บทที่ 4

1238 คำ
       “มาถึงแล้วก็หาที่นั่งสิ! จะมัวยืนเฉยกันอยู่ทำไม!!” เสียงเข้มต่อว่าเมื่อหันมาเห็นสองแม่ลูกยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง และเสียงนั้นมันก็ดังพอที่จะเรียกเอาสติของมิ่งขวัญให้วกกลับเข้าที่ก่อนหญิงสาวจะกล่ำกลืนฝืนใจพาลูกสาวไปหาที่นั่งที่ทั้งหมดเหลือว่างเอาไว้ให้เธอและลูกสาวอย่างเงียบเชียบ            “มากันครบแล้วก็สั่งเด็กให้ยกอาหารออกมาได้เลยแวว หนูหยกหิวข้าวจะแย่แล้วไม่เห็นรึไง!” ทัดเทพหันไปสั่งสาวใช้ข้างกายก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจหยกฟ้าลูกติดสามีเก่าของรุ้งมณีเมื่อพูดจบ ภาพของชายหนุ่มที่กำลังเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กอีกคนที่ได้แต่นั่งมองดูภาพตรงหน้าตาละห้อยนั้นสร้างความปวดหนึบเข้าที่กลางใจของมิ่งขวัญได้เป็นอย่างดี            หญิงสาวละสายตาจากออกมาก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้ลูกสาวตัวเองพลางให้กำลังใจ ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วกำลังภาวนาให้การรับประทานอาหารจบสิ้นลงไปไวๆ เพื่อที่เธอจะได้พาตัวลูกสาวหลบไปให้ไกลจากคนใจร้ายที่ชอบตีค่าความรู้สึกของคนอื่นเป็นเพียงของเล่นแสนสนุกของตัวเองพวกนี้เสียที!            “รุ้งต้องขอบคุณคุณวีมากเลยนะคะที่อุตส่าห์ชวนเราสองคนแม่ลูกมาทานข้าวด้วยแบบนี้” รุ้งมณีเปิดฉากพูดขึ้นเป็นคนแรกพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนไปให้เจ้าของไร่ชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเมื่อพูดจบ เธอตกหลุมรักพ่อเลี้ยงหนุ่มตรงหน้าคนนี้ตั้งแต่แรกพบ และใครๆ ต่างก็รู้ว่าหญิงสาวอยากจะเลื่อนตำแหน่งของตัวเองมาเป็นนายหญิงของที่นี่เสียเต็มประดา หญิงสาวที่แต่ก่อนนั้นเคยเป็นอดีตนายหญิงของไร่องุ่นชาลิตา ไร่องุ่นชื่อดังที่มีพ่อเลี้ยงลิขิต หนุ่มแก่วัยหกสิบปลายๆ เป็นเจ้าของ แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นชีวิตของเธอถึงได้ตกต่ำ ถูกสามีทิ้งโดยยกเพียงไร่ส้มเล็กๆ ให้หลังจากการหย่าร้างกันแล้วเท่านั้น นั่นคือส่วนหนึ่งของข่าวลือที่ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จสักแค่ไหน บางข่าวลือก็ว่าอาจเป็นเพราะเด็กหญิงหยกฟ้านั้นเป็นลูกชู้ บ้างก็ว่าพ่อเลี้ยงลิขิตเกิดเจอกับภรรยาใหม่ที่ถูกใจกว่า แต่ใครเลยจะรู้ว่าความจริงแล้วเรื่องไหนกันแน่คือความจริงนอกจากเจ้าตัวที่ยังคงทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปวันๆ พร้อมกับเลี้ยงลูกเป็นแม่ม้ายสาวพราวเสน่ห์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก            “อย่าขอบคุณอะไรผมเลยครับคุณรุ้ง เราสองคนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันที่ไหน อีกอย่างผมเองก็รักและเอ็นดูหนูหยกแกเหมือนลูกสาวคนหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าหากวันไหนคุณรุ้งรู้สึกเบื่อๆ ก็สามารถมาที่ไร่นี้ได้ทุกเมื่อเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” รุ้งมณียิ้มรับคำหวานของชายหนุ่มอย่างพอใจ ไม่นานก็ปรายตาหันกลับไปมองสองแม่ลูกที่ดูเหมือนว่าจะไร้ตัวตนเข้าไปทุกชั่วขณะก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้นถามเด็กหญิงพลอยลดาออกมาเบาๆ            “จริงสิคะ นี่ผลสอบปลายเทอมออกแล้วใช่ไหม ว่าไงจ๊ะหนูพลอย หนูสอบได้ที่เท่าไหร่คะเทอมนี้” รุ้งมณีเอ่ยถามเด็กน้อยที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกันกับลูกสาวของตน แม้ลึกๆ ในใจจะรู้สึกหมั้นไส้ที่พลอยลดาเรียนเก่งกว่าหยกฟ้ามากจนทำให้สอบได้ที่หนึ่งแทบจะทุกปีเรื่อยมาแต่ก็ยังไม่วายอยากจะลองเอ่ยถามออกไปอยู่ดี            “น้องพลอยสอบได้ที่หนึ่งค่ะ” เด็กสาวเอ่ยตอบไปตามความจริงก่อนจะปรายตามองผู้เป็นพ่อเพื่อหวังว่าจะได้รับความรักจากอีกฝ่ายบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบแค่เพียงสายตาเย็นชาที่ผู้เป็นพ่อนั้นส่งกลับมาให้กันเหมือนทุกที เธออยากให้พ่อส่งยิ้มมาให้กันเหมือนที่ส่งให้กับหยกฟ้าบ้าง สักครั้งก็ยังดี…            “น้องพลอยนี่เรียนเก่งจังเลยนะคะเนี่ย เราเองก็ต้องตั้งใจเรียนให้มันมากกว่านี้รู้ไหมคะน้องหยก สอบกี่ปีก็ได้แค่ที่สองที่สามตลอดเลย” รุ้งมณีแสร้งหันไปเอ็ดลูกสาวแต่ก็ไม่วายส่งยิ้มแสยะให้สองแม่ลูกเมื่อพูดจบ เธอรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถึงได้ยอมถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วจากเด็กน้อย  เพราะไม่ว่าลูกสาวของเธอจะด้อยกว่าเด็กพลอยลดาแค่ไหน อย่างไรเสียทัดเทพก็ต้องให้ความสำคัญกับหยกฟ้ามากกว่าพลอยลดาอยู่วันยังค่ำไม่เคยเปลี่ยน “แต่ผมว่าน้องหยกฟ้าสอบได้ที่สองก็เก่งแล้วนะครับ ว่ายังไงครับหนูหยก หนูอยากได้อะไรเป็นรางวัลไหมครับเดี๋ยวน้าวีซื้อให้” และมันก็เป็นจริงดั่งที่รุ้งมณีคิดเอาไว้ รอยยิ้มหวานของหญิงสาวค่อยๆ คลี่ออกเบาๆ เพราะแผนการนี้ของตนเองได้ผลดีเกินคาดเมื่อทัดเทพทำท่าทีสนอกสนใจในตัวลูกสาวของเธอมากกว่าที่จะหันกลับไปมองสองแม่ลูกที่ได้แต่เฝ้ามองดูการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปไกล สำหรับมิ่งขวัญเธอรู้ดีและเข้าใจว่าที่เขาลงทุนทำไปทั้งหมดก็เพียงเพื่ออยากจะเห็นความปวดร้าวในดวงตาของเธอ ซึ่งเขาก็ทำมันสำเร็จไปเสียทุกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้นหญิงสาวต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดมากมายในขณะที่เขากลับมีความสุขมากขึ้นทุกวันเมื่อได้เห็นการทุกข์ทรมานเจียนตายของเธอที่เกิดขึ้นด้วยการกระทำของเขาแทบจะทั้งหมดทั้งสิ้น ส่วนพลอยลดานั้นกลับกำลังรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่ได้มาเห็นพ่อแท้ๆ ของตัวเองรักเด็กคนอื่นมากกว่า เด็กน้อยเฝ้ามองภาพตรงหน้าด้วยความปวดใจและพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเพราะไม่อยากให้ใครว่าว่าเป็นเด็กขี้แยอีก            “น้องหยกอยากได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ ค่ะ คุณน้าวีพาหยกไปซื้อตุ๊กตานะคะ” ด้วยความที่ขาดพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เด็กหญิงหยกฟ้าไม่รีรอที่จะตอบคำถามของทัดเทพไปพร้อมๆ กับอิงแอบใบหน้าซบอกของอีกฝ่ายเพื่อหาความอบอุ่นซึ่งทัดเทพก็ไม่รังเกียจที่จะลูบผมเด็กสาวกลับไปเบาๆ อย่างเอ็นดู            “ได้สิครับ เอาไว้ว่างๆ น้าวีพาเข้าเมืองไปซื้อนะครับ” ทัดเทพตอบรับคำขอแทบจะทันทีที่จ้องมองหยกฟ้าอย่างเอ็นดู เขาหลงรักเด็กๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ใจร้ายกับลูกสาวของตัวเองนัก            “น้องพลอยก็อยากได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ๆ เหมือนกันคะ...” ทว่าเสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นโดยไม่มีใครสักคนเอ่ยถามนั้นทำเอาทั้งโต๊ะถึงกลับเงียบกริบไป 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม