ตอนที่ 14

2205 คำ
พัดชาแต่งตัวสบายๆ อยู่กับบ้าน ถึงแม้อายุอานามจะมากแล้วแต่ใช่ว่าคนเราต้องแต่งตัวแก่ไปตามวัย ซึ่งด้วยความที่ทำงานอยู่ต่างประเทศมาตลอดตั้งแต่สาวจนแก่ทำให้ไม่ได้สนใจนักกับเรื่องของคำนินทา เพราะตัวเธอก็ใช่ว่าจะแต่งตัวจนเกินงามให้ใครมาว่าได้ กางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิ้ตพับแขน คือ การแต่งตัวปกติของพัดชาที่อิงครัตน์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว “สวัสดีจ้ะ ไปเข้าไปในบ้าน” อิงครัตน์ยิ้มให้ภาวรรณ อิงครัตน์แนะนำสองสาวต่างวัยให้รู้จักกัน พัดชาพูดคุยทักทายต่างจากเมื่อวันก่อนที่พบกับภัสสรา หรือด้วยเพราะความเป็นเด็กของ ภาวรรณที่อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งต่างจากภัสสราที่ดูแข็งกร้าวไปบ้างสำหรับผู้ใหญ่ “ตองอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ” อิงครัตน์บอก “เหรอคะ แสดงว่าก็ต้องเป็นเด็กเรียนดี” พัดชายิ้มให้ภาวรรณ “ผลการเรียนก็ถือว่าดีค่ะ แต่จะสู้คนอื่นที่เขาขอทุนได้หรือเปล่าไม่แน่ใจสักเท่าไรนัก” ภาวรรณพูดคล้ายถ่อมตัว “ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี เราว่าจะช่วยดูทุนให้อยู่ คนนี้รู้จักคนเยอะอาจจะช่วยได้มากกว่าป้านะ” อิงครัตน์แทนตัวเองว่าป้าทำให้ พัดชานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “แกเนอะ ป้าแจ๊บของตองเนี่ย” พัดชาพูดแหย่อิงครัตน์ที่ยิ้มๆ ให้ ภาวรรณแปลกใจกับท่าทีของทั้งสองสาวถึงแม้จะสูงวัย แต่ลักษณะท่าทางแววตาและความสนิทสนมดูมากกว่าคนเป็นเพื่อน ซึ่งตัว เองรู้สึกอย่างนั้นและบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคิดอย่างไรกันแน่ แต่เรื่องของผู้ใหญ่หากไม่มีการบอกเล่าก็ไม่ควรจะไปคิดอะไรมากนัก “ไม่แก่หรอกค่ะ ยังสวยทั้งสองคนเลย นึกว่าอายุยังไม่ถึงหลักสี่” “ปากหวานนะ เราน่ะ ภาษาอังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง” พัดชาถามและเริ่มพูดคุยกับภาวรรณเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเด็กสาวตอบได้ อย่างฉะฉานและถูกต้อง อิงครัตน์จึงปล่อยให้พูดคุยกัน โดยไปจัดเตรียมขนมมาเพิ่มให้ภาวรรณตั้งใจมาดูภาพถ่ายที่เคยเป็นแบบให้อิง ครัตน์ แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนกำลังถูกสอบสัมภาษณ์แทน พัดชาพยักหน้าหลังจากพูดคุยด้วยอยู่พักใหญ่ ซึ่งภาวรรณถือว่า ภาษา อังกฤษอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว “ยิ้มแบบนี้ ตองภาษาแย่มากหรือคะ” ภาวรรณถามเสียงอ่อยๆ “ดีมากต่างหาก ดีกว่าเด็กที่เรียนอยู่เมืองนอกเสียอีก น่าสนับสนุน” พัดชาหันไปบอกกับอิงครัตน์ที่แปลกใจ เพราะปกติพัดชาไม่ค่อยสนิทสนมกับใคร โดยเฉพาะคนที่เพิ่งพูดคุยกัน “ตองโชคดีนะ ป้าหยิ่งๆ คิดจะสนับสนุน เราก็คิดเหมือนคุณเลย”สิ่งที่ได้ยินการเรียกแทนตัวของกันและกันทำให้ภาวรรณขมวดคิ้ว “ถ้าตองเรียกป้าจะเลิกสนับสนุน” พัดชาหัวเราะ “ค่ะ คุณพัด” ภาวรรณยิ้มๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของพัดชาที่ยังหันไปยักคิ้วให้อิงครัตน์เป็นการหยอกล้อ “มาเลยจ้ะ เลือกรูปดูอยากได้รูปไหนก็ก้อปปี้เอา เดี๋ยวป้าส่งให้ทางโทรศัพท์” อิงครัตน์บอก “ขอบพระคุณค่ะ” พัดชาลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ภาวรรณและยังช่วยเลือกรูปสวยๆ ด้วย อิงครัตน์ปล่อยให้สองสาวที่ท่าทางจะถูกคอกันดูภาพไป ส่วนตัว เองออกมาเดินดูต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ บ้าน “สวัสดีค่ะ ภรรยาน้อยรับสายอยู่ค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วๆ มา “ใช่เรื่องที่จะมาพูดเล่นไหม” อิงครัตน์พูดดุ “ก็ป้าเป็นคนพูดเอง” “หยุดไม่ได้มาชวนทะเลาะ เรื่องงานที่กระทรวงว่าไง” อิงครัตน์ถาม “ไม่ว่าไง ถ้าไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเอง ก็ปฏิเสธไปแล้วเรียบร้อย” “เลือกงานระวังเถอะจะไม่มีกิน” อิงครัตน์พูดคล้ายดุ “ป้าก็เลี้ยงสิ เดี๋ยวให้กุญแจห้อง” “ที่ถามเพราะว่าเป็นห่วง ยังจะมาพูดเล่นอยู่ได้” อิงครัตน์ถอนใจ “คุณเขาไม่อยู่หรือคะ” “ฉันรู้สึกผิดนะที่ต้องเป็นแบบนี้” คำพูดที่ได้ยินทำให้ภัสสรามีรอย ยิ้มจางลงทันที “ป้าจะกลับไปอยู่ต่างประเทศหรือเปล่า” “ไม่” “หนูไม่รู้ ไอ้คำว่ารักมันต้องรู้สึกแบบไหน แต่หนูมีความสุขมากนะ เวลาอยู่กับป้า อยากอยู่ใกล้ๆ นานๆ หนูนึกว่าความรู้สึกที่มีต่อ สกายก่อนหน้านี้ คือ ความรัก แต่พอนานวันเข้าถึงไม่มีเขาหนูก็อยู่ของหนูได้อย่างมีความสุข แต่ตั้งแต่วันที่เห็นป้ากับคุณเขาอยู่ใกล้ชิดกัน หนูถึงได้รู้จริงๆ ว่าคำถามที่หนูถามตัวเองมาหลายต่อหลายวัน ตั้งแต่ได้รู้จักกับป้าและความ สุขที่ได้รับไม่ใช่แบบเด็กกับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวันก่อนที่ห้องลองเสื้อยิ่งทำให้ความรู้สึกที่หนูมีชัดเจนขึ้น ป้าบอกสักวันหนูจะเจอคนดี แต่หนูว่า หนูเจอแล้วนะ เพียงแค่อาจไม่มีโอกาสที่จะมีคนดีอยู่ด้วยเนอะ” ภัสสราพยายามลงท้ายไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายมากกว่าที่เป็นอยู่ “หรือฉันควรกลับไปกับเขา” อิงครัตน์รำพึงออกมาเบาๆ แต่ยังไม่รู้หรือพูดคุยรายละเอียดอะไรกับพัดชามากนัก “ยังรักเขาอยู่ใช่ไหมล่ะ” ภัสสราถาม “คิดว่านะ” “งั้นแบ่งให้หนูนิดหนึ่งเนอะ” “ไม่ใช่ขนมนะ เธอ” อิงครัตน์พูดต่อว่า “ก็อยากให้สบายใจ” “ความสบายใจของฉัน คือ ความสบายใจของเธอ” อิงครัตน์ยิ้ม “โคตรน่ารักเลย ป้าน่ะ หนูสบายดี ดีใจที่ป้ายังโทรฯ มา เพราะว่าเป็นห่วง สุดท้ายแล้วเราจะรู้ใช่ไหมว่าเราต้องทำอย่างไรต่อ แต่หนู จะรักป้าไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เรายังเจอกันได้ใช่ไหม ถ้าคุณเขารู้เข้า” “เขาอาจจะรู้ก็ได้” “เราสองคนยังไม่รู้เลย คนอื่นจะรู้ได้ยังไง คิดถึงนะ แต่วางสายดี กว่าเดี๋ยวต้องไปตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ ถ้าอยากให้เป็นภรรยา น้อยก็ยังได้อยู่นะ แต่ต้องจ่ายเงินเดือนแพงหน่อย” เสียงหัวเราะคิกคักทำให้คนที่ได้ยินมีรอยยิ้มและภาวนาขอให้ปลายสายมีรอยยิ้มสดใสเช่นกัน “ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเสียเลย” “ทุกข์ไปก็ทำอะไรไม่ได้ ป้าก็อย่าทุกข์ล่ะ อายเด็กนา” ภัสสรายิ้มๆ ก่อนจะวางสายไป “ดูมันอุตส่าห์เป็นห่วง” อิงครัตน์ยิ้มก่อนจะส่ายหน้าคิดว่าจะเศร้า เสียใจที่ไหนได้เหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แต่การได้ใกล้ชิดนั่น ต่างหากที่ทำให้รู้สึกผิดกับผู้หญิงอีกคน อิงค์รัตน์ถอนใจ เมื่อเห็นคนที่มายืนอยู่หน้าบ้าน ถึงแม้จะมาด้วยรอยยิ้มสดใส แต่เชื่อว่าอีกสักครู่รอยยิ้มนั้นจะหายไปทันที หลังจากได้รู้ว่า พัดชาอยู่ในบ้าน “แม่ให้เอาผลไม้กับขนมมาให้ค่ะ ป้าแจ๊บ” จารวีบอก อิงครัตน์มองไปไม่เห็นเมฆาทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะรายนั้นตามใจและคล้อยตามทุกเรื่องที่จารวีพูด “ขอบใจจ้ะ เข้ามาสิ” อิงครัตน์บอกและเดินนำเข้าบ้านไปก่อนซึ่งอีกสองสาวยังคงนั่งดูรูปภาพกันอยู่ สีหน้าของจารวีเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นพัดชาซึ่งไม่คิดว่าจะได้พบเจอกันอีก หลังจากอิงครัตน์กลับมาอยู่เมืองไทยโดยไร้เงาคนรักจนจารวีเกือบลืมพัดชาไปแล้ว “สวัสดีค่ะ” จารวีพนมมือไหว้ ส่วนภาวรรณไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คิดว่าน่าจะอายุมากกว่าจึงพนมมือไหว้ก่อน จารวีทำเป็นไม่เห็น เพราะ ดูท่าทางจะสนิทสนมกับพัดชาเลยไม่อยากจะรู้จักหรือคบค้าสมาคมด้วย “มารยาทยังเหมือนเดิมเลยนะ” พัดชาพูดขึ้นลอยๆ “คุณก็นะ” อิงครัตน์พูดคล้ายดุ เพราะสองสาวเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่จารวีไปพักอยู่ด้วยระหว่างที่ตัวเธอทำงานอยู่ต่างประเทศและอยู่กับพัดชาในฐานะคนรัก “เราไปนอกบ้านกันดีกว่า ตองไม่ได้ไปไหนต่อใช่ไหม” พัดชาถามภาวรรณที่ยิ้มให้ “ได้ค่ะ แต่ต้องกลับหอก่อนค่ำนะคะ” “เลี้ยงเด็ก” จารวีรำพึงออกมา อิงครัตน์จ้องมองด้วยแววตาดุๆ “ก็ดีกว่าเลี้ยงผู้ชายนะคะ หนู” พัดชาบอกและเดินไปหยิบกระเป๋าเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับภาวรรณที่คิ้วขมวดงงๆ กับการพูดกระทบกันไปมา “หยิบกุญแจรถที่โต๊ะไปด้วยตอง” อิงครัตน์บอก “แฟนใหม่คุณเขาหรือคะ” จารวีถาม “จะพูดจะจาอะไรก็ระวังหน่อย ใช่เรื่องไหมที่ถาม” อิงครัตน์พูดดุ “ไม่ถามจะรู้หรือคะ ป้าแจ๊บ” “นั่นน่ะ นางแบบของป้าและเข้ามาขอดูรูป เราก็คิดไปถึงไหนต่อไหนได้นะ ยายจูน เรื่องดีๆ คิดไม่เป็นหรืออย่างไรกัน” จารวีหน้างอ กับคำพูดที่ได้ยินถึงแม้จะไม่ได้พูดดุตรงๆ ก็ตาม “ระวังเถอะค่ะ จะคว้าสาวไทยไปอยู่ที่โน่นด้วย แล้วอย่ามาขอให้จูนปลอบนะคะ” จารวียักไหล่เล็กน้อย “ทุกคนมีสิทธิ์เลือก คิด และตัดสินใจกับความสุขที่ควรมีควรได้” “ป้าแจ๊บดีเกินไปค่ะ ถึงได้ไม่เหมาะกับคุณพัด จูนบอกตั้งนานแล้วก็ไม่เชื่อ” จารวีพูดต่อว่า เพราะเคยพูดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับ พัดชา “มันความสุขของฉัน ทำไมฉันต้องเชื่อเธอด้วยล่ะ ไอ้เรื่องของตัวเองเอาให้รอดเถ๊อะ” อิงครัตน์ยิ้มจางๆ มองดูหลานสาวที่จ้องเขม็งแบบไม่เกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่ “ว่าแต่ยายพัดชามาทำอะไร เผื่อแม่ถามจูนจะได้ตอบได้” “ถ้าแม่เราอยากรู้อะไรให้มาถามเอง แล้วกรุณาจำเอาไว้ด้วยนะว่า ฉันน่ะเป็นป้าเธอยายจูน อย่ามาพูดซักฟอกเหมือนฉันทำอะไรผิด ถึงคุณพัดจะกลับมาหรือไม่หรือไปยุ่งกับเด็กคนไหนที่อยากหิ้วกลับไปด้วย เธอก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปยุ่งวุ่นวายกับเขา ไอ้สิ่งที่ควรทำคือการปฏิบัติตัวให้มีมารยาทกับผู้ใหญ่ยังทำไม่ได้ คิดหรือว่าเรื่องอื่นเธอจะทำได้น่ะ” อิงครัตน์ไม่ค่อยได้พูดต่อว่าอะไรหลานสาวนัก แต่ครั้งนี้อดไม่ไหวเพราะความไม่มีมารยาทเที่ยวว่าคนโน้นคนนี้ ไม่เว้นแม้แต่กับภาวรรณที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก “ผู้ใหญ่บางคนก็ไม่ได้น่าเคารพนักนะคะ” จารวีบอก “ฉันไม่ได้หมายถึงการเคารพ แต่หมายถึงมารยาทที่พึงมี” “ไปดีกว่าขี้เกียจจะเถียงด้วย จูนรู้ว่าป้าหลงยายพัดชาหัวปักหัวปำ ไม่สนใจใครอยู่แล้ว” จารวียังคงพูดจาแบบไม่สนใจใคร แม้แต่ กับคนเป็นป้าของตัวเอง “ตัวเธอเอง ก็หัวปักหัวปำเหมือนกันนั่นแหละ” อิงครัตน์ส่ายหน้า มองตามหลานสาวที่เดินปึงปังออกจากบ้านไป เมฆามารออยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของภัสสรา จนกระทั่งเห็นคนรักเปิดประตูเข้ามาภายในถึงจะมองเห็นเขานั่งอยู่ แต่ทำเป็นไม่สนใจที่จะทักทาย เมฆาจึงเดินตามเข้าลิฟต์ไป “เรามาขอโทษที่พูดจาไม่ดีไปวันก่อน” เมฆาพูดขึ้น “ไม่มีอะไรที่ไม่ดี อันที่จริงต้องบอกว่าดีกับโต๊ดมากๆ” ภัสสราบอก “ฟังก่อนโต๊ด เราไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเขาเลยนะ แต่ไม่อยากให้เขาโวยวายและพูดไม่ดีกับโต๊ด เพราะจูนขี้โวยวายและชอบหา เรื่องคนอื่น” เมฆาอธิบาย แต่เมื่อลิฟต์เปิดออกจึงรีบเดินตามภัสสราออกมา “จะบอกว่าที่ทำ คือ ปกป้องโต๊ดว่างั้น” ภัสสราถอนใจ “ใช่ ก็โต๊ดเป็นแฟนเรานี่” เมฆาบอก “ถ้าจริงอย่างที่พูด นัดยายจูนอะไรนั่นมาเจอกัน แล้วบอกต่อหน้าเขาเลยว่าโต๊ดเป็นแฟนของสกาย ถ้าทำได้ค่อยมาพูดเอาดีเข้าตัว แบบนี้” “เอาดีเข้าตัวตรงไหน เราเป็นห่วงโต๊ดต่างหาก” “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย หายหน้ามืดตามัวเลยตั้งแต่เจอสกายกับผู้หญิงคนนั้น ไม่สิต้องเรียกว่าตาสว่างมากกว่า แล้วอีกอย่างนะ ฟังให้ชัดๆ โต๊ดไม่ได้เป็นแฟนสกายอีกต่อไป กรุณาเข้าใจเอาไว้ด้วย อ้อไปเกาะยายจูนอะไรนั่นไว้ให้ดีล่ะ เพราะป้าแจ๊บรู้เรื่องหมดแล้ว ยายคนนั้นคงมีผลประโยชน์ให้กับสกายมากกว่าโต๊ด จบนะ” ภัสสราถอนใจ ขณะเปิดประตูเข้าห้องแล้วรีบปิดทันที เพราะเกรงว่าเมฆาจะ ตามเข้ามาภายใน “โธ่เอ๊ยทำเป็นหยิ่ง เพราะยังไม่ได้ตัวไง ฉันถึงไม่อยากไปปล่อย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม