราะร่างเดิมเรียนจบแค่มัธยมต้นและไม่ได้เรียนต่อเนื่องจากพ่อแม่ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุเสียก่อน เมื่อย้ายมาอยู่กับป้าและรู้ฐานะตนเองดีว่าเป็นเพียงผู้อาศัย ไม่สะดวกที่จะทำอะไรตามใจตัวเอง
ประกอบกับเด็กสาวเกรงใจป้าที่เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ กลัวว่าป้าจะรังเกียจหากยังเอาแต่ใจตัวเองด้วยการเรียนต่อทำให้ต้องเสียเงินเสียทอง ดังนั้นจึงขอไม่เรียนต่อด้วยเหตุผลมากมายเหล่านั้น แล้วยังเข้าเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้เพื่อหาเงิน โดยแทบไม่เคยซื้อของอะไรให้ตัวเองเลย
ตอนนี้เสื้อผ้าใส่เล่นที่มีจึงเป็นเสื้อผ้าเก่าถูกซักจนสีซีดและเริ่มสั้นแล้ว แม้ป้าจะเทียวซื้อเสื้อผ้าให้ทุกฤดูกาลแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้หยิบออกมาสวมใส่ เนื่องจากหลี่ซีเหมยคนเดิมเป็นเด็กขี้เกรงใจที่กลัวว่าญาติคนเดียวอย่างป้าจะรังเกียจตัวเองหากใช้เงินฟุ่มเฟือยกระทั่งไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกของตนบ้างเลย
“เรียนก่อนก็ดี เอาไว้เรียนจบแล้วค่อยไปเยี่ยมพ่อแม่ของหลานกัน หรือไม่ก็หาโอกาสไปในช่วงปิดเทอมยังได้” ผู้เป็นป้าเอ่ยสนับสนุนเมื่อหลานสาวเพียงคนเดียวตั้งใจจะเรียนต่อ
“...” หลี่ซีเหมยลังเลเล็กน้อยก่อนจะจับมือของป้าตอบกลับ
ภาพของน้องสาวที่เธอเคยประคบประหงมเมื่อชาติที่แล้วอย่างซูซานผุดขึ้นมาทับ เด็กหญิงตัวน้อยจับมือเธอเอาไว้และนำไปแนบหน้าเพื่อออดอ้อนขอนั่นนี่อยู่บ่อย ๆ
กว่าจะรู้ตัวใบหน้าขาวเนียนของตนเองก็รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากมือป้าแล้ว หลี่ซีเหมยตกใจไม่น้อยแต่ก็ปล่อยให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนมีครอบครัวอยู่เคียงข้างโอบล้อมรอบกายอย่างยินดี
เช่นเดียวกับหลี่หงที่ตกใจเช่นกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังดึงร่างของหลานสาวเข้ามากอดเพื่อแสดงออกว่าตนเองพร้อมจะเป็นญาติผู้ใหญ่ให้คอยพึ่งพิงอย่างแท้จริง ไม่ได้ห่างเหินเข้าหน้ากันไม่ติดเหมือนช่วงสองปีที่ผ่านมา
“ขอบคุณนะคะ”
หลี่ซีเหมยออกไปส่งป้าจากห้องตัวเอง ก่อนจะกลับมานั่งลงบนเตียงและเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อ เพราะอีกไม่นานจะมีการประกาศว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดให้สอบเข้าได้อีกครั้งแล้ว เธออยากจะมั่นใจว่าตัวเองจะมีรายชื่อเข้าสอบทัน
เห็นทีคงต้องตั้งใจอ่านหนังสือเรียนระดับมัธยมปลาย และขอสอบข้ามชั้นเป็นกรณีพิเศษ ไม่รู้ว่าสมองของร่างนี้จะมีความสามารถเพียงพอในการสอบเข้าหรือไม่
จากนั้นเธอจึงกลับเข้าไปในมิติคฤหาสน์ และเห็นว่าตอนนี้ผลไม้ที่อยู่ในป่ารอบ ๆ เริ่มติดผลเล็กผลน้อย ผลัดดอกออกผลแทนแล้ว อีกไม่นานก็คงมีผลไม้สุกไว้กิน ราวกับว่าห้วงเวลาในมิติเร็วกว่าโลกภายนอกมาก
หญิงสาวกลับออกไปยังห้องพักสาวใช้ของตน เพื่อทดลองว่าจะสามารถดึงข้าวของเข้าและออกจากมิติได้หรือไม่ ก่อนจะพบว่าเธอสามารถเพ่งสมาธิมองไปรอบพื้นที่มิติได้จนทั่ว โดยไม่ต้องเข้าไปเดินสำรวจให้เหนื่อย
