ตอนที่ 1
ป้าแจ๊บ คือ ชื่อของคนที่เพื่อนบอกมีงานให้ทำ ซึ่งรู้มาคร่าวๆ ว่าเป็นงานถ่ายแบบแต่ไม่ใช่แฟชั่น ส่วนรายละเอียดเรื่องงานต้องไปรับฟังจากคนว่าจ้างด้วยตัวเอง
“ป้าแจ๊บ หรือว่าเป็นนายหน้าหาคนไปถ่ายแบบกันนะ” ภัสสราคิดหลังจากได้พูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่ช่วยเหลือและหางานให้
ภัสสรารู้ว่างานหายาก แต่ในเมื่อบริษัทที่ทำงานอยู่ปิดตัวลงจึงจำ เป็นต้องรีบหางานไม่ว่าจะงานอะไรคงต้องรับเอาไว้ก่อน เพราะยังมีน้องสาวที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยและจำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งภัสสรารับปากเอาไว้ว่าจะส่งเสียเล่าเรียน แม้น้องสาวจะหารายได้พิเศษมาบ้าง แต่คนเป็นพี่สาวอยากให้เก็บเอาไว้เป็นเงินเก็บสำหรับวันข้างหน้า
ภัสสรามองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาและหันหลังกลับไปดูอาคารซึ่งเคยเป็นบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ ถึงแม้จะได้เงินชดเชยมาบ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไรนัก ถือเป็นเงินช่วยเหลือ ซึ่งหากเอาไปให้น้องสาวจ่ายค่าเรียนคงมีเหลือพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายได้อีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
“กระทรวงการต่างประเทศเปิดรับสมัครลูกจ้าง แกลองไปสมัครดูเผื่อมีโอกาสได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ” เพื่อนบอกกับภัสสรา หลังจากได้ยินข่าวคราวเรื่องบริษัทที่ปิดตัวลง
“ขอบใจ เส้นสายไม่มีจะได้ๆ ยังไงล่ะ” ภัสสราแอบถอนใจ
“ดวงไงจ๊ะ หล่อน” เสียงหัวเราะดังแว่วๆ มาจากปลายสาย
“เดี๋ยวจะลองไปสมัครดู ขอบใจนะ”
“ขาดเหลือเรื่องเงินทองมาบอกได้นะเว๊ย เราเพื่อนฝูงกัน”
“มีเยอะนักหรือไง” ภัสสรายิ้มๆ แต่นึกขอบคุณในความมีน้ำใจ
“ไม่เยอะ แต่ถ้าแกอดฉันมีให้ เพราะตอนน้องแกเรียนจบ แกคงมีเงินเหลือมาคืนฉันแน่” ปลายสายบอก
“ขอบใจ ฉันหางานพิเศษได้เจ้าหนึ่งแล้ว เงินดีอยู่เหมือนกัน”
“งานอะไรว๊ะ” เพื่อนถามภัสสรา
“ถ่ายแบบ” ภัสสราบอกเพียงแค่นั้น
“เงินดี เสื้อผ้ามีด้วยไหมล่ะแก”
“สามสิบกว่าๆ แก้ผ้าแล้วได้เงิน ก็คุ้มนะ” ภัสสราหัวเราะ
“นังโต๊ด แก้ผ้าครั้งเดียว ภาพเหล่านั้นจะอยู่กับแกไปทั้งชีวิตเลยนะ แกถามแฟนแกหรือยังว่ายอมหรือเปล่า”
“ยังเลย เขายุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้เจอกัน”
“เวลาแบบนี้ เขาควรจะว่างและมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนแกนะ”
“ฉันคงต้องพึ่งตัวเองก่อน ขอบใจที่มาแนะนำเรื่องงาน” ภัสสรายิ้มกับกำลังใจและความหวังดีจากเพื่อนๆ
