"คุณอาธนิน...."
มินดาเผลอเอ่ยชื่ออาธนินออกมาเบาๆไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด แต่แปลกใจมากกว่าที่เขามายืนอยู่ตรงนี้
"กลับบ้านกันมินดา!"
อาธนินออกคำสั่งมินดาซ้ำอีกครั้ง ตอนนี้สีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจสายตาคมปราบคู่นั้นจ้องเธอเขม็ง
"เดี๋ยวมินดากลับเองก็ได้ค่ะ"
"อาบอกให้กลับเดี๋ยวนี้!"
"เอ๊ะ!คุณ...มินดาบอกว่ากลับเองคุณจะบังคับทำไมครับ"
หมอธันวาโพล่งออกมาอย่างหมดความอดทนที่ธนินมาขึ้นเสียงใส่กับมินดา
"คุณเป็นใคร?"
"เอ่อ..คุณหมอธันวาเป็นรุ่นพี่ของมินดาเองค่ะ..งั้นพี่ธันวามินดาว่ามินดากลับก่อนดีกว่านะคะ"
เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังจะไปกันใหญ่มินดาเลยตัดสินใจกลับกับอาธนินผู้เป็นสามีป้ายแดงของเธอทันที
"ครับน้องมินดา..ถ้ามีอะไรก็รีบโทรหาพี่ทันทีเลยนะ.."มินดาพยักหน้ารับ
"ไปกันค่ะคุณอา"
ธนินยังคงจับจ้องไปที่ธันวานิ่งอย่างรู้ทันทีว่าหมอธันวาคนนี้คิดอย่างไรกับมินดาภรรยาในนามของตน
เมื่อขึ้นมาบนรถทุกอย่างดูอึดอัดไปหมดความเงียบกริบเข้ามาแทนที่ มินดารู้สึกว่าอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน
"ทำไมไม่อยู่บ้าน..ชั้นออกมาหาลูกค้าแป๊บเดียวเธอก็ออกมาหาผู้ชายแล้วเหรอมินดา?"
น้ำเสียงที่กล่าวหาออกมาของอาธนินยังคงแฝงแววความเยาะหยันดูถูกเธออยู่ตลอดเวลา
"มินดาแค่ออกมาซื้อของและก็เจอพี่ธันวาเองนะคะ"
"มันบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ นี่ถ้าชั้นไม่มาเจอคงจะไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วสินะ"
"แล้วแต่คุณอาจะคิดเถอะค่ะ ยังไงซะคุณอาก็ไม่ฟังมินดาอยู่แล้ว"
มินดาพูดเสร็จก็เบนสายตาไปมองนอกหน้าต่างของรถด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ กลับบ้านไปก็เจอผู้เป็นบิดาไล่กลับมา มาเจอผู้เป็นสามีก็ถูกกล่าวหาแต่เรื่องเสียๆหายๆพอเจอเพื่อนที่พอจะคุยกันด้วยได้สักหน่อยก็โดนปรักปรำว่ามีอะไรกับเขามินดาอยากจะหายไปจากโลกนี้เสียแต่ตอนนี้เลยยิ่งดี
ความเงียบผ่านไปสักพักอาธนินก็ขับรถมาถึงบ้าน ทันทีที่รถจอดมินดารีบพุ่งตัวออกมาอย่างเร็ว พร้อมกับเดินขึ้นห้องนอนไปทันทีตอนนี้เธออยากจะร้องไห้เต็มทีแล้วเพราะสะกดกลั้นมาตลอดทางกับคำพูดของอาธนิน
"เดี๋ยว...มินดา!"
ธนินวิ่งตามร่างบางมาติดๆ เพราะเมื่อสักครู่ในรถยังคุยกันไม่รู้เรื่องเขาไม่อยากทะเลาะกับเธอตอนขับรถ
พลั่ก!
ธนินเปิดประตูเข้ามาทันทีโดยที่ไม่เคาะ เห็นมินดากำลังนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง
"เสียใจที่ไม่ได้ไปกับชู้รักเหรอมินดา?"
"ไม่ใช่ชู้ค่ะ...และอีกอย่างมินดากับอาธนินก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ อย่าเรียกว่าชู้เลยค่ะเราไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น"
"อย่างน้อยเธอก็ควรให้เกียรติครอบครัวชั้นในฐานะสะไภ้ของบ้านด้วยไม่ใช่สำส่อนไปทั่ว..ออ..ถ้าอยากเป็นเมียชั้นจริงๆก็แค่บอกกันตรงๆไม่ต้องไปหากินนอกบ้านหรอก!"