ป่ารอบ ๆ คฤหาสน์เป็นป่าผลไม้ก็จริง แต่เมื่อข้ามลำธารไปด้านหลังจะมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง เธอยังได้กลิ่นหอมของโสมลอยอบอวล จนสามารถหาขุมทรัพย์พบได้อย่างง่ายดาย
“โสมพวกนี้มีที่อายุหลายร้อยปีอยู่ต้นหนึ่งด้วย” หลี่ซีเหมยนึกถึงสุขภาพของป้าผู้ทำงานหนักมาโดยตลอด หากได้รับโสมบำรุงเป็นประจำคงมีอายุยืนยาวยิ่งขึ้นไปแน่นอน
ในป่ามีอาหารอยู่มากมายแต่เดิมหลี่ซีเหมยชื่นชอบอาหารจากชาวชนบทในพื้นที่ห่างไกล มันมีทั้งอาหารและพืชผักที่ชาวบ้านปลูกเองหรือขึ้นตามธรรมชาติ จึงรู้จักวัตถุดิบในป่าค่อนข้างมาก หากนำออกไปขายก็คงไม่เป็นที่น่าแปลกใจสำหรับคนทั่วไป เพราะทั่วทั้งประเทศตอนนี้มีทรัพยากรป่าอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย
“มีผลไม้ เสบียงในโกดัง แล้วยังสามารถเก็บอาหารจากป่าได้โดยใช้แค่ความคิดอีกด้วย” หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองพบเจอเรื่องมหัศจรรย์ถึงเพียงนี้ อาจเพราะกุศลที่เคยกู้ชาติมาหลายรอบหรือไม่ ไม่เช่นนั้นด้วยบาปที่มาเฟียสาวฆ่าคนเป็นผักปลาในชาติที่แล้ว คงไม่อาจส่งผลให้ชาตินี้สุขสบายได้เช่นนี้
“อาเหมย นี่ป้าเอง” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้หญิงสาวต้องรีบดึงสติกลับมาในโลกความจริง ภาพมิติตรงหน้าหายวับไปกับตาทันที
หลี่หงที่เดินเข้ามาพร้อมของกินเล่นในมือ ก่อนจะเอามาวางไว้ให้หลานสาวกินด้วยกัน
“ป้าคิดเรื่องที่หลานอยากเรียนต่อมัธยมปลาย อย่างไรก็ต้องลาออกจากการเป็นสาวใช้เสียก่อน ป้าจะลองเกริ่นกับนายท่านดู ช่วงที่ท่านอารมณ์ดีไม่น้อย หลานคิดว่ายังไง”
“นายท่านจะยอมไหมคะ” หลี่ซีเหมยคนใหม่อยากรู้จักนายท่านคนนั้นในความทรงจำอย่างมาก เพราะจากสายตาของเด็กสาวผู้ไม่เคยต้องเผชิญความโหดร้ายมาก่อน จึงมองเห็นนายท่านเป็นเพียงยักษ์สีดำทะมึนตนหนึ่ง อาจจะเพราะเขามีรังสีอำมหิตแผ่ออกรอบกาย ดูแล้วน่าคงเป็นคนโหดเหี้ยมไม่น้อย
แค่เพียงคิดว่าจะได้พบหน้ามาเฟียรุ่นปู่ที่เป็นดั่งตำนานของฝั่งตะวันออก ก็ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าวงการใต้ดินในสมัยนี้ผู้คนจะใช้อำนาจใดในการขยายเขตปกครอง หรือบริหารกิจการของตนเองอย่างไร
เธอเหมือนเด็กนักเรียนตัวน้อยที่กำลังตื่นเต้นกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสิ่งที่ตนเองสนใจ น่าเสียดายที่ได้หยุดอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ จึงยังไม่สามารถไปพบหน้าเจ้านายได้ในตอนนี้
จะให้โผล่หน้าไปพบด้วยตัวเองก็ออกจะประหลาดและผิดวิสัยเจ้าของร่างเดิมเกินไป ดังนั้นมีแต่ต้องรอพบหน้าเวลามีหน้าที่รับใช้เขาเท่านั้น
“แน่นอนว่านายท่านย่อมไม่ขัดขวางอยู่แล้ว นายท่านใจดีกับคนรอบข้างอย่างมาก เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาด้วยท่าทางหรือคำพูดเท่านั้นเอง นายท่านค่อนข้างดูเย็นชา แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนจิตใจดีไม่น้อย”
หลี่หงช่วยแก้ตัวให้นายท่าน นางรู้ดีว่าในสายตาทุกคนบนโลกนี้คนอย่าง ‘นายท่าน’ ของพวกเขา ไม่มีใครเชื่อว่าจะเหมาะกับคำว่า ‘ใจดี’
“ฉันรู้สึกหายดีแล้ว พรุ่งนี้จะลองไปดูที่ลานขยะว่าพอจะมีหนังสือทบทวนบทเรียนอยู่บ้างไหม”
“จะไปเลยหรือจ๊ะ ไม่รอให้หายดีก่อนค่อยลางานไปก็ยังไม่ช้าเกินหรอก อย่างไรตอนนี้เด็ก ๆ ก็ยังปิดเทอมกันอยู่” หลี่หงดูไม่เห็นด้วยเมื่อหลานสาวบอกว่าจะไปที่ลานขยะพรุ่งนี้
แต่หลี่ซีเหมยคนใหม่ไม่เข้าใจว่าผู้เป็นป้าจะกังวลไปทำไมกับการที่เธอจะออกไปหาซื้อหนังสือคนเดียว นอกจากนี้เธอยังมีอาวุธอยู่ในคลังมากมาย ใครที่เข้ามาหวังทำร้ายต้องถามปืนในมิติของเธอเสียก่อน
“ฉันอยากสอบเทียบเอาเลยน่ะค่ะ จะได้จบไว ๆ ไม่ต้องรอไปเรียนอยู่ตลอด ถึงอย่างไรตอนนี้อายุก็ถึงเกณฑ์แล้ว หากต้องไปนั่งเรียนใหม่กับเด็กรุ่นน้องคงไม่ดีเท่าไร” หญิงสาวคิดว่าหากให้เธอไปนั่งเรียนมัธยมปลายพร้อมกับนักเรียนยุคนี้คงไม่ไหวแน่ ดังนั้นสอบเทียบคือข้อเสนอที่ดีสำหรับเธอ
“แต่ป้าว่าแบบนั้นหลานจะกดดันเกินไป แล้วหลานก็จะไม่มีสหายอีกด้วย แค่นี้ป้าก็รู้สึกผิดกับหลานมากแล้ว” หลี่หงรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินว่าหลานสาวยังปิดกั้นตัวเอง คิดว่าหลี่ซีเหมยก็ยังคงเป็นคนเก็บตัวเหมือนเดิม ซึ่งในยุคนี้คนเก็บตัวนั้นน่าเป็นห่วงมาก ไม่มีใครเข้าใจและคิดว่าพวกเขาคงมีชีวิตรอดอยู่ในสังคมไม่ได้
“อย่าห่วงไปเลยค่ะ ฉันอยากสอบเทียบเพราะเผื่อมีการเปิดสอบเกาเข่าขึ้นมา ถึงเวลานั้นฉันจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่รอบแรกเลย ไม่ดีหรือคะ” หลี่ซีเหมยพยายามหาข้ออ้างพร้อมทำตาใสแจ๋วมองผู้เป็นป้า เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่พูดมานั้นคือความจริง
“นั่น… เฮ้อ... ตอนนี้ข้างนอกวุ่นวาย รอเราหาวันหยุดพร้อมกันแล้วค่อยไปดีไหมจ๊ะ” ตอนแรกหลี่หงตั้งใจจะคัดค้านคำพูดของหลานสาว แต่เมื่อเห็นแววตาของเธอจึงอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ แต่ก็ยังบอกให้ไปพร้อมกับเธอดีกว่า
“อย่าเป็นห่วงไปเลยค่ะ ฉันออกไปแค่ลานขยะเอง อีกทั้งระยะทางก็ไม่ไกลจากที่นี่มาก ฉันจะนั่งสามล้อรับจ้างไปด้วย”
เมื่อเห็นว่าหลานสาวยืนยันแบบนั้นหลี่หงก็ไม่กล้าห้ามปรามอีก ได้แต่ล้วงเอาเงินที่พกติดตัวออกมานับได้ราวยี่สิบหยวน แม้ว่านี่จะมีส่วนหนึ่งเตรียมไว้สำหรับไปตลาดมืด แต่ผู้เป็นป้าก็ยังส่งให้หลานสาวทั้งหมด
“เอาเงินนี่ไป อยากได้อะไรก็ซื้อมาได้เลย แล้วต้องนั่งสามล้อรับจ้างทั้งขาไปและขากลับเข้าใจไหม” แต่ก็ไม่วายกำชับเรื่องให้หลานสาวนั่งรถสามล้อทั้งไปทั้งกลับ เพื่อความปลอดภัยของตัวหลี่ซีเหมยเอง
“เข้าใจค่ะ” หลี่ซีเหมยคนใหม่มองเงินหลายหยวนในมือ ดูเหมือนป้าของเธอจะเป็นสายเปย์ของคนยุคที่เธอจากมา ช่างเป็นคุณป้าที่น่ารักเสียจริง
“งั้นก็รีบพักผ่อนเถอะ ป้าเองก็จะเอนหลังเสียหน่อย”
พูดจบผู้เป็นป้าจึงเดินออกจากห้องของหลานสาวกลับห้องของตนเองที่อยู่ติดกัน ส่วนหลี่ซีเหมยก็กลับเข้ามิติและถือโอกาสนอนหลับที่นั่นเสียเลย