ภัสสรากลับถึงบ้านรีบจัดสรรปันส่วนเงินที่เหลืออยู่ หลักๆ จะเป็นเงินค่าเล่าเรียนและเงินเดือนของน้องสาว ส่วนของตัวเองตั้งใจเอาไว้ว่าจะใช้ให้น้อยที่สุด เพราะไม่รู้เหมือนกันว่ากว่าจะได้งานใหม่ต้องใช้เวลานานขนาดไหน เพราะหากยังหางานไม่ได้อีกสักสามเดือนคงลำบากแน่
“ป้าแจ๊บครับ ผมเรียนรู้การถ่ายภาพ แต่งภาพและการขายภาพไปผลปรากฏว่ายอดดีขึ้นมากเลยครับ” ชายหนุ่มรีบมารายงาน เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่เป็นเหมือนครูและที่ปรึกษาโดยบังเอิญ
“งานเราน่ะ ดีอยู่แล้ว อย่าลืมเรื่องคุณภาพของงานด้วยล่ะ จะได้มีราคาแพงขึ้น” อิงครัตน์ยิ้มๆ ให้กับชายหนุ่มที่พนมมือไหว้ก่อนจะขอตัวไป
อิงครัตน์หรือป้าแจ๊บที่คนส่วนใหญ่เรียกกัน ในวัย 50 กว่ากับการถูกเรียกป้ามาเสียจนชิน ไม่ใช่แค่ป้าแต่เป็นย่าให้กับเด็กๆ ซึ่งเคยทำงานด้วย กันพอมีลูกๆ ก็เลยเรียกย่าแจ๊บที่อาจจะฟังดูแก่ แต่อิงครัตน์ไม่ได้สนใจอะไรนักกับคำนำหน้าและยังถือเป็นการให้ความเคารพเอาเสียด้วย
การออกมานั่งทำงานตามร้านกาแฟทำให้มีมุมมองอะไรใหม่ๆ จากการได้ยินการสนทนาพูดคุยของคนในแต่ละวัย ซึ่งบางครั้งยังได้ภาพถ่ายกลับไปใช้งานจากบรรยากาศในแต่ละร้าน รวมถึงผู้คนที่นั่งพูดคุย ประชุมงานและเดินผ่านไปผ่านมา อิงครัตน์เพิ่งเกษียณอายุตัวเองตอนอายุ 50 ปี และมาทำอาชีพที่หลายคนอาจหัวเราะเยาะเอาได้ แต่ความสุขของใครก็ของคนนั้น หากเรารู้ตัวเราเองดี ซึ่งอิงครัตน์รู้ดีว่าความสุขของตัวเอง คือ อะไร และงานอะไรที่กำลังสร้างความสุขใจ แม้เม็ดเงินไม่มากเท่ากับงานที่เคยทำ แต่เจ้าตัวเชื่อว่า ในวันข้างหน้าหากทำงานอย่างต่อเนื่องคงมีเงินเป็นกอบเป็นกำเหมือนการทำงานประจำ
ภาพของหญิงสาวที่ชะเง้อมองเข้ามาในร้านกาแฟทำให้อิงครัตน์ยิ้ม เพราะเป็นคนเดียวกับที่มีคนส่งภาพมาให้ดูและนัดหมายพูดคุยกันเรื่องงาน แต่รู้สึกแปลกใจ ทำไมถึงไม่โทรศัพท์ถามจะไปยืนชะเง้อมองไปยังผู้สูงวัยไล่เรียงไปทีละคนทำไม อิงครัตน์ยิ้มกับท่าทางเด๋อด๋าของหญิงสาวที่แม้จะเห็นไกลๆ ก็สามารถเห็นได้ถึงความงดงามที่มีบนใบหน้า
“สาวสมัยนี้ โทรศัพท์ก็มีทำไมไม่โทรฯ” อิงครัตน์บ่นพึมพำก่อนจะยกมือและโบกไปมาให้ภัสสราเห็น แต่เจ้าตัวขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองทางด้านหลัง ซึ่งไม่เห็นใครจึงเอานิ้วชี้ๆ มาที่ตัวเอง หญิงสาวที่โบกไม้โบกมืออยู่จึงพยักหน้าให้
“นังเพื่อนตัวดีดันเรียกว่าป้าแจ๊บ ถ้าไม่โบกมือเรียกจะหาเจอไหม” ภัสสรารีบเดินเข้าไปพนมมือไหว้และจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“มีอะไร หน้าแก่มากกว่าที่คิดหรือไง” อิงครัตน์ถามยิ้มๆ
“ใช่แน่หรือคะ” ภัสสราถาม
“อ๊ะ บัตรประชาชน” อิงครัตน์หัวเราะเล็กๆ กับคนที่ก้มลงไปมองดูบัตรประชาชนที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเจ้าของบัตรเชื่อว่ากำลัง
