“อ๊าก นายหญิงหลี่ นายหญิงหลี่ได้โปรดเมตตาด้วย” เสียงกรีดร้องของชายร่างสูงกลางห้องมืด ไม่ได้ทำให้กลุ่มผู้เฝ้ามองที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกอะไรได้เลย ต่อให้เขาพยายามที่จะขอร้องและส่งสายตาให้หญิงสาวผู้มีใบหน้าที่งดงามและดูเย็นชาตรงหน้า แต่กลับไม่ได้ทำให้เธอเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“จัดการเรียบร้อยแล้ว ?” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เรียบร้อยแล้วครับนายหญิง”
ได้ยินดังนั้นหญิงสาวในชุดดำก็เคลื่อนไหว ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกจากห้องพักนั้นทันที จนกระทั่งเธอออกมาถึงด้านนอกอาคารหลังนั้น และเข้าไปในรถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่ โดยมีกลุ่มชายชุดดำคอยติดตาม
“นายหญิง ไปไหนต่อครับ”
“น้องสาวไม่ค่อยสบาย ฉันต้องการพบหมอประจำตัวของเธอ”
หลี่ซีเหมยหรือโซเฟีย เธอเป็นมาเฟียสาวที่มีอำนาจอย่างมากจนกระทั่งรัฐบาลยังไม่กล้าเข้ามายุ่งสุ่มสี่สุ่มห้า เธอเป็นอัจฉริยะ เย็นชา ไร้ความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับมีความรักและมักจะใส่ใจครอบครัวของตัวเองอย่างยิ่ง
รถยนต์คันสีดำเคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองใหญ่มหานครที่แสนซิวิไลซ์ แต่กลับไม่ได้ทำให้ดวงใจเย็นชาของโซเฟียร้อนรุ่มตื่นเต้นดั่งชายหญิงทั่วไปได้เลย คงมีเพียงสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ ที่ทำให้เธอมีความรู้สึกร่วมด้วยได้แต่ก็ไม่มากนัก
ไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นเข้าจอดภายในตึกสีขาวขนาดใหญ่ ร่างบางขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนก่อนจะสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ไม่นานกลุ่มหมอและพยาบาลก็เดินเข้ามาหา
“นายหญิง คุณมาได้อย่างไร” หมอสองสามคนเอ่ยถามด้วยความกังวล เมื่อเห็นว่ามาเฟียสาวไม่ได้รับบาดเจ็บกลุ่มหมอก็เบาใจลง เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนสีเทาของหญิงสาว เลยทำให้การแพทย์ของที่นี่ก้าวหน้าอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการสนับสนุนมากมายจากทุนสีเทาของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งนี้ต้องขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า
ไม่ว่าเธอจะโหดร้ายเย็นชาอย่างไร ในสายตาของเหล่าหมอของโรงพยาบาลนี้เธอยังคงเป็นผู้มีพระคุณอยู่เสมอ
“ฉันต้องการผลตรวจร่างกายของน้องสาว” โซเฟียบอกจุดประสงค์ของเธอทันที
“นั่น…หมอโรเบิร์ตเป็นคนดูแลตามคำขอของคุณซูซานครับ คุณซูซานไม่อนุญาตให้หมอโรเบิร์ตเปิดเผยผลตรวจของเธอต่อพวกเรามาสองสามปีแล้วครับ”
“แล้วอาการของเธอล่ะ ถึงแม้อาการจะคงที่แล้วแต่ไม่กำเริบเลยงั้นหรือ” โซเฟียขมวดคิ้วถาม ทำไมผลการตรวจทั้งหมดของซูซานถึงไม่เปิดเผยต่อหมอคนอื่นนะ หากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร
สำหรับมาเฟียสาวผู้ทรงอิทธิพลอย่างเธอไม่ได้มีหัวใจที่กว้างใหญ่เพียงพอจะสนใจคนอื่น ซึ่งไม่ใช่กับน้องสาวคนนี้ที่เธอเลี้ยงดูมากับมือของตัวเอง ถึงแม้จะไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่เธอก็รักดั่งคนในครอบครัว