เปรียะ!
มินดาลุกขึ้นมาง้างมือตบลงไปบนหน้าหล่อของอาธนินทันทีจนหน้าหงายไปตามแรงตบอย่างหมดความอดทน ธนินโกรธจนหน้าแดงก่ำเพราะไม่เคยมีใครกล้ามาตบเขาแบบนี้
"เธอกล้ามากนะมินดา..ได้..ชั้นจะทำหน้าที่เป็นผัวให้เธอเดี๋ยวนี้!"
ธนินผลักร่างของมินดาลงไปบนเตียงนอนก่อนตามลงไปทาบทับบนร่างบางด้วยอารมณ์โกรธจนถึงขีดสุด มือทั้งสองข้างของมินดาถูกตรึงเอาไว้เธอดิ้นไปมาอย่างสุดกำลังแต่ไม่อาจต้านทานแรงของอาธนินได้
"ปล่อยนะ..ปล่อยมินดา.."
ปากหยักหนานั้นทาบทับลงมาปิดปากมินดาทันทีที่อ้าปาก จูบรุนแรงลงทันฑ์บดขยี้ลงมาอย่างดุเดือด ลิ้นเรียวเปียกชุ่มนั้นพยายามเข้ามาพัวพันกับลิ้นเล็กของมินดามินดาชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อโดนจูบดุดันของอาธนินเข้าไป
มินดาหลับตาพริ้มหยุดดิ้นโดยอัตโนมัติพร้อมๆกับที่ยังโดนริมฝีปากของธนินลุกล้ำอยู่ความรุนแรงเมื่อสักครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวาบหวานเมื่อธนินเปลี่ยนจากความรุนแรงเป็นจูบที่อ่อนหวาน มินดาเริ่มตอบรับจูบของอาธนินด้วยหัวใจที่สั่นรัวไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้เรียกว่าอะไรรู้แต่เพียงว่าใจมันดื้อดึงอยากจะให้เขาจูบอีก
ธนินถอนจูบออกมามองสบตาไปบนใบหน้างามที่ตอนนี้มองเขาด้วยสายตาแห่งความปรารถนาสติของมินดาถูกทำลายเมื่อถูกธนินปลุกอารมณ์แห่งความปรารถนาขึ้นมา ธนินยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าเธอต้องการอะไร เขาก้มจูบซุกไซ้ทุกไปที่ซอกคอขาวนวลเนียนหอมกรุ่น มือข้างหนึ่งก็เริ่มถอดกางเกงของตัวเองออกไป พร้อมๆกับถอดเสื้อและปลดตะขอกางเกงของมินดารูดลงไปกองรวมอยู่บนพื้นด้วยกัน
ตอนนี้บนเรือนร่างของทั้งคู่นั้นคงเหลือแต่ชุดชั้นใน มินดาได้สติกลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกมือหนาของอาธนินทำท่าจะรุกล้ำเข้าไปตรงส่วนที่เป็นจุดสงวนของเธอ
"คุณอา.."
มินดาลุกขึ้นมาดึงผ้าห่มมาปิดเรือนร่างที่ตอนนี้เกือบจะเปลือยเปล่า100%จากการโดนถอดเสื้อผ้าออกไปแบบไม่ทันรู้ตัว
"นอนลง.."
"ไม่ค่ะ...มินดายังไม่พร้อม"
"แต่ชั้นพร้อม..นอนลง"
ธนินไม่ฟังเสียงมินดาอีกต่อไปเพราะอารมณ์ของเขาตอนนี้เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่ได้แล้ว เขาดึงผ้าห่มที่มินดาเอามาคลุมร่างไว้ออกไปพร้อมๆกับดึงบราเซียตัวสีครีมออกจากการห่อหุ้มเต้าทรวงออกเช่นกัน ธนินจ้องมองเต้าทรวงที่ไร้พันธนาการด้วยสายตาวาววับ ร่างบางเริ่มดิ้นขลุกขลักอีกครั้งเมื่อมือหนานั้นเข้ามากอบกุมบีบขยำและงับลงมาตรงยอดปทุม