จ้องดูที่วันเดือนปีเกิด รอยยิ้มเจื่อนๆ ปรากฏขึ้น เมื่อสาวเจ้าเงยหน้าขึ้นมาและหยิบบัตรส่ง คืนให้กับเจ้าของ
“คืนค่ะ” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ ขณะส่งบัตรคืนให้
“ดื่มอะไรดี” อิงครัตน์ถาม หลังจากนำบัตรประชาชนเก็บใส่เอาไว้ในกระเป๋าสตางค์เหมือนเดิม
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ขอกาแฟอีกที่ค่ะ” อิงครัตน์บอกกับพนักงาน
“ถ้าดิฉันไม่ทานกาแฟจะทำอย่างไรคะ” ภัสสราพูดขึ้น อิงครัตน์ยิ้มน้อยๆ จ้องมองหญิงสาวที่จ้องตาแป๋วอยู่
“ก็คงต้องเอากลับบ้านไปอุ่นทานพรุ่งนี้”
“นอกจากจะเผด็จการแล้ว ยังเค็มอีก” ภัสสรายิ้มกับสิ่งที่ตัวเองคิด
“นินทาผู้ใหญ่บาปนะ คุณ” อิงครัตน์ยิ้มน้อยๆ หันไปมองดูขนมที่อยู่ในตู้ก่อนจะลุกเดินไปดูและกลับมาพร้อมขนมปังสองชิ้น
“ไม่ล่ะค่ะ” ภัสสราบอก
“ไม่ได้ใส่ยาอะไรหรอกน่า อีกอย่างฉันก็เป็นผู้หญิง”
“ผู้หญิงเป็นนกต่อก็เยอะค่ะ ไอ้ที่โดนหลอกไปขาย นางนกต่อส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง” ภัสสราพูดฟังดูจริงจัง แต่อิงครัตน์กลับยิ้ม
“กินขนม กินกาแฟให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้งาน ท้องร้องเสียงดังขนาดนี้ ชาวบ้านชาวช่องเขาจะว่าฉันเป็น
ผู้ใหญ่ไม่ดีเอานะ ฟังเสียงท้องตัวเองเสียบ้าง ร้องดังตั้งแต่มานั่งแล้วน่ะ” อิงครัตน์ยิ้ม เมื่อเห็นภัสสราเอามือแตะเบาๆ ไปที่ท้องของตัวเอง
“ไม่เห็นจะได้ยินเสียงเลย” พูดจบเสียงโครกครากก็ดังขึ้น ภัสสราจึงรีบหยิบขนมปังมารับประทาน โดยอิงครัตน์เลือกที่จะมองไปทางอื่น
“เคยถ่ายแบบมาก่อนไหม” อิงครัตน์ถาม
“ไม่เคยค่ะ ป้า เอ๊ย คุณต้องการมืออาชีพหรือคะ” ภัสสรารู้สึกใจคอไม่ดี เพราะไม่อยากพลาดงานของอิงครัตน์
“ป้าก็ได้ ฉันชินแล้วล่ะ” อิงครัตน์หัวเราะเล็กๆ
“คนอื่นได้ยินเข้าคงขำ ป้าอะไรจะสวยและสาวขนาดนี้” ภัสสราก้มหน้าและหันไปสนใจขนมปัง เพราะไอ้เจ้าแววตาวาววับที่จ้องมองมาทำให้ไม่กล้ามองสบตาด้วยทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังจ้องเขม็งอยู่
“ถ้างั้นก็แล้วแต่คุณ เรื่องงานก็ประมาณนี้ค่ะ” อิงครัตน์เปิดดูภาพจากโทรศัพท์และให้ภัสสราดู ซึ่งเป็นการถ่ายภาพในหลายๆ อิริยาบถ
“ไม่ต้องเห็นหน้าด้วย” ภัสสราพูดขึ้น
“ค่ะ ถ้าถ่ายเห็นหน้า คุณต้องเซ็นใบอนุญาตให้ ลำบากเปล่าๆ”
“ขายภาพออนไลน์ต้องทำอย่างไรคะ” ภัสสราเริ่มสนใจในเนื้องาน
“ก็ถ่ายรูปสวยๆ คุณภาพดีๆ อัปโหลดขึ้นเว็บไซด์ที่ให้ฝากขาย”
“คุณทำเป็นอาชีพอย่างนั้นหรือคะ” ภัสสราเริ่มถามรายละเอียดและเปิดดูภาพจากหน้าจอโทรศัพท์ของอิงครัตน์ต่อ
“คนทำเป็นอาชีพมีเยอะ ถามเหมือนสนใจ”
“ถ่ายรูปไม่ค่อยสวยหรอกค่ะ นึกไม่ออกว่าถ่ายรูปสวยๆ ต้องทำอย่างไร ไอ้รูปหมูปิ้งก็ขายได้หรือคะ” ภัสสราขมวดคิ้วมองดูภาพ
