ตอนที่ 11

2510 คำ
“แวะบ้านป้าแจ๊บก่อนได้ไหม ฉันอยากเอางานไปส่งก่อน” “ได้สิ แกอยากไปไหนฉันจะพาไปทุกทีเลย” พอใจบอก พอใจจอดรถยนต์ที่หน้าบ้านของอิงครัตน์ แต่เมื่อหันมามองดูเพื่อนที่ไม่ยอมลงจากรถเลยแปลกใจ “หันหน้ามาเช็ดหน้าสักหน่อย ทาแป้งนิดหนึ่ง ป้าไม่รู้หรอก” พอใจยิ้มๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆ ของภัสสราที่ถอนใจมาเกือบตลอด ทาง “ขอบใจนะ” “เออ ได้เจอป้าแจ๊บเดี๋ยวแกคงสบายใจขึ้น รายนั้นปลอบใจคนเก่งจะตายไป” พอใจบอก เมื่อภัสสราลงจากรถยนต์ยังไม่ทันจะกด กริ่งหน้าบ้าน เจ้าของบ้านก็เดินออกมาเปิดประตูให้และพอใจก็เคลื่อนรถขับออกไปทันที แก้วน้ำส้มที่มีไอน้ำเกาะถูกยื่นให้ภัสสรา โดยไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยอะไรกันเลยสักคำ สมุดกับหนังสือนิยายถูกวางลงที่โต๊ะทำงาน คนถือแก้วน้ำส้มเริ่มจิบเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็นว่า อิงครัตน์เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้เอนนอนสำหรับอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นที่ประจำและเคยบอกว่ามีความสุขกับการได้นอนอ่านหนังสือและงีบหลับ การไม่ได้เอ่ยปากถามหรือแม้ตัวเองที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำหลังจากเดินตามเข้าบ้านมา แต่การได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ และแววตาอันอบอุ่นที่จ้องมองอยู่กำลังดึงดูดภัสสราให้เดินเข้าไปหา “เหนื่อยหรือ” อิงครัตน์ถามก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของภัสสราที่ทำได้เพียงพยักหน้า เพราะรู้สึกเหนื่อยล้ากับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา “นั่งลง” อิงครัตน์พูดและมองไปที่ตักของตัวเองก่อนจะพยักหน้าให้เมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน การเอาใจใส่และมือที่จับอยู่ซึ่ง ค่อยๆ กระชับให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อยทำให้ภัสสราถึงกับมีน้ำตาไหลรินออกมาและยอมทำตามสายตาของคนที่มองสบตาและมองไปที่ตัก ของตัวเองอีกครั้ง “เอนตัวลงมาทับบนตัวฉันนี่แหละ มีคนเคยบอกว่าฉันมีพลังงานดี พลังงานบวกที่สร้างความสุขให้ ฉันจะกอดเธอไว้ถึงทุกข์ที่มีอยู่จะไม่หายไป แต่ฉันเชื่อนะว่า ความสบายใจจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของเธอ” อิงครัตน์พูดแล้วยิ้มน้อยๆ ให้ภัสสราที่มีน้ำตาอาบแก้มรู้สึกตื้นตันจนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรหรือพูดอะไรออกมา โดยเฉพาะเมื่อปลายนิ้วของอิงครัตน์ที่เอื้อมมาช่วยเช็ดน้ำตาให้และดึงตัวจนภัสสราล้มตัวไปทับอยู่บนเรือนร่างของตัวเองก่อนจะค่อยๆ กอดกระชับเอาไว้ ภัสสราถอนใจปล่อยให้น้ำตาไหลรินขณะเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดนั้น