“ฉันดีขึ้นแล้ว…ค่ะ” หญิงสาวนึกถึงบุคลิกของร่างเดิม หลังเสียครอบครัวไปที่ดูอึมครึมเรื่องนี้ทำให้สามารถแสดงออกได้ง่าย เพราะแค่ทำตัวให้เงียบและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมเท่านั้นก็เพียงพอที่จะหลอกตาคนอื่นต่อไปได้
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยมีญาติผู้ใหญ่มาก่อน จึงอดรู้สึกเกร็งไม่ได้
“ดีแล้ว ยังไงวันนี้ก็พักอีกสักวันก่อน หายดีแล้วค่อยกลับไปทำงาน” หลี่หงมีท่าทีลังเล ไม่กล้าอยู่ต่อ เพียงแค่วางถาดอาหารสลับให้กับถาดเก่า ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง
“ถ้าอย่างนั้นป้าไปทำงานก่อน อาเหมยพักผ่อนเยอะ ๆ หายดีแล้วค่อยออกไปทำงานก็ได้ ป้าจะขออนุญาตนายท่านให้”
“ค่ะ” โซเฟียตอบรับไปส่ง ๆ แต่หลี่หงก็ยังเบาใจและยอมออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย นี่ทำให้เธอรู้สึกผิดนิดหน่อย
หญิงสาวเดินกลับไปที่เตียงและนั่งกินข้าวจนอิ่มก่อนจะกินยาเพื่อให้ร่างกายหายดีเร็ว ๆ ขณะเดียวกันก็นั่งพิงหัวเตียงเพื่อครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดีกับสิ่งที่กำลังพบเจอ
“หากนี่คือการข้ามมิติและย้ายมาเฉพาะวิญญาณ มาอยู่ในร่างของหญิงสาวคนนี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่สมองของฉันจะช้าลง แล้วยังได้รับผลกระทบจากการทำสิ่งที่คุ้นเคยของร่างกายนี้อีก”
พูดจบก็เหลือบมองผ้าห่มอย่างเย็นชา แต่หญิงสาวก็รู้สึกราวกับว่ามันกำลังส่งยิ้มให้ พร้อมกับกวักมือเรียกให้เธอรีบกลับไปนอนกอดมันอีกครั้งเร็ว ๆ ทำให้มาเฟียสาวผู้เย็นชาเสียอาการทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“บ้าเอ๊ย ฉันโดนร่างกายเด็กสาวเล่นงานเสียแล้วเหรอเนี่ย” โซเฟียสบถออกมาก่อนจะดึงสายตากลับไปมองสำรวจรอบห้องอีกครั้ง
“อีกกว่าหนึ่งปีถึงจะสามารถค้าขายเสรีได้ ฉันต้องรีบสะสมเงินเพื่อออกไปจากที่นี่ และสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง”
แม้จะคิดแบบนั้นแต่เมื่อมองเข้าไปในความทรงจำก็พบว่า หลี่ซีเหมยคนก่อนเรียนจบแค่มัธยมต้นเท่านั้น เนื่องจากเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นเสียก่อน ทำให้ต้องย้ายมาเป็นสาวใช้อยู่ในคฤหาสน์นี้ แม้ป้าจะสนับสนุนให้ไปเรียนได้ แต่เจ้าของร่างเดิมกลับหมดอาลัยตายอยากจนไม่ยอมทำอะไรเลย จะมีความอยากไปเรียนต่อได้อย่างไร
โซเฟียต้องการเรียนต่อ อีกไม่นานจะมีการเปิดสอบเกาเข่าอีกครั้ง เป็นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศ และก่อนอื่นเธอต้องได้ใบประกาศระดับมัธยมปลายมาไว้เสียก่อน
“ดูเหมือนยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ โดยใช้สมองของร่างนี้… ฉันจะไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ” ความกังวลหนึ่งเดียวของเธอในตอนนี้เห็นจะเป็นเรื่องสมองที่ช้า และโง่กว่าร่างเดิมนี่เอง
ถึงอย่างนั้นโซเฟียก็ไม่ถอดใจ ประสบการณ์ทำธุรกิจสร้างอำนาจมีอยู่เต็มเปี่ยม คงไม่ยากไปกว่าในชาติก่อนหรอกนะ
ช่วงเวลาเดียวกัน ในโลกใบเดิมของโซเฟีย
