“ว้าว น่ากินมาก” กวินธิดากับภาคภูมิตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่พริมาทำมา แล้วยังมีผลไม้ที่คว้านเม็ดออก ผลไม้ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ถูกจัดวางอย่างสวยงามชวนรับประทาน
“มีของมดกับแคนดี้ด้วยนะ” พริมาไม่ลืมอาหารสำหรับเพื่อนในแบบเดียวกับที่ทำมาเพื่ออคิราห์
“Love มากค่ะ” เพื่อนทั้งสองยิ้มกว้างที่มีลาภปาก
“มดให้พี่ต่อเอาไปให้พี่ปลาวาฬชิมหน่อยนะ”
“ทำไมพริกไม่เอาไปให้เองละ” กวินธิดาแปลกใจที่พริมาไม่นำอาหารที่อุตส่าห์ตั้งใจทำไปให้อคิราห์ด้วยตัวเอง
“ให้ผ่านพี่ชายมด แล้วพี่ปลาวาฬจะรู้ได้ยังไงว่าพริกตั้งใจทำให้พี่เขา เผลอๆ พี่ต่อเข้าใจผิดว่าพริกชอบอีก” ภาคภูมิกลัวจะผิดฝาผิดตัว และอาจจะทำให้ต้องเข้าใจผิดกัน
“พี่ต่อรู้แล้วว่าพริกชอบพี่ปลาวาฬ”
“ทำไมรู้ล่ะ” พริมาแปลกใจที่พี่ชายของเพื่อนรู้เรื่องนี้
“ก็ตอนขอไอจีพี่ปลาวาฬไง พี่ต่อถาม มดก็ต้องบอก ไม่งั้นก็อด แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่บอก พี่ต่อก็หาว่ามดชอบพี่ปลาวาฬ”
“ไม่ได้จะให้เพื่อนแตกกันนะ แต่อยากเปิดใจ” ภาคภูมิอยากถามเพื่อนอย่างเปิดใจคุยกัน
“ยังไง” สองสาวถามพร้อมกัน
“แบบพี่ปลาวาฬเนี่ย สเปคมดไหม”
“ไม่เลย ถ้าชอบคงชอบไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว” กวินธิดาตอบโดยไม่มีความลังเล และไม่เคยคิดเป็นอื่นเลยนอกจากเป็นเพื่อนพี่ชาย
“แล้วคุณกวินธิดาชอบแบบไหนเหรอ” ภาคภูมิจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกวินธิดาด้วยความอยากรู้เป็นที่สุด
“ชอบ...ถ้าเจอคนที่ชอบแล้วจะบอก” กวินธิดาไม่หลบสายตา จ้องภาคภูมิกลับ จากใบหน้าที่จริงจัง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มสนุกที่ได้แกล้งอีกฝ่าย ก่อนจะถอยออกมา
“แล้วจะพูดให้ลุ้นทำไมเนี่ย”
“ก็แคนดี้ทำหน้าแบบนี้ มดก็เลยอยากแกล้ง”
“หน้าเผือกใช่ไหม”
“ใช่ก็ใช่”
“แล้วแคนดี้ล่ะ ชอบผู้ชายแบบไหน”
“ชอบผู้ชายหล่อทุกคน”
“แคนดี้เว้นพี่ปลาวาฬของพริกด้วยนะ”
“ผู้ชายเพื่อนไม่อยู่ในสายตาแคนดี้คนนี้อยู่แล้ว พี่ชายเพื่อนด้วย”
“พี่ต่อหล่อนะ”
“หล่อน่ะยอมรับ แต่ก็เป็นข้อยกเว้น อนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ไม่อยากผิดใจกับเพื่อน”
“แสดงว่าเคยมีแผล”
“ก็เคยน่ะสิ แต่ไม่ใช่เรื่องของแคนโดยตรงนะ เพราะแคนดี้ไม่เคยผ่านมือชายใด”
“งั้นยิ่งอยู่ด้วยกันได้ เพราะพริกกับมดก็ยังโสด”
“แหมๆ แล้วที่ทำอาหารมานี่คืออะไรจ๊ะ”
“ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนนี่ แล้วมดบอกพี่ต่อด้วยนะว่าไม่ต้องบอกพี่ปลาวาฬว่าพริกเป็นคนทำมาให้ บอกว่าซื้อมาก็ได้”
“Why?” เพื่อนทั้งสองไม่เข้าใจการกระทำของพริมา
“พริกกลัวพี่ปลาวาฬไม่กิน พริกอยากให้พี่ปลาวาฬจดจำรสชาติอาหารที่พริกเป็นคนทำ” พริมายังไม่อยากให้ดูเป็นการจงใจเกินไป อยากดูท่าทีของอีกฝ่ายด้วย
“ทำไมคิดเยอะ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยาก ถ้าชอบก็บอกไปตามตรงเลยไม่ดีกว่าเหรอ” ภาคภูมิไม่เข้าใจว่าทำไมพริมาต้องทำอะไรให้ซับซ้อน