“ขายได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่ต้องรอเนื้อคู่ที่จะมาหางานเราเจอ”
“รายได้ดีแน่เลย ถ้าคุณทำเป็นอาชีพ” ภัสสราถาม ถึงแม้สนใจในเนื้องาน แต่เมื่อมานึกถึงฝีมือของตัวเอง ก็คงต้องแค่ศึกษาเพื่อรู้ไม่น่าจะทำเป็นงานได้
“เริ่มต้นปกติเป็นเงินไทยก็ดาวน์โหลดละประมาณ 8 บาท” อิงครัตน์ยิ้มๆ เมื่อเห็นภัสสราเงยหน้ามาจ้องมองเหมือนไม่เชื่อกับสิ่ง
ที่ได้ยิน
“มุสา บาปนะ ป้า” ภัสสรากลับไปมองดูภาพถ่ายจากโทรศัพท์ต่อ
“ฉันจะโกหกไปทำไม นั่นเป็นราคาเริ่มต้น แต่บางครั้งภาพเดียวก็ได้หลักพัน หลักหมื่น” อิงครัตน์อธิบาย
“โห ถ่ายอย่างคุณคงได้เนอะ ราคาหลักหมื่น”
“ก็ไม่ได้ถ่ายสวยมากขนาดนั้นไหม มันขึ้นอยู่กับการฝึกหัด ความตั้งใจ ความอดทน ถ้าคุณมีก็ทำได้ ใครมีก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ” อิงครัตน์พูดคล้ายตอนที่ไปบรรยายให้ผู้สนใจการขายภาพออนไลน์ได้รับรู้
“จ้างดิฉัน โอ๊ยแทนชื่อเล่นตัวเองได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ห้ามเลยนะคะ” อิงครัตน์หัวเราะ ภัสสราทำหน้างอใส่
“ชื่อโต๊ดค่ะ” ภัสสราบอกและเฝ้าดูปฏิกิริยาของอิงครัตน์ที่อมยิ้ม
“คนตั้งชื่อต้องเล่นหวยแน่ๆ” อิงครัตน์พูดขึ้น แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้
“อย่าได้เดาต่อเชียวนะว่ามีน้องชื่อเต็ง” ภัสสราพูดดักทางเพราะมีคนเคยพูดให้ได้ยินมาก่อน
“น้องน่าจะชื่อ ตอง” อิงครัตน์พูดขึ้น
“ป้าเป็นหมอดูด้วยปะเนี่ย” ภัสสราหัวเราะเล็กๆ แปลกใจที่ได้ยินพูดชื่อน้องสาวของตัวเองออกมา
“ถูกล่ะสิ” อิงครัตน์ทำท่ากอดอกแสดงความภาคภูมิใจ
“เยอะไปแล้วป้า เรื่องงานตกลงป้าว่าไงคะ” ภัสสราถาม การได้เรียกป้าก็ดีเหมือนกันเหมือนได้สนิทสนมคุ้นเคยกว่าการเรียก
คุณ
“เรียกป้า มันน่าจ้างไหมล่ะ” อิงครัตน์หัวเราะ
“คุณพี่คะ ตกลงเรื่องงานว่าอย่างไรคะ” ภัสสราอมยิ้ม
“ไม่เอาล่ะ รำคาญหู ป้าดีแล้ว คุณสะดวกเมื่อไหร่” อิงครัตน์ถาม
“เอาจริงๆ คือ โต๊ดตกงานและอยากได้เงินเร็วๆ ไปตอนนี้ยังได้เลย แต่ป้าคงต้องเตรียมตัว” ภัสสราถอนใจและยิ้มอายๆ เมื่อเห็นอิงครัตน์มอง ดูจานขนมปังและที่แก้วกาแฟ ซึ่งหมดเกลี้ยงไปตอนไหนไม่รู้
“ดีที่บอกกันตรงๆ ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันสะดวกไหม”
“สะดวกมากค่ะ” ภัสสราพนมมือไหว้ทันที อิงครัตน์ยิ้มๆ กับความน่ารักของคนที่ยังคงพนมมืออยู่
“เอาลงได้แล้ว ไม่ใช่แม่ชีหรือศาลเจ้าจะได้มาพนมมืออยู่นานๆ”
“แหมช่างว่านะเนี่ย” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ แต่เมื่อจ้องมองแววตาอ่อนโยนของอิงครัตน์ทำให้รู้สึกดีและหายกังวลใจไปได้มาก