ใบหน้าที่แนบอยู่กับเนินอกอิงครัตน์ทำให้รู้สึกสุขสงบจากการได้ยินเสียงของหัวใจที่มีจังหวะเรียบนิ่ง ซึ่งช่วยให้ภัสสราเริ่มคล้อยตามกับเสียงที่ได้ยิน จนกระทั่งเสียงเต้นของหัวใจตัวเองกำลังเรียน แบบจนเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงหัวใจของอิงครัตน์ มือที่ลูบไล้เบาๆ ไปที่ศีรษะทำให้ภัสสราเคลิ้มหลับไปในเวลาไม่นานนัก “เมื่อยไหม” ภัสสราพูด ขณะขยับตัวหลังจากหลับไปพักใหญ่แต่ยัง คงถูกกอดกระชับเอาไว้ “ไม่หรอก ตัวไม่ได้หนักอะไรนัก” อิงครัตน์บอกแล้วจูบเบาๆ ไปที่ศีรษะของภัสสราที่รู้ใจตัวเองดีว่ายังไม่อยากออกห่างจากอ้อมกอดนั้น “หนูไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหน” ภัสสราพูดขึ้น “มีเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของสกายใช่ไหม ถึงได้มีน้ำหูน้ำตา” อิงครัตน์เห็นว่าเจ้าตัวยอมพูดก่อน จึงเริ่มถามคำถาม “ใช่ค่ะ” “อยากเล่าก็เล่า ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า” อิงครัตน์บอก “ถ้าไม่เล่าจะไล่ให้ลุกขึ้น เลิกกอดเลยไหม” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ “เธออยากให้ฉันกอดเอาไว้อย่างนี้หรือ แต่ตอนลุกขึ้นขาแข้งจะยืดไม่ออกเอานา” อิงครัตน์ยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของภัสสรา ถึงแม้แค่เพียงน้อยนิดแต่ก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง “หนูนวดให้ได้” ภัสสราพูดงึมงำ แล้วกลับแนบใบหน้าให้เบียดชิดไปกับเนินอกของอิงครัตน์อีกครั้ง “ขอบใจที่นึกถึงฉันนะ” อิงครัตน์จูบเบาๆ ไปที่ศีรษะอีกครั้ง “หนูต่างหากที่ต้องขอบคุณ อีกหน่อยคงนึกถึงป้าเป็นคนแรกเนอะ” ภัสสราหัวเราะเล็กๆ เหมือนลืมตัวว่าก่อนหน้าร้องไห้น้ำตาไหลไม่ขาดสาย แต่เมื่อได้เริ่มพูดคุยทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น ทุกข์ไม่หายแต่ความสบายใจที่อิงครัตน์บอกกำลังค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในความรู้สึก ภัสสราเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากได้พบเจอเมฆากับผู้หญิงอีกคนที่ชื่อจารวี ซึ่งเป็นหลานสาวของอิงครัตน์ เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้ รู้สึกเสียใจสักเท่าไรนัก แต่เรื่องที่ทำให้อยากกลับก็คือ โทรศัพท์จากมารดาที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่ท่านพาเข้ามาในฐานะสามีใหม่ และอยากขอต่อเติมบ้านให้กว้างขวางขึ้น เพื่อคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่จะได้รู้สึกสะดวกสบายโดยไม่ได้สนใจเลยว่า ลูกสาวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหารายได้ตกงานอยู่ “ก็เราน่ะ บริหารไม่เป็นเอง โกรธเขาไม่ได้” อิงครัตน์หัวเราะหึๆ “ป้าอ๊ะ” “แล้วบอกกับแม่เขาไปว่าอย่างไรล่ะ” อิงครัตน์ถาม “หนูตกงานอยู่ เงินก้อนสุดท้ายต้องสำรองไว้ใช้เอง ส่วนอีกก้อนที่จัดสรรไว้เป็นเงินเดือนของแม่กับของน้อง ถ้าหนูบอกว่า หนู เหนื่อยกับการต้องดูแลที่บ้าน ป้าจะด่าหนูไหม” ภัสสราถามเสียงอ่อยๆ “แล้วทำไมต้องถึงกับน้ำหูน้ำตาขนาดนี้” “แม่บอกว่า แกไม่เคยรักฉันเลย ฉันเหนื่อยกับแกมามากกว่านี้อีกยังไงก็จะเอาเงินส่วนที่หนูเอาไว้ใช้ให้ได้ แล้วบอกให้หนูไปหา งานทำเพิ่มเอง" ภัสสราบอก อิงครัตน์ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก เพราะมีเด็กหลายคนเคยมาบอกหรือเล่าให้ฟังคล้ายๆ กับภัสสรา ซึ่งบางคนสุดท้ายก็เลือกที่จะนิ่ง หากไม่มีเงินให้กับทางบ้านตามที่ต้องการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของคนๆ นั้นเอง เพราะรายละเอียดยิบย่อยของปัญหาไม่มีทางที่คนอื่นจะเข้าใจ ดังที่อิงครัตน์เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมภัสสราถึงต้องให้ครอบครัวมากมาย จนกระทั่งตัวเองต้องลำบากมาจนถึงทุกวันนี้ “ตามใจมานานแล้ว จะมาหยุดตอนนี้ได้ที่ไหน” อิงครัตน์หัวเราะ “เพราะรักหรอกนะ ถึงได้ตามใจ ป้าไม่เข้าใจหรอก” ภัสสราพูดบ่น “ทำไมจะไม่เข้าใจ ถ้ามีก็ให้เท่าที่ให้ได้ อย่าให้ตัวเองเดือดร้อนไอ้สิ่งที่แม่อยากได้ไม่ได้จำเป็นนักไม่ใช่หรือ ปากท้องของเธอใน วันข้างหน้าจำ เป็นกว่ามาก” อิงครัตน์บอกในสิ่งที่ตัวเองคิด “มีหวังได้โดนโทรฯ มาด่าวันละหลายรอบ” ภัสสราพูดคล้ายบ่น “หมดหรือยังเรื่องเศร้า” อิงครัตน์ถาม “สองเรื่องก็น้ำตาร่วงเป็นปี๊บแล้ว ป้ายังจะให้มีอีกหรือ” “เอ๊าถามดีๆ พาลเว๊ย” อิงครัตน์หัวเราะ “ไม่ได้พาล แต่เหนื่อยจริงๆ นะ ป้า” “เรื่องดี คือ เงินเธอฉันจัดใส่ซองไว้ให้แล้ว อยู่ในลิ้นชักโต๊ะ” อิงครัตน์ยิ้มๆ ให้ เมื่อภัสสราเงยหน้าขึ้นมามองสบตาด้วย “ป้ารู้ตัวไหมว่า ป้าเป็นคนแรกที่ทำให้เกิดเรื่องราวดีๆ ในชีวิตหนู” “ไม่รู้ ฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ส่วนเรื่องเธอจะรู้สึกแบบไหนเป็นเรื่องของเธอ” อิงครัตน์บอกขณะเอามือลูบไปที่เส้นผมอย่างแผ่ว เบา “ไม่อยากกลับห้องเลย” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ “นอนที่นี่ก็ได้ มีกระเป๋าเสื้อผ้ามา คิดเสียว่าเที่ยวทะเลอยู่” “ป้าจะกอดอีกไหม แบบหลับไปทั้งๆ ที่ป้ายังกอดอยู่” ภัสสราเงยหน้ามามองสบตาด้วยอีกครั้ง “เวลาฉันมีทุกข์ เธอจะมากอดฉันจนหลับไปเหมือนกันไหมล่ะ” “มาทันทีเลย เร็วกว่ารถไฟฟ้าอีกนะจะบอกให้” รอยยิ้มของภัสสราทำให้อิงครัตน์มีความสุข “ไปอาบน้ำอาบท่าล้างคราบน้ำตาให้หมด ไปนอนในห้องด้วยกันก็แล้วกันนะ ถ้าฉันกอดแล้วเธอหลับสบาย ฉันก็ยินดี” อิงครัตน์ บอกก่อนจะแตะเบาๆ ไปที่แผ่นหลังจากภัสสราให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวทำท่าอิดออด “อยู่เป็นโสดมาได้ไง น่ารักขนาดนี้” ภัสสราหัวเราะคิกคักและรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที อิงครัตน์ยิ้มน้อยๆ มองตาม หญิงสาวที่ก่อนหน้ายังเดินหงอยๆ แต่ผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ ยังกับคนละคนเลย “ตอนแรกก็ดีแบบนี้แหละ เธอเอ๊ย” อิงครัตน์ยิ้มๆ และเอนตัวลงนอนที่เดิม คนบางคนก็ทำให้ความรู้สึกปั่นป่วนระคนสุขใจได้ในห้วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ภัสสรายิ้มๆ หลังจากตื่นนอนมาด้วยความรู้สึกสด ชื่นและยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคนที่บ่นโน้นนี่กลัวเมื่อยบ้างอะไรบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็กอดเอาไว้จนกระทั่งเช้า ภัสสรามองดูคนที่ตัวเองเรียกว่าป้าที่ยังคงหลับตาพริ้มมีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่ข้างๆ “รู้สึกอย่างไรกันแน่นะ” ภัสสราคิดอยู่ในใจจนกระทั่งเห็นรอยยิ้มของอิงครัตน์ชัดเจนขึ้น “จ้องอะไรนักหนา” คำพูดที่คล้ายดุทำให้ภัสสราหัวเราะ “บ้าจ้องอะไรที่ไหนกัน ป้า” ภัสสราอมยิ้ม เพราะอิงครัตน์ยังไม่ยอมลืมตาขึ้น “บาปกรรมหลอกคนแก่” “ไม่เคยคิดจะหลอกเลย แต่กลัวโดนหลอกมากกว่า” ภัสสราพูดแล้วรีบลุกขึ้น แต่ถูกจับข้อมือเอาไว้ “ใครหลอกอะไร” อิงครัตน์ถาม “เปล่า คิดอะไรนิดหน่อย ตอนเช้าป้าชอบทานอะไร” ภัสสราถาม “อะไรที่เธอทำให้ ฉันกินได้หมดแหละ” “จริงดิ ข้าวคลุกน้ำปลาก็แล้วกันงั้น” ภัสสรายิ้มก่อนจะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้อิงครัตน์ “เป็นลูกเป็นหลานจะหยิกให้เนื้อเขียวเลยคอยดู” อิงครัตน์พูดดุ “ไม่ได้อยากเป็นลูกเป็นหลานสักหน่อย” อิงครัตน์ยิ้มๆ มองตามคนที่หันมาแลบลิ้นให้ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไป “ไอ้เด็กช่างทะเล้นเอ๊ย” อิงครัตน์ยิ้มๆ จัดการเก็บเตียงแล้วออกไปจัดเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ เพราะเมื่อคืนกว่าภัสสราจะหลับไปก็ดึกโข การจัดเตรียมอาหารเช้าให้กับใครสักคนทำให้ภาพแห่งความทรงจำกลับมาอีกครั้ง จุมพิตอ่อนหวานมักจะทาบทับไปที่แก้มหลังจากกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นถูกเทลงในแก้วสำหรับคนสองคน ซึ่งกำลังจะทานอาหารเช้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน “นานเท่าไรแล้วนะ ที่ต้องตื่นมาคนเดียว” อิงครัตน์ยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียงเครื่องทำขนมปังปิ้งดีดตัวขึ้นและอาหารเช้าเสร็จก่อนที่ภัส สราออกมา “ป้าไม่รอล่ะ” ภัสสราบ่นพึมพำ “แค่นี้เอง ขนมปังปิ้ง ผลไม้ กาแฟ” อิงครัตน์บอก “ไปอาบน้ำแปรงฟันเลย” ภัสสราพูดพึมพำเดินไปเตรียมน้ำดื่มให้ “กินเลยไม่ได้เหรอ” อิงครัตน์หัวเราะ “ป้า สกปรกไปนะ” ภัสสราอมยิ้ม “เดี๋ยวจะโดนเขกกบาล สกปรกแล้วเบียดอยู่ทำไมทั้งคืน” “ก็มันอุ่นนี่ อุ่นเข้าไปในหัวใจเลยล่ะ ไปอาบน้ำ” ภัสสรายิ้มอายๆ เมื่อมองสบตากับอิงครัตน์ ภัสสรายิ้มๆ เมื่อเปิดโทรศัพท์แล้วเห็นภาพที่อิงครัตน์ส่งให้ ซึ่งเป็นภาพของตัวเองหลับอยู่ในอ้อมกอดของอิงครัตน์ ถึงแม้ภาพจะดู มืดแต่ดูมีเสน่ห์ในความมืดมน โดยเฉพาะรอยยิ้มของคนที่แอบถ่ายภาพเอาไว้ให้ “ไอ้เด็กขี้เซา” ข้อความยิ่งทำให้ยิ้มกว้างมากขึ้น “เจ้าป้าร้ายกาจ ชอบแอบถ่ายรูปอยู่เรื่อย” ภัสสรายิ้มๆ และใช้ภาพนั้นเป็นภาพสำหรับหน้าจอโทรศัพท์ ภัสสราไปสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้ายตามนัดหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการตอบรับทันที โดยให้เข้ามารายการตัวในอีกสองสัปดาห์และรับคู่มือพร้อมรายละเอียดต่างๆ ไปศึกษา เจ้าตัวยิ้มและหยิบโทรศัพท์มาตั้งใจว่าจะโทรฯ ไปแจ้งข่าวกับอิงครัตน์ แต่คิดว่าไปบอกที่บ้านเลยดีกว่า หลังจากหลายวันที่มัววุ่นวายเรื่องเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์และอิงครัตน์เองก็ต้องไปไปบรรยายพิเศษในมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ซึ่งเชิญไปพูดเรื่องการขายภาพออนไลน์ทำให้ไม่ค่อยได้พบกันนัก “เป็นไงบ้างแก” เสียงคนที่โทรศัพท์เข้ามาถามด้วยความตื่นเต้น “อีกสองสัปดาห์ให้ไปรายงานตัว” ภัสสราบอก “เย้ เก่งจริงเพื่อนฉัน” พอใจหัวเราะเล็กๆ ไม่คิดว่าจะทราบผลทันที นึกขอบคุณอิงครัตน์ที่คงไปช่วยฝากฝังทั้งๆ ที่ออกตัวไว้เพียงแค่จะลองไปพูด คุยดูเท่านั้น “ไม่เห็นถามอะไรเท่าไรเลย แปลกๆ” “เด็กเส้นก็งี้แหละ” พอใจตกใจที่เผลอพูดออกไปทั้งๆ ที่อิงครัตน์เคยห้ามเอาไว้ “เส้นอะไรของแก พอใจ” ภัสสราถาม พอใจจึงยอมเล่าเรื่องที่ไปพูดคุยเรื่องการสอบเข้ากับอิงครัตน์ ซึ่งในอดีตเป็นถึงเจ้าหน้าที่ อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศ “บ้าเอ๊ย พอใจ” ภัสสราพูดคล้ายต่อว่า “ฉันแค่เล่าให้ป้าแจ๊บฟัง แกบอกจะไปลองคุยให้” พอใจบอก “ไปรบกวนป้าทำไม มิน่าถึงได้ราบรื่นเกินเหตุ แค่นี้ก่อนนะ” ภัสสรากลับไปพบเจ้าหน้าที่ที่สอบสัมภาษณ์เธอ โดยฝ่ายนั้นออกจะแปลกใจที่ได้ยินคำถาม ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้นคงคิดว่าภัสสราทราบเรื่องคน ที่ถูกระบุในใบสมัครว่าเป็นผู้แนะนำโดยมีชื่อของ อิงครัตน์ ระบุเอาไว้ “ในใบสมัครแจ้งว่า คุณถูกแนะนำเข้ามาโดยคุณอิงครัตน์ค่ะ” “ยังไงคะ ตอนกรอกใบสมัครไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย” ภัสสราถาม “ตรงนั้นเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” “เปล่าค่ะ ขอบคุณนะคะ” ภัสสรายิ้มจางๆ นึกแปลกใจที่อิงครัตน์ไม่เห็นเคยบอกว่าได้มาพูดฝากฝังเอาไว้ “ทำไมไม่บอกกันบ้างนะ ป้า” ภัสสราพูดบ่นๆ ขณะเดินออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม