“พี่ดาวจ๋า พี่ดาวจ๋า”
ดาวจ๋ารู้สึกตัวอีกทีก็เกือบสว่างแล้ว เธอลืมตามองภาพซ้อนข้างหน้าด้วยความงุนงง สับสน ก่อนจะเห็นว่าเป็นหนึ่งในเด็กสาวอีกเก้าคนที่ถูกส่งมาบรรณาการชายที่ชื่อ ‘คุณวินทร์’ พร้อมกับเธอ
“เอ๋ย...” ดาวจ๋าเอ่ยเรียกเด็กสาวที่เพิ่งรู้จักกันในซ่องด้วยเสียงเบาหวิว “ที่นี่ที่ไหน?”
“พวกนั้นคุยกันว่าเป็นเซฟเฮ้าส์ของคุณวินทร์” เอ๋ยพยักพเยิดไปทางหน้าต่าง ดาวจ๋าจึงเห็นว่าตรงผ้าม่านที่เปิดอยู่มีนักเลงสองคนกำลังสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกตัวบ้าน “คนที่ชื่อคุณวินทร์เขาหล่อมากเลยนะพี่ดาว คนที่... ทำร้ายพี่ก็หล่อ แต่พวกเขาใจร้ายจัง”
เอ๋ยวัยเพียงสิบสองปีน้ำตาไหลเผาะ ๆ
“พวกนักเลงนั่นมันจะเฝ้าพวกเราไว้ ไม่ให้พวกเราหนี มันบอกว่าถ้าคุณวินทร์หายป่วย เขาจะจับพวกเราทำเมียทั้งหมดพร้อมกันเลย” เอ๋ยกัดริมฝีปากล่างอย่างกดดัน “แต่ว่า... มันอาจจะดีกว่าเขาส่งเราไปขายตัวให้ผู้ชายเป็นสิบ ๆ คนต่อคืนหรือเปล่าพี่ดาว”
ดาวจ๋าค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้น ดึงเอ๋ยที่กำลังสิ้นหวังมากอดไว้ เธอเองก็น้ำตาไหลอาบแก้ม
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไป...
“แล้วคนชื่อคุณวินทร์เขาไปแล้วเหรอ?”
เมื่อเอ๋ยเริ่มคลายสะอื้น ดาวจ๋าจึงถาม
เอ๋ยพยักหน้า
“อื้อ สองคนหล่อ ๆ เขากลับไปแล้ว แต่ว่าเขาทิ้งเสื้อผ้าไว้ให้พวกเราเปลี่ยน พี่ลุกไปอาบน้ำมั้ย จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามานอนสบาย ๆ”
ดาวจ๋าเพิ่งสังเกตว่าเอ๋ยใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวใหม่ เธอจึงพยักหน้า
“แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?”
“หลับอยู่ในห้อง เขาให้นอนห้องละสองคน”
ดาวจ๋าไม่เข้าใจการดูแลที่ดีขนาดนี้เลย... เตียงนอนนี่ก็ใหญ่ นอนสบายมากด้วย เธอกลับมามีความหวังอีกครั้งว่าสองคนนั้นไม่ใช่ซาตาน แต่เป็นพ่อพระมาโปรด
ขอให้เป็นอย่างหลังเถอะ
ตัวเธอเองก็แทบทนไม่ไหว ขนาดว่าเขาไม่ได้สอดกายเข้ามา ถ้าเป็นเด็กสาวอายุน้อย แถมยังตัวเล็กเหลือเกินแบบเอ๋ย จะทนการถูกข่มขืนไหวได้ยังไง...
ร่างบางลุกขึ้นรับผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าใหม่จากเอ๋ยเดินเข้าห้องน้ำมา เมื่อถอดเสื้อผ้า เธอก็เห็นรอยช้ำตามเนื้อตัวจากฝ่ามือหนาแข็งแกร่ง มุมปากของเธอยังเจ็บ แก้มก็ยังแดงจากรอยตบ
เมื่ออาบน้ำ ดาวจ๋าก็พบว่าตรงเครื่องเพศของเธอยังมีน้ำหวานเยิ้มเชื่อมอยู่เพราะไม่มีโอกาสได้ล้างออกเลยตั้งแต่ที่ท่าเรือ
หัวใจของดาวจ๋าหวาดหวั่น
เธอไม่เข้าใจร่างกายตัวเองที่ตอบสนองเขาแบบนั้น
ดาวจ๋าก็ได้แต่หวัง...
ว่าตำรวจจะมาช่วย แล้วส่งเธอกลับบ้าน
ดาวจ๋าคิดถึงน้องสาวที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กที่อยู่กันเก้าคนอย่างยากลำบากหลังนั้นที่เธอเติบโตมาเหลือเกิน...
วันเวลาผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงพวกนักเลงจะไม่พูดจาดี ๆ กับพวกเธอ และคอยแต่จะมองพวกเธอราวกับจะเลียตั้งแต่ใบหน้าจรดฝ่าเท้า แต่พวกมันก็ออกไปนั่งเฝ้าอยู่ข้างนอกเสมอ เห็นว่าเป็นคำสั่งของอัครวินทร์ที่ไม่ให้พวกมันเข้ามาอยู่ในบ้าน นอกจากเวลาที่เอาอาหารมาให้
“พวกมึงมันโชคดี ขนาดยังไม่เคยเอาสักที ยังดูจะเป็นตัวโปรดของไอ้คุณวินทร์นั่น อย่างว่าแหละ เด็กขนาดนี้ ยังไงก็ฟิต” นักเลงคนหนึ่งพูดขึ้นตอนเอาข้าวมาส่ง ก่อนจะกำมือไว้ด้านข้าง แล้วทำท่ากระเด้าลมอย่างน่าเกลียด “เป็นกูก็จะถนอมไว้ตั้งแต่หัวจนถึง**เลยเหมือนกัน ฮ่า ๆ”
เสียงหัวเราะน่ารังเกียจของสองคนนั้นทำให้เด็กสาวทุกคนรู้สึกสะอิดสะเอียน พวกมันพูดจาดูถูกพวกเธอแบบนี้เสมอ
ดาวจ๋าทนมาหลายวัน จนวันนี้เธอเริ่มทนไม่ไหว
“พวกพี่ออกไปเถอะค่ะ ถ้าคุณวินทร์ดูกล้องอยู่ เขาจะดุพวกพี่เอาได้นะ”
เธอชี้นิ้วไปยังกล้องวงจรปิดบนเพดาน ใกล้ประตูทางเข้าบ้าน
นักเลงหันมองตาม ก่อนจะหันขวับกลับมามองเธอด้วยสีหน้าเดือดดาล
“มึงกล้าไล่กูเหรออีกะ*รี่!” เขาก้าวอาด ๆ มาจิกผมเธอจนดาวจ๋าต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บ “คุณวินทร์เขาไม่ดูกล้องตลอดหรอกโว้ย! นี่มันกี่วันแล้ว เขายังไม่เคยมาหาพวกมึงเลย อย่ามาปากดีให้มันมาก เดี๋ยวปั๊ด!”
‘มึงนั่นแหละอย่าปากดี’
น้ำเสียงดุดันทรงพลังที่ดังมาจากกล้องวงจรปิด ทำให้นักเลงยืนตัวแข็งทื่อ
‘ปล่อยมือสกปรกของมึงเดี๋ยวนี้... กูจะไม่บอกว่ามึงจะตกงานหรอกนะไอ้มืด เพราะมึงจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่จนโดนไล่ออกด้วยซ้ำ’
ชายที่ชื่อมืดสบถในลำคอ ก่อนจะผละมือไปจากเส้นผมของดาวจ๋า สองนักเลงเดินออกไปจากบ้าน ปล่อยให้พวกเด็กสาวรุมเข้ามาดูอาการดาวจ๋าด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ดาวจ๋าเงยหน้ามองกล้องตัวนั้นด้วยสายตาครุ่นคิด
เสียงนั่น ถึงจะออกจากลำโพง ดาวจ๋าก็จำได้ เหมือนเสียงของผู้ชายที่สัมผัสเธออย่างกักขฬะที่ท่าเรือ
หัวใจของดาวจ๋าเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุ
ผิวแก้มของเธอร้อนวูบวาบ
ตั้งแต่เกิดมา ไม่ว่าจะพ่อแม่หรือพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ไม่เคยมีใครปกป้องดาวจ๋าแบบนี้มาก่อนเลย...
เขาชื่อซัน
ดาวจ๋ารู้ชื่อเขาเมื่อชายหนุ่มเดินทางมาที่บ้านหลังนี้ในวันต่อมา นักเลงสองคนที่เฝ้าหน้าบ้านถึงกับหงอเมื่อเขาเดินผ่าน ซันถือถุงใส่เสื้อผ้าและอาหารมาเต็มสองมือ เขาวางถุงพวกนั้นลงบนโต๊ะรับประทานอาหาร ก่อนจะหันมามองพวกเธอ
“พี่ดาวจ๋า หนูกลัว”
เอ๋ยหลบอยู่หลังดาวจ๋า เด็กสาวคนอื่น ๆ ก็พยายามหลบอยู่ข้างหลังเธอด้วย เมื่อซันก้าวอาดมาหา โดยที่มือเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกง ดาวจ๋าก็กางแขนออกพยายามบังตัวเด็ก ๆ ไว้ ทุกคนอายุน้อยกว่าเธอทั้งนั้น ถ้าโดนซันทำเหมือนที่ท่าเรือต้องรับไม่ได้แน่
“หยะ อย่าทำเด็ก ๆ นะคะ”
ดาวจ๋าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตารื้นเต็มขอบตาทั้งสองข้าง คำพูดราวกับผู้ใหญ่ที่เธอพูดออกมา ทำให้ซันเผลอยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู
ตัวเองก็กลัวจะตายอยู่แล้วยังปกป้องคนอื่นอีก
อายุแค่สิบแปดเอง ก็ยังเด็กเหมือนกันนั่นแหละ
“ก็ได้” ชายหนุ่มตอบเสียงทุ้มต่ำ เห็นเธอแล้วอยากแกล้งจัง... แต่เขาเองก็รู้ว่าเธอและเด็กพวกนี้เจอเรื่องสารเลวมามากพอแล้ว จึงพูดกับเธออย่างเป็นงานเป็นการ “คุณวินทร์ให้มารับไปหนึ่งคน ถ้าไม่อยากให้ยุ่งกับเด็กพวกนี้ เธอต้องไปกับฉัน”
ดาวจ๋าหวาดกลัวจับหัวใจ...
เธอหันมองเหล่าเด็กสาวที่เกาะเธอราวกับลูกลิง แต่ละคนหน้าซีดเซียว หลายวันที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้พูดคุยกัน ทำให้ดาวจ๋ารู้ว่านอกจากเธอแล้ว เด็กพวกนี้ถูกจับตัวมาทั้งหมด ไม่ได้ถูกพ่อแม่บังคับขายมาเหมือนเธอ
“แม่จ๋า ฮือ ๆ แม่จ๋า”
เด็กสาวคนหนึ่งเกาะชายเสื้อดาวจ๋า ร้องเรียกหามารดาจนตัวสั่น ดาวจ๋าเม้มปากที่สั่นเทา ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มอย่างกล้าหาญ
“ได้ค่ะ ฉันจะไปเอง”
“ดี” ซันฉุดแขนเธอให้หลุดจากการถูกเด็ก ๆ เกาะ ก่อนจะจับมือดาวจ๋าเพื่อพาออกไป แต่ก็เหมือนเสียงของพวกแมงดาจะดังเข้ามาในหัวของดาวจ๋า
‘มือหยาบฉิบหาย’
‘ถือว่าได้กระดาษทรายไปขัดจรวด’
เพียะ!
ซันไม่คิดว่าจะถูกเธอปัดมือออกอย่างแรง ก่อนที่ดาวจ๋าจะยกมือขึ้นจับ เธอยังคงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะรีบอธิบายพึมพำ
“มะ มือหนูหยาบ กลัวจะบาดมือคุณ”
“หา?” ซันอุทาน เสียงเหมือนสบถ
เขามองสาวน้อยที่ยืนก้มหน้าตัวสั่น ดูจะไม่ได้โกหกเพื่อไม่ให้เขาจับมืออย่างที่เขาเข้าใจทีแรก ก็อดงงไม่ได้ มือเธอก็ไม่นิ่มเหมือนมือผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยจับจริง ๆ นั่นแหละ แต่แล้วยังไงวะ?
หมับ!
ดาวจ๋าสะดุ้ง เมื่อเขาจับมือเธอดึงให้ก้าวตามมาได้หนึ่งก้าว ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาโดยไม่มองหน้าเธอ
“ไม่มีอะไรบาดมือฉันได้หรอก” เขามองกลับมา “ถ้ามือเธอหยาบ มือฉันก็สากเหมือนส้นตีนเลยใช่มั้ยล่ะ?”
คำพูดตรงไปตรงมา ไร้การเติมแต่งของเขาทำให้ดาวจ๋าอึ้งไปเลย
จะว่าไปมือเขาก็แข็งมากจริง ๆ นั่นแหละ
ดาวจ๋าไม่เคยจับมือผู้ชายอย่างจริงจังมาก่อน จึงไม่เคยรู้เลยว่ามือของพวกเขาใหญ่มากจนมือเล็ก ๆ ของเธอแทบจะจมหายไปในอุ้งมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดหลังมือของเขา มองไปตามท่อนแขนก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดเหมือนกัน แล้วเขาก็ผิวเข้มมากด้วย
“คุณวินทร์เขาหายป่วยแล้วเหรอคร้าบ คุณเลขา”
นักเลงยืนสูบบุหรี่มองซันด้วยสายตาจับผิด ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปมอง ก่อนจะยิ้มมุมปาก เขาโน้มตัวลงกระชากร่างแน่งน้อยมาแนบกายแกร่งทางด้านหลัง สอดมือมาขยำทรวงอกข้างหนึ่งของเธอ จนดาวจ๋ายืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
“คนนี้ของกู” ซันประกาศกร้าว “คุณวินทร์ให้รางวัลกู ทำไม? มึงมีปัญหาหรือไง?”
นักเลงหัวเราะ ก่อนดึงบุหรี่ออกจากปาก
“ใครจะกล้ามีปัญหากับพี่”
ถึงจะอายุมากกว่า แต่ซันตัวสูงร่างใหญ่กว่าเขามาก ข่าวลือที่ว่าอัครวินทร์เก็บซันไว้ข้างกายเพราะฝีมือทั้งเรื่องการต่อสู้และการใช้ปืนที่ซันเรียนรู้มาจากสลัมอเมริกา ก็ทำให้เขาคิดว่าควรเลี่ยงการปะทะกันซึ่ง ๆ หน้า
ถึงเขาจะเป็นนักเลง แต่ก็ไม่อยากแลกกับผู้ชายที่มีดวงตาเหมือนหมาบ้า เหมือนพวกคนที่ไม่มีอะไรจะเสียแบบนั้นหรอก!
“เชิญเลยครับ คุณเลขา ขอให้สนุก”
ดาวจ๋าไม่รู้เหมือนกันว่าซันมองนักเลงนั่นด้วยสายตาแบบไหน สุดท้ายจากที่กวนตีนใส่ นักเลงน่ากลัวคนนั้นก็เบือนหน้าหนีด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
ชายหนุ่มคลายกำมือที่กอบกุมทรวงอกอวบอิ่ม เขาเลื่อนฝ่ามือแกร่งไปตามท่อนแขนอ่อนละมุน แล้วจับมือเธอดึงให้เดินตามไปทางรถโฟวิลที่จอดไว้ตรงหน้าเซฟเฮ้าส์
ความเป็นชายฉกรรจ์ของเขาเหมือนแผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างแกร่งกำยำนั่น
ทั้งที่เพิ่งถูกล่วงเกินทางร่างกาย แต่ดาวจ๋ากลับเดินตามเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
บางทีก็กลัว บางทีก็อยากเข้าใกล้
อยากไปหลบข้างหลังร่างกายสูงใหญ่ และขอให้เขาปกป้องเธอจากภยันตรายทุกอย่างที...