“ไม่ต้องตกใจไปหรอก เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าตัวไม่รู้สึกยังไงๆกับเขาเลยน่ะสิ ต้องถือว่าผิดปกติผู้หญิง บอกตามตรงนะ เราเองยังนึกชอบเขาเลย ผู้ชายอะไรไม่รู้เสน่ห์เต็มพิกัดจริงๆ”
วรานิชพยายามจะพูดติดตลกทั้งที่ใจหนักอึ้ง
“แต่ว่าเรา...”
ขีโรชาอึกอัก จะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับชายหนุ่ม ก็พูดได้ไม่เต็มปาก และยังถือเป็นการโกหก แล้วเธอก็ไม่อยากพูดไม่จริงกับเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีอยู่
“เอาเถอะ ไม่ต้องพูดก็ได้ แต่เราอยากให้ตัวช่วยจำคำของเราไว้หน่อย จะรักเขาก็ได้ แต่อย่าให้ความรักที่มีต่อเขามามีอิทธิพลเหนือ...ทุกอย่าง”
“ตัวกลัวว่าเราจะ...ปล่อยตัวปล่อยใจกับเขาง่ายๆ หรือไง”
ขีโรชาชักฉุน เมื่อพอจะเข้าใจในความห่วงใยของเพื่อน
“ใจ ตัวปล่อยไปแล้วนี่ แล้วก็อย่าเพิ่งโกรธ เราขอพูดซ้ำคำเดิม ถึงตัวจะอายุสิบแปดแล้ว เท่าเราก็จริง แต่เรื่องผู้ชาย ตัวไม่ประสานักหรอก พูดได้ว่าไม่ประสาเอาเลยจะถูกต้องกว่า”
“ตัวประสานักล่ะสิ”
“ยังไงก็พอมีประสบการณ์เรื่องคารมผู้ชายมาบ้างหรอกน่า”
“เราก็แค่จะไปเที่ยวกับเขาเท่านั้นเอง แต่ตัวก็พูดราวกับเป็นเรื่องใหญ่”
“เพราะนี่เรื่องใหญ่จริงๆ อย่างน้อยก็ใหญ่สำหรับตัว และสำหรับคุณพ่อของตัวด้วย เราก็ว่าจะยังไม่พูด แต่เห็นจะต้องพูด คุณพ่อของตัวคงไม่พอใจแน่ๆ อาจจะโกรธมากด้วย ถ้ารู้ว่าการมาตากอากาศกับครอบครัวเราครั้งนี้ ตัวมาเจอผู้ชายถูกใจถึงกับถลำใจรักชอบเขาเข้า ยังไงก็ไม่รู้นะ แต่เรามีความรู้สึกว่า คุณพ่อของตัวพยายามจะเลี้ยงตัวให้เป็นเด็กตลอดไป ไม่ยอมรับว่าตัวเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นสาวแล้วว่างั้นเถอะ เราก็ไม่รู้เกี่ยวกับคุณพ่อของตัวมากนัก แต่เท่าที่เคยได้ยินคุณพ่อคุณแม่ของเราคุยกัน รู้สึกว่าคุณพ่อตัวจะเคยอกหักมาก่อน ถึงได้อยู่เป็นโสดมาจนทุกวันนี้”
ขีโรชาอึ้งไป ยอมรับว่าที่วรานิชพูดขึ้นมาไม่ผิดจากความเป็นจริง
ดำรงศักดิ์ออกจะหัวเก่า ทุกครั้งที่พบเห็นเด็กวัยรุ่นประพฤติปฏิบัติตัว รวมไปถึงการแต่งเนื้อแต่งตัว เขาจะขุ่นคิ้ว ตามมาด้วยคำพูดตำหนิติฉินทันที จากนั้นก็จะหันมาอบรมเธอ ไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างเด็กสาวๆ รุ่นราวคราวเดียวกันเหล่านั้น
เธอไม่เคยมีเสื้อสายเดี่ยว อย่างที่วัยรุ่นนิยม เว้นแต่เสื้อซับไน
ไม่มีกางเกงขาสั้นอย่างแฟชั่นนิยมของวัยรุ่น อย่างสั้นอย่างสั้นที่สุดที่มีอยู่ คือคลุมเข่า
เสื้อทุกตัวคอไหล่ปกปิดมิดชิด ถ้าคอกว้างหน่อยตามแบบ ก็ต้องเป็นชนิดคอตื้น
ส่วนใหญ่เครื่องแต่งกายของเธอเป็นเสื้อกระโปรง
ดำรงศักดิ์ไม่เคยเหนียวเรื่องค่าเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสำหรับบุตรบุญธรรม
เขาเลี้ยงดูขีโรชาอย่างเป็นพ่อจริงๆ
จะว่าไป พ่อแม้แท้ๆ ก็คงให้การเลี้ยงดูได้ไม่ดีเท่า
ดำรงศักดิ์มีความเอ็นดู ระคนความเมตตาที่คงมีความเวทนาปนอยู่ ต่อลูกสาวบุญธรรมที่เขารับมาไว้ในปกครองตั้งแต่อายุเพียงห้าขวบอย่างแท้จริง
เขาอาจจะดูเป็นคนเย็นชา ไม่เล่นหัวด้วย อย่างพ่อแม่บางคน แต่เขาก็อ่อนโยนเป็นพิเศษต่อเด็กหญิง
ดำรงศักดิ์อาจจะมอบหน้าที่ดูแลบุตรสาวบุญธรรมอย่างใกล้ชิดแก่นางฝ้าย แม่บ้านของเขา ที่อยู่รับใช้เขามานาน แต่เรื่องใหญ่ๆ ที่จะช่วยพัฒนาสติปัญญา รวมไปถึงการเจริญเติบโตของเด็กหญิงให้ดำเนินไปด้วยดี เขาจะเอาใจใส่เป็นพิเศษ
เขาไม่เคยพูด สักวัน เมื่อไม่มีเขาแล้ว ทรัพย์สมบัติของเขาจะตกเป็นของขีโรชา
แต่หลังจากเด็กหญิงเริ่มรุ่น เขาจะหาโอกาสให้ได้รับรู้เกี่ยวกับงานที่เขาทำ รวมถึงที่มาของรายได้ต่างๆ
ทว่าก็ไม่มีครั้งไหน ที่ทำให้ขีโรชาซาบซึ้งในความเอาใจใส่ ความเอื้ออาทรที่บิดาบุญธรรมมีให้เท่าเมื่อครั้งที่เธอไม่สบาย เรียกได้ว่าป่วยหนัก ต้องหยุดเรียนเป็นเดือน เพื่อพักรักษาตัวก่อนจะหายเป็นปกติ
ครั้งนั้น ดำรงศักดิ์ทิ้งงาน ทิ้งทุกอย่าง เพื่อเฝ้าดูแลเด็กหญิงวัยสิบสองขวบอย่างใกล้ชิด แทบจะไม่ยอมห่างเตียงไปไหน
เขาจับมือเล็กบางไว้ ตามองหน้าเรียวเล็กซูบซีด ถึงจะไม่มีคำพูดใดๆ แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาทร และหวังว่าเด็กหญิงจะไม่ด่วนจากเขาไป
ขณะขีโรชากระสับกระกระส่ายด้วยพิษไข้ สติลอยๆ กึ่งรู้ตัวกึ่งไม่รู้ตัว จะมีเสียงห้าวๆ คอยกระซิบเรียก
“ขิม...ยายหนู...พ่ออยู่นี่”
ขีโรชารู้ว่าเธอรอดมาได้เพราะยาของหมอ แต่ที่เหนือกว่ายา คือสายใยความผูกพันที่บิดาบุญธรรมมีต่อเธอ
ดำรงศักดิ์ไม่ใช่คนช่างพูด พอๆกับความเงียบขรึมจนดูเป็นดุ แต่ขีโรชาก็รับรู้ได้ว่า ภายใต้ความขรึมเฉยเมย ค่อนข้างเย็นชา ที่บางครั้งก็มีเงาหม่นเศร้าระคนขมขื่นพาดผ่านให้เธอได้เห็น มีความมีน้ำใจอันดีซ่อนอยู่
ในสายตาคนทั่วไป อาจมองว่าเขายโส ทะนงตนว่าเกิดในสกุลดี มีฐานะมั่งคั่ง ร่ำรวยมาแต่รุ่นพ่อ รุ่นปู่ย่าตายาย ทำให้เขามองกรายหัวคนอื่นที่ด้อยกว่า อย่างไม่แยแส ซึ่งเขาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่ขณะเดียวกัน ดำรงศักดิ์ก็อยู่เบื้องหลังรายการบริจาคเพื่อการกุศลปีละหลายครั้ง เป็นเงินจำนวนมาก ภายใต้ชื่อผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
อาจจะมากกว่านักธุรกิจใหญ่ชาวกรุง รวมไปถึงนักการเมืองที่ชอบโกงกินบ้านเมืองบางคนด้วยซ้ำ แล้วคนเหล่านั้น ก็ไม่มีเสียละ ที่จะยอมเสียโดยไม่ได้อะไรตอบแทน อย่างน้อย ก็ได้ประกาศชื่อให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ในความใจบุญของตัวเอง
แต่ดำรงศักดิ์ให้ โดยไม่คิดจะป่าวประกาศ และไม่เคยนำใบเสร็จที่ได้รับจากรายการบริจาคเพื่อการกุศลต่างๆเหล่านั้น ไปลดหย่อนภาษี
สิบสามปี ที่เธอได้อยู่ใกล้ชิด ทำให้รู้จักชายสูงวัย ที่คนจำนวนหนึ่งไม่ชอบหน้าเขา ดีกว่าคนอื่นๆ
รู้ว่าเขาอาจประสบความสำเร็จในด้านการงาน แต่ในเรื่องส่วนตัวดำรงศักดิ์ล้มเหลวโดยที่ไม่สามารถหวนกลับไปแก้ไขใดๆได้
เขาอาจจะมีครบทุกอย่าง ถ้าพูดกันในด้านชื่อเสียงเงินทอง แต่ลึกลงไปดูเขาจะไม่มีความสุขเท่าที่ควร และเธอก็ได้รู้โดยบังเอิญ ถึงสาเหตุที่มาของความเศร้า ความขมขื่นที่มีความกรุ่นโกรธปนอยู่
จะว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของดำรงศักดิ์ก็ได้ ซึ่งกว่าจะรู้อะไรเป็นอะไรทุกอย่างก็สายไปเสียแล้วสำหรับการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนเขาจะไม่มีแม้แต่โอกาสแก้ตัวเสียด้วยซ้ำ