“ไหนพริกบอกมีเวลาจีบพี่ปลาวาฬแค่เทอมนี้เท่านั้นไง ทำไมไม่รีบทำคะแนน” ยิ่งฟัง กวินธิดาก็ยิ่งไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนทำ
“พริกไม่อยากจู่โจม เปิดเผยไปมันก็ดูไม่มีอะไรให้น่าค้นหาสิ ค่อยๆ ทำให้เขาอยากจดจำเราดีกว่า”
“อยากเอารสชาติอาหารมัดใจพี่ปลาวาฬว่างั้น”
“แสนรู้นะเนี่ย” พริมาหยอกเย้าด้วยการยื่นมือไปเกาคางภาคภูมิ
“แน่นอน บรู๊ว~~ แสนรู้เขาไว้ใช้กับหมา” แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่พริมากับกวินธิดาก็สนิทสนมกับภาคภูมิอย่างรวดเร็ว ร่าเริงคลื่นเคลงเป็นตัวของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่ากำลังกลายเป็นจุดเด่น
“โอเค งั้นมดเอาไปให้พี่ต่อก่อน แคนดี้อย่าเพิ่งกินนะ รอให้มดกลับมาก่อน” ภาคภูมิมองอาหารตรงหน้าตาเป็นมัน กวินธิดาดักคอไว้อย่างรู้ทัน
“ขอชิมชิ้นหนึ่ง” ภาคภูมิยื่นมือหมายจะหยิบแซนด์วิชหมั่นโถวไส้ปลาไหลย่างซีอิ้ว แต่ก็ถูกกวินธิดาตีมือ
เพียะ!
“ไม่ได้ เก็บเลย รอมดกลับมาค่อยกิน พริกดูไว้นะ ถ้าให้แคนดี้กินก่อน คราวหน้ามดจะไม่ช่วยพริกแล้วด้วย” ปากว่า มือก็จัดการปิดกล่องอาหาร
“พริกจะจับมัดมือแคนดี้ไว้เลย” พริมารวบมือของภาคภูมิไว้ ให้กวินธิดามั่นใจได้เลยว่ากลับมาอาหารจะยังอยู่เหมือนเดิม
“เบื่อชะนี” ภาคภูมิทำหน้าเซ็งอย่างมีจริต
“แคนดี้จะเบื่อพริกกับมดไม่ได้นะ”
“คำหนึ่ง มดไม่รู้หรอก” ภาคภูมิอ้อนวอนตาปริบๆ
“มดนับไว้แล้ว”
“กะเทยเซ็ง”
กวินธิดาโทรศัพท์ให้พี่ชายออกมารับอาหารที่ใต้อาคารเรียน และบอกตามที่พริมาบอกมาทุกคำ
“ตัวเองเป็นแม่สื่อไม่พอ ยังจะให้พี่เป็นพ่อสื่ออีก”
“ก็พริกเป็นเพื่อนมด พี่ต่อก็ช่วยหน่อย พริกชอบพี่ปลาวาฬจริงๆ นะ อุตส่าห์ตื่นมาทำตั้งแต่เช้า”
“เออๆ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าปลาวาฬมันไม่ชอบใครง่ายๆ หรอก”
“พริกออกจะสวย หรือเพื่อนพี่ต่อเป็นเกย์”
“ไม่ได้เป็น แต่ปลาวาฬมันเป็นพวกเพอร์เฟคแมน ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ ผิดพลาดไม่ได้”
“ก็เลยไม่สนใจผู้หญิง ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย”
“มันมุ่งแต่เรื่องเรียนกับเรื่องงาน เลยไม่อยากวอกแวกเรื่องอื่น เทอมหน้าก็จะไปฝึกงานอังกฤษ แล้วก็เรียนต่อโทที่นั่นเลย พี่กับเซฟก็ยังลังเลอยู่ว่าจะไปกับมันดีไหม”
“อะไรอ่า ไม่เห็นบอกมดเลย”
“ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
“งอนแล้ว ทิ้งน้อง” กวินธิดาสะบัดหน้าพรืดอย่างแสนงอน แล้วเดินจากไป
“ยัยบ้อง” กวินภพส่ายหน้าน้อยๆ แม้จะทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง แต่เขากับน้องสาวก็สนิทกันมาก หากต้องไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษจริงๆ กวินธิดาย่อมรู้สึกว้าเหว่ เพราะมีกันสองคนพี่น้อง พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ด้วยทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ก็ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย
กวินภพนำอาหารมาให้เพื่อนทั้งสองได้ลองชิม โดยอ้างว่าน้องสาวซื้อมาฝาก
“มดซื้อมาจากร้านไหนวะ อร่อยว่ะ” ไตรทศรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
“กูก็ลืมถามว่ะ เป็นไงมึง อร่อยไหมวะ” กวินภพไม่ลืมทำหน้าที่พ่อสื่อ
“ก็ดี” ความรู้สึกของอคิราห์หลังจากรับประทานแซนด์วิชหมั่นโถวไส้ปลาไหลย่างซีอิ้ว
“ต่อมรับรสมึงมีปัญหาเหรอวะ กูว่าโคตรอร่อยเลย แล้วเข้าใจทำด้วย ผลไม้ก็น่ากินทุกอย่าง ที่สำคัญคือกินได้เลย” ไตรทศใช้ส้อมไม้ไผ่จิ้มผลไม้ส่งเข้าปาก พอได้ลิ้มรสก็ทำหน้าสดชื่นมีชีวิตชีวา
“เวลาที่ใช้หมักซอสกับปลาไหลน้อยเกินไป ถ้าหมักนานกว่านี้ รสชาติก็คงจะดีกว่านี้”
“ตกลงมึงจะเป็นผู้บริหารโรงแรมหรือจะเป็นหัวหน้าเชฟ”
“ถ้ากูต้องเพิ่มเมนูอาหารให้กับห้องอาหารของโรงแรมสักเมนู กูก็ต้องเลือกเมนูที่ทำออกมาได้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอวะ”
“ก็ถูกของมันนะมึง” กวินภพเห็นด้วยกับทุกอย่างที่อคิราห์พูด
“เออๆ ไม่เถียง เพราะความใส่ใจรายละเอียดแบบนี้ไงโรงแรมในเครือ Leilalynn Hotels Group ถึงได้ติดอันดับสองร้อยโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกถึงสี่แห่ง ข้าน้อยขอคาราวะ แต่ตอนนี้ข้าน้อยขอฟาดแซนด์วิชหมั่นโถวตรงหน้าให้เรียบก่อน” ไตรทศหยิบแซนด์วิชหมั่นโถวไส้ปลาไหลย่างซีอิ้วส่งเข้าปากไปอีกชิ้น รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่อคิราห์พิจารณาหน้าตาของอาหารในมือ
“มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะ”
“เมื่อคืนใช้แรงไปเยอะ จะว่าไปยังปวดเอวอยู่เลย” ไตรทศยืดตัวแล้วบิดเอวไปมา
“มึงนี่มันสำส่อนจริงๆ”
“กูไม่ได้มั่วนะเว้ย ก็แค่ทั่วถึง ใครจะเหมือนไอ้ปลาวาฬ ป่านนี้เฉามือไปแล้วมั้ง”
“พูดมากนักนะมึง กินเข้าไปเลย” อคิราห์อุดปากไตรทศด้วยแซนด์วิชหมั่นโถวไส้ปลาไหลย่างซีอิ้วในมือ
“ไอ้ปลาวาฬ ถ้ากูติดคอตายจะทำยังไง”
“วัดไง”
“ไอ้เลว”
“แต่กูว่ามึงเลวกว่ามันเยอะ”
“เออ เข้าข้างกันจริงๆ นะมึง ว่าแต่คืนนี้จะไปไหม ”
“ไม่” อคิราห์กับกวินภพตอบโดยไม่ต้องคิด
“ไม่คิดจะอุดหนุนเพื่อนบ้างหรือไง” ไตรทศเปิดร้านแฮงค์เอ้าท์ สไตล์ pub and restaurant ให้เพื่อนๆ หรือคนทำงานได้มาพักผ่อนสังสรรค์ยามค่ำคืน
“มึงจะให้กูสองคนอุดหนุนมึงทุกคืนไม่ได้ พอดีได้เป็นไอ้ขี้เมา อีกอย่างกูก็ไม่อยากให้มดอยู่บ้านคนเดียว”
“เป็นห่วงน้องขนาดนี้ แล้วเรื่องไปอังกฤษล่ะวะ”
“ถ้าตัดสินใจว่าไป กูคงให้มดย้ายไปอยู่คอนโดฯ อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าอยู่บ้านคนเดียว”
“คอนโดฯ เดียวกับไอ้ปลาวาฬไง ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม”
“กูขอคุยกับมดก่อนแล้วกัน”
“มึงมีน้องต้องดูแล ไอ้เซฟก็มีร้าน กูเข้าใจ” อคิราห์เข้าใจภาระหน้าที่ของเพื่อน ไม่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบ ยังพอมีเวลาให้คิดทบทวน และตัดสินใจ