“เตรียมเสื้อผ้าตามนี้ได้ไหม” อิงครัตน์ส่งกระดาษที่มีรายละเอียดเรื่องเสื้อผ้าให้กับภัสสรา
“ได้ค่ะ แต่เสื้อผ้าลำลองไม่ค่อยมีนะคะ”
“เดี๋ยวไปลองดูของฉันก็ได้ มีที่ซื้อไว้แต่ยังไม่ได้ใส่”
“เวลาเรียกป้ากระดากปากเหมือนกันนะคะ ดูสิ กางเกงยีนขาสั้นและเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว สวยเท่ดูดีกว่าโต๊ดอีกเนี่ย” ภัสสรา
มองดูที่เสื้อผ้าของตัวเอง
“เลือกเอาที่ใส่สบายๆ ออกจากบ้านไม่ต้องส่องกระจก ดูดีตรงไหน” อิงครัตน์หัวเราะและมองดูเสื้อผ้าของตัวเอง
“ทุกตรงเลยค่ะ” ภัสสรายิ้มมองสบตากับอิงครัตน์ที่ยิ้มให้เช่นกัน
“งานก็ได้แล้ว ไม่ต้องชมมากนักหรอก” อิงครัตน์หัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของภัสสราซึ่งดูน่ารักจนไม่อยากละสายตา
“สวัสดีครับ ป้าแจ๊บ” เสียงของชายหนุ่มที่คุ้นเคยทำให้อิงครัตน์เงยหน้าขึ้นมอง ภัสสราเองก็เช่นกัน
“อ้าว สวัสดี สกาย” ภัสสรามองดูชายหนุ่มที่ชื่อเมฆาหรือสกาย
“อ้าว โต๊ด” เมฆาเพิ่งเห็นว่าผู้หญิงที่คุยอยู่กับอิงครัตน์ คือ ภัสสรา
“หวัดดี มาทำอะไรแถวนี้” ภัสสราถาม
“มาทำธุระน่ะ” ภัสสราแปลกใจกับการพูดคุยที่เป็นทางการ
“สกายรู้จักโต๊ดด้วยหรือ” อิงครัตน์ถาม
“เป็นเพื่อนกันครับ” เมฆารีบบอกทันที
“อ้อ เออป้าไม่เจอยายจูนนานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” อิงครัตน์ถามถึงหลานสาว
“จูนบ่นๆ เหมือนกันครับว่าคิดถึงป้าแจ๊บ เอาไว้ผมบอกให้นะครับ” เมฆาพูดยิ้มๆ ภัสสราไม่ได้พูดอะไร เพราะการสนทนาไม่มี
อะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
“หลานสาวฉันแท้ๆ ต้องฝากความคิดถึงผ่านว่าที่หลานเขยไปแทน” อิงครัตน์หัวเราะเล็กๆ แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ยิ้มเจื่อนๆ
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ ป้าจะได้คุยงานต่อ เราไปก่อนนะ โต๊ด เอาไว้ว่างๆ เราโทรฯ หานะ” เมฆาพูดโดยไม่กล้า
สบตาภัสสรา
“มีอะไรหรือเปล่า รอยยิ้มสวยๆ หายไปเร็วมาก” อิงครัตน์ถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ” ภัสสรายิ้มให้อิงครัตน์ที่ขมวดคิ้วจ้องมอง
“ไหนๆ ก็เรียกป้าแล้ว ขอสอนอะไรสักหน่อย รอยยิ้มเป็นของเราอย่าเอาความขุ่นมัวหรือขุ่นใจที่คนอื่นสร้างให้มาทำให้เราต้อง
สูญเสียรอยยิ้มของเราไป ไม่ว่าเรื่องอะไรอยากให้ยิ้มสู้” อิงครัตน์ยิ้มสวยสดใสให้
“บ่นปุ๊บ เท้ากาเพิ่มขึ้นมาเส้นหนึ่งเลยนะคะ ป้ารู้หรือเปล่า” ภัสสราพูดขึ้น ยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่ทำหน้าดุและยังเอามือไปแตะ
เบาๆ ที่หางตา
“ถามจริงเห็นชัดขนาดนั้นเลย” อิงครัตน์ถามเสียงอ่อยๆ
“แหมกลัวแก่ หนูล้อเล่นน่า” ภัสสราหัวเราะ อิงครัตน์ดีใจที่ได้สร้างรอยยิ้มให้ โดยเฉพาะคำแทนตัวว่าหนูที่ฟังดูน่ารัก