หลังจากมาเฟียสาวเสียชีวิตไป ไม่มีใครสงสัยต้นเหตุของการเสียชีวิตของโซเฟียจะเป็นคุณหนูซูซานพร้อมทั้งสามีของเจ้านายอย่างโรเบิร์ตเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากในสถานที่เกิดเหตุ ยังมีแพะรับบาป ผู้ร้ายที่ฆ่านายหญิงโซเฟียลงด้วยตัวเองอย่างคนสนิท แม้เรื่องที่ฌอนทรยศจะทำให้ทุกคนตกตะลึง คาดไม่ถึงสักเท่าไร ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นคนฆ่าโซเฟีย ก่อนเขาจะต้องตายจากการโจมตีตอบโต้ของนายหญิง
นั่นทำให้ไม่มีพยานคนอื่นอีกนอกจากซูซานซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุพอดี แล้วยังบีบน้ำตาร้องไห้เสียใจจนเป็นลมเป็นแล้งไปอีกคน
เมื่อนายหญิงล้มลง มีการแบ่งอำนาจขึ้นในหมู่ลูกน้องทันที ส่วนหนึ่งซึ่งนำโดยกลุ่มคนที่หลงรักคุณหนูซูซานผู้อ่อนแอบอบบางราวกับเจ้าหญิงน้อย และต้องการปกป้องเธอต่อไป โดยอ้างว่าหากนายหญิงโซเฟียยังอยู่ก็คงต้องการเช่นนี้ ซึ่งใคร ๆ ต่างรู้ดีว่าโซเฟียรักและหวังดีต่อซูซานมากเพียงใด
คงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่กล้าทรยศทุกสิ่งที่โซเฟียมอบให้ เพียงเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัวที่ตายไปตั้งแต่อายุห้าขวบปี
บางส่วนมองว่าโรเบิร์ตควรได้สืบทอดอำนาจต่อในฐานะนายท่านเพราะเจ้านายมีครอบครัวอยู่แค่สองคน ขณะที่ส่วนสุดท้ายเป็นกลุ่มกบฏที่ต้องการแยกตัวออกไปเพื่อยึดอำนาจ ส่วนนี้จะเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่สุดซึ่งโซเฟียเลี้ยงเอาไว้เป็นอาวุธเท่านั้น
เมื่อมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น พินัยกรรมก็ถูกนำออกมาสามฉบับด้วยกัน
“ผมขอประกาศพินัยกรรมฉบับแรก”
การประกาศพินัยกรรมถูกจัดขึ้นในห้องโถงขนาดใหญ่ โดยมีพยานเป็นลูกน้องที่ภักดีต่อนายหญิงโซเฟียซึ่งยังเหลืออยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็แยกย้ายออกไปหรือแบ่งกลุ่มเลือกเจ้านายใหม่แล้ว
“ให้กลุ่มอยู่ภายใต้การดูแลของซูซาน ส่วนโรงพยาบาลก็ให้กรรมสิทธิ์แก่โรเบิร์ตไปพร้อมบริษัทวิจัยยา โดยมีเงื่อนไขแรกคือนายหญิงตกตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ หรือด้วยเงื้อมมือของศัตรูตามธรรมชาติเท่านั้น”
ทุกคนฮือฮาขึ้นทันที เพราะนายหญิงเสียชีวิตโดยโดนฆาตกรรม แสดงว่าพินัยกรรมฉบับแรกใช้การไม่ได้อีกต่อไป ทำให้ซูซานและโรเบิร์ตถึงกับขบฟันด้วยสีหน้าย่ำแย่
“ผมขอเปิดพินัยกรรมฉบับที่สองต่อเลยนะครับ เนื่องจากผิดเงื่อนไขของพินัยกรรมฉบับแรก พินัยกรรมฉบับที่สองกล่าวไว้ว่า ให้ลูกน้องแยกย้ายกันไปตามทางพร้อมกับยุบแฟมิลี ในส่วนของบริษัทผลกำไรทั้งหมดจะเป็นของซูซานโดยมีบริษัทบริหารคอยจัดการให้ ส่วนคุณโรเบิร์ตได้รับโรงพยาบาลไปครอบครอง” เมื่ออ่านพินัยกรรมฉบับที่สองจบ ทนายก็หันมองสีหน้าของทุกคนก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา
“แน่นอนว่าพินัยกรรมฉบับนี้ยังมีเงื่อนไขอยู่เหมือนกัน นั่นคือ คุณซูซานและคุณโรเบิร์ตต้องได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นโสดไปอีกสิบปีและห้ามมีบุตรในช่วงเวลานั้น”
ทนายความหยิบเอกสารหนึ่งขึ้นมา มีการประทับตราของโรงพยาบาล ทำให้ซูซานหน้าซีดเผือดหันไปมองโรเบิร์ต และเขาก็หันมองตอบกลับเช่นกัน ทั้งสองไม่คิดว่าความลับเรื่องตั้งครรภ์จะล่วงรู้ไปถึงคนอื่นแบบนี้
“เนื่องจากคุณซูซานตั้งครรภ์ในขณะนี้ จึงถือว่าผิดเงื่อนไขพินัยกรรมฉบับที่สอง...” ทนายยังมีรอยยิ้มมุมปาก เพราะว่าเขาได้สั่งคนที่ไว้ใจให้จัดการสืบเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ของน้องสาวนายหญิงและสามีของเธอ ดังนั้นการที่ทนายจะมีเอกสารของโรงพยาบาลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของอีกฝ่ายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“คุณซูซานตั้งครรภ์งั้นหรือ พ่อเด็กคือใครกัน” เสียงซุบซิบดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ทุกคนล้วนอดใจไม่ไหวอยากรู้ว่าพ่อเด็กเป็นใคร แต่ซูซานเพียงแค่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่อย่างนั้น โดยที่โรเบิร์ตเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ในที่แห่งนี้มีเพียงผู้ภักดีของโซเฟีย หากมีคนรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องซูซานคือโรเบิร์ต คนทั้งคู่ไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน พวกเขาจึงปิดปากเงียบไม่ได้โต้ตอบเมื่อทนายความกล่าวต่อไป
“เมื่อผิดเงื่อนไขของพินัยกรรมฉบับที่สอง ผมขอเปิดพินัยกรรมฉบับสุดท้าย ในพินัยกรรมได้กล่าวไว้ว่า หากสามีและน้องสาวของนายหญิงมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือหลังจากนี้ตลอดไป สมบัติจะถูกนำกลับมาและบริจาคให้การกุศลทั้งหมด อีกทั้งทั้งสองคนจะต้องโดนฟ้องในคดีการฉ้อโกงการแต่งงานเพื่อหวังทรัพย์สมบัติอีกด้วย”
“และ…” ทนายยิ้มที่มุมปากก่อนจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลความสัมพันธ์ของซูซานกับโรเบิร์ตให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรับรู้ ซูซานตัวสั่นจนล้มลงไปกับพื้นก่อนที่บางอย่างจะเจิ่งนองออกมาจากใต้ร่าง เธอหันมองโรเบิร์ตที่กำลังวิ่งหนีออกไปอย่างหวาดกลัว ก็รู้ได้ทันทีว่าจบสิ้นแล้ว
ทั้งที่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะแนบเนียนแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อทนายความหยิบซองสีน้ำตาลออกมา เธอก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ข่าวดี และคงมีภาพที่แสดงถึงความสัมพันธ์ลับ ๆ ระหว่างตนเองกับโรเบิร์ต สามีของพี่สาวอย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้นพายุความเกลียดชังของผู้ภักดีต่อนายหญิงโซเฟียก็โหมกระหน่ำเข้าใส่ทั้งโรเบิร์ตสามีผู้ทรยศ และน้องสาวอกตัญญูอย่างซูซาน
พวกเขาโดนกักขังไว้เป็นที่ระบายอารมณ์และของเล่นของเหล่าผู้ภักดีต่อโซเฟีย
ลูกน้องเหล่านี้ยังได้รับส่วนแบ่งส่วนตัวอยู่แล้วเมื่อเจ้านายตกตาย พวกเขามีหุ้นบริษัทชื่อดังไม่น้อย สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปได้ตลอดชีวิต แตกต่างจากสองคนที่ทรยศต่อโซเฟีย นอกจากจะไม่เหลืออะไรแล้ว พวกเขายังโดนช่วงชิงชีวิตไปอีกหลายปี
กว่าที่กลุ่มผู้ภักดีจะยอมปล่อยคนทั้งสองออกไปสู่โลกภายนอก ซูซานก็หมดสิ้นวัยสวยหมดสิ้นความสาวเสียแล้ว ขณะที่โรเบิร์ตโดนทรมานจนกลายเป็นคนบ้า ทั้งที่เขาเป็นชายหนุ่มอนาคตไกลในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์แท้ ๆ
ทั้งสองคงมีอนาคตไกลกว่านี้หากไม่ตัดช่องทางของตัวเองด้วยความโง่เขลาที่คิดว่าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากการแย่งชิงมาจากโซเฟีย
จนลืมคิดไปว่า โซเฟียมาเฟียสาวที่กระทั่งรัฐบาลยังไม่กล้าต่อกร ย่อมเตรียมแผนรับมือเอาไว้อย่างเจ็บแสบแล้ว
มาคิดได้ในตอนนี้ ก็สายไปเสียแล้ว!!