ซูซานผู้เป็นน้องสาวถูกรับเลี้ยงตั้งแต่อายุห้าขวบเนื่องจากครอบครัวของเธอที่แม้จะเป็นเพียงญาติห่าง ๆ ของโซเฟีย แต่ก็โดนศัตรูไล่กวาดล้างเพื่อแก้แค้นและต้องการให้เธอไม่เหลือใคร
โซเฟียจึงพาเด็กสาวมาเลี้ยงดูด้วยมือตัวเองทั้งที่ตอนนั้นเธอเพิ่งสิบแปดปี ฟูมฟักจนกระทั่งเด็กน้อยเติบโต แต่ช่างน่าเศร้านักที่เธอมีร่างกายอ่อนแอเลยถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหินโดยพี่สาวคนนี้ และโรงพยาบาลแห่งนี้สร้างขึ้นก็เพื่อรักษาน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอ
เด็กสาวไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ดั่งใจ เธอเป็นเหมือนนกน้อยในกรงทองได้อยู่เพียงสถานที่ที่พี่สาวจัดเตรียมไว้ให้ แต่นั่นก็เพื่อตัวเธอเองทั้งนั้น
“อาการของคุณหนูซูซานไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไร ว่าแต่โรเบิร์ตยังเฝ้าดูอยู่ไม่ห่างอีกเหรอ” เธอพึมพำจบก็คล้ายกับนั่งคิดเรื่องราวบางอย่างคนเดียว
“เข้ามา” โซเฟียเรียกคนให้เข้าและใบหน้านั้นขมวดคิ้วแทบจะเป็นปม ไม่นานชายชุดดำก็เดินเข้ามา
“ไปเอาแฟ้มการรักษาออกมาจากโต๊ะของสามีฉัน ฉันอยากรู้อาการล่าสุดของซูซาน”
“แต่…นายหญิง” เหล่าบรรดาคุณหมอมีท่าทีลังเล พวกเขารู้ว่าหญิงสาวมีอำนาจมากที่สุดในโรงพยาบาลแห่งนี้ แถมยังเป็นญาติของคนไข้อีก แต่ถึงอย่างนั้นการนำแฟ้มมาโดยไม่แจ้งแพทย์เจ้าของไข้ หรือตัวคนไข้ ก็ออกจะเผด็จการเกินไปเสียหน่อย
“ฉันจะแจ้งโรเบิร์ตด้วยตัวเอง วันนี้ซูซานรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ฉันกังวลว่าอาการของน้องจะไม่เป็นอย่างที่พวกคุณคิด และโรเบิร์ตเองก็ไม่ได้มาทำงานใช่ไหม ?” โซเฟียตอบกลับเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายดูลังเล พร้อมกับเอ่ยถามถึงสามีของตนเอง
“ใช่ครับนายหญิง วันนี้คุณโรเบิร์ตขอลางานครับ” เมื่อเจอคำถามของโซเฟีย หมอจึงได้แต่หันมามองหน้ากัน
จากนั้นก็มีหมอสองสามคนเดินออกไปหยิบอุปกรณ์การแพทย์ และกลับมาพร้อมกับชายชุดดำที่ไปหยิบแฟ้มผู้ป่วยของคุณหนูซูซานในห้องหมอโรเบิร์ตกลับมาถึงพอดี
โซเฟียรับแฟ้มมา เหลือบตามองหมอพวกนั้นก่อนจะบอกกับพวกเขา
“ทุกคนไม่ต้องตามไป รอรับซูซานอยู่ที่นี่เถอะ ถ้าอาการกำเริบจริง ก็อาจต้องมาอยู่ที่นี่สักพัก”
“นายหญิง…” หมอชราเรียกตัวหญิงสาวเอาไว้ ก่อนที่เธอจะกลับ เขาเดินเข้าไปใกล้และยื่นบางอย่างใส่มือของเธอ
“?” โซเฟียมองสิ่งของที่เหมือนกับไข่ในมือ หมอชราส่ายหน้าคล้ายให้เธอไม่ต้องถามสิ่งใด ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงหันหลังเดินจากมาทันที
มหาวิทยาลัย
ขณะอยู่ภายในรถเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน มาเฟียสาวก้มมองไข่ในมือที่ราวกับติดกาวเอาไว้ เพราะก้อนไข่อุ่น ๆ ขนาดเท่าข้อนิ้วโป้งแปะไว้กลางมือของเธอโดยไม่ยอมหลุดออกแม้จะพยายามดึงเท่าไรก็ตาม
“นายหญิง ชายชราคนนั้นวิจัยอาวุธสำเร็จแล้วหรือเปล่าครับ” คนสนิทซึ่งเป็นชายชุดดำที่คอยทำตามคำสั่งของหญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมา
“อาวุธของเขายังน่าสงสัยเหมือนเคย” โซเฟียรำพึงสุดท้ายก็เลิกสนใจไข่ใบนั้น สายตาเบี่ยงออกไปมองนอกกระจก รถแล่นผ่านป่าใหญ่ไม่นานก็มาถึงประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่สีดำ
ดวงตาของคนสนิทเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนที่ประตูเหล็กดัดจะถูกผลักออกราวกับมีคนกดปุ่มหรือกำลังดึงจากด้านหนึ่ง ประตูเหล็กนี้เป็นเหมือนป้อมปราการป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามาในเขตพื้นที่ของมาเฟียสาวได้โดยง่าย
สิ่งนี้คือ ‘อาวุธ’ ที่แพทย์ชราทำขึ้นมา แต่หากจะเรียกว่าอาวุธก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะแท้จริงแล้วสิ่งนี้คือ ‘อาวุธป้องกัน’ ชนิดหนึ่ง ซึ่งมาในรูปแบบที่แปลกประหลาด แต่นั่นก็ทำให้คนที่เห็นต้องทึ่งกับประสิทธิภาพของมันอยู่เสมอ
หญิงสาวมองผ่านทิวทัศน์คุ้นตาเบื้องหน้าไปด้วยใจที่เลื่อนลอย ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงก้มหน้าลงมองสิ่งที่ตนเองถือไว้ในมือ โซเฟียเลยคิดว่าเจ้านี่ก็น่าจะเป็นอาวุธป้องกันบางอย่างเหมือนกัน เฉกเช่นเดียวกับประตูที่มีการทำกลไกป้องกันเอาไว้ เพียงแต่เธอยังไม่คิดสนใจวิธีใช้ของมันในตอนนี้
เมื่อรถจอดสนิท หญิงสาวจึงก้าวลงเดินเข้าไปในบ้าน พอเห็นว่าในห้องโถงไม่มีคนก็ไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เนื่องจากบ้านหลังนี้มีคนอาศัยอยู่เพียงสามคนเท่านั้น คนแรกคือเธอที่มักจะออกไปทำงานด้านนอกเสมอ โรเบิร์ตสามีของเธอก็เป็นแพทย์หนุ่มที่มากความสามารถ เขาชอบขลุกตัวอยู่ในห้องวิจัยในสวนด้านหลัง ส่วนซูซานผู้เป็นน้องสาวก็ร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะออกไปด้านนอกได้ จึงมักใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้เพียงลำพัง
หญิงสาวชุดดำทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เปิดแฟ้มอาการป่วยของน้องสาวออกดู พบว่าทิศทางการรักษาพัฒนาขึ้นมาก ร่างกายของสาวน้อยแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ
โซเฟียหัวเราะเบา ๆ ออกมา แม้สีหน้าจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เมื่อนึกถึงโรเบิร์ตผู้เป็นสามี ซึ่งถือว่าเป็นคนในครอบครัวอีกคนหนึ่งก็อบอุ่นในใจขึ้นมา
“ฉันโชคดีจริง ๆ ที่มีโรเบิร์ตคอยดูแลซูซานให้”
เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดแปลกไปก็ปิดแฟ้มการรักษาลง และก้าวเดินขึ้นไปบนห้องชั้นสองทันทีโดยมีคนสนิทเดินตามมา
“วันนี้มีเรื่องมากมายที่ฉันอยากเล่าให้ซูซานฟัง จัดการพวกที่เล่นชู้ในบ้านของฉันรึยัง ?” โซเฟียหันไปเอ่ยถามลูกน้องคนสนิท
“นายหญิง เราจัดการกับคนเหล่านั้นอย่างเด็ดขาดแล้วครับ”
“ฉันไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนั้นเลย พวกเขาฝึกฝนมาด้วยกัน สนิทสนมดั่งพี่น้องที่ตายแทนกันได้ อีกทั้งยังอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาโดยตลอด ทำไมจึงผิดใจกันเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว แล้วยังเป็นผู้หญิงที่เล่นชู้อย่างตั้งใจเสียด้วย”
“เราจะไม่ให้เกิดเรื่องชู้สาวขึ้นในแฟมิลีอีกครับ ขออภัยที่ทำให้นายหญิงต้องอารมณ์เสีย” คนสนิทเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด
“ไปจัดการให้เรียบร้อยเถอะ ฉันจะไปหาซูซาน” พูดจบโซเฟียก็ไล่ลูกน้องกลับไป