“เขา...พ่อบุญธรรมของขิมเขาดูแลขิมดีอยู่หรือ”
“ท่านก็ดีนี่คะ”
ตอบทั้งยังประหลาดใจ และไม่แน่ใจนักว่ามีวัตถุประสงค์ใดที่ถามเช่นนี้
“ถึงท่านจะไม่มาคลุกคลีด้วยมากนัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ป้าฝ้าย...ป้าฝ้ายแม่บ้านเก่าแก่ของท่านน่ะค่ะ เป็นคนดูแลขิมอย่างใกล้ชิด แต่ท่านก็ไม่เคยใจร้าย หรือทำท่าว่าจะไม่เมตตาขิมอีกต่อไปสักที เท่าที่จำได้ท่านก็ดูเอ็นดูขิมสม่ำเสมอ ทำไมคะ คุณสงสัยอะไรหรือ”
“เปล่า ผมเพียงแต่...”
เธอเห็นเขาทำท่าอึดอัด แต่ก็พูดออกมาในที่สุด
“บอกแล้วไงผมเคยรู้จักพ่อบุญธรรมของขิมมาก่อน ถึงว่าจะนานมาแล้ว สิบกว่าปี แต่ก็ไม่คิดว่าคุณดำรงศักดิ์จะเปลี่ยนไปมากนัก ก็เลยแปลกใจเมื่อรู้ว่าคนอย่างนั้นอุตส่าห์มีน้ำใจ มีเมตตากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงกับนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมให้ใช้นามสกุล”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณเห็นท่านเป็นคนยังไง”
ขีโรชาพูดอย่างโกรธๆ สายตาที่มองเขาอย่างเป็นมิตร ด้วยแววหวานตามธรรมชาติ เปลี่ยนไป ดูขุ่นขึ้งอย่างโกรธๆ
“แต่รับรองได้ว่ามุมมองที่คุณมีต่อท่านผิดไปจากความเป็นจริงแน่ๆ”
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร”
“ที่คุณไม่ได้ว่าออกมา แต่คิดอยู่ในใจนั่นแหละ ร้ายกาจ!”
“รู้หรือว่าผมคิดอะไร” เขาถามเสียงยั่ว
ตากลมตวัดผ่านหน้าเขา ไปทำหน้าเชิด คอแข็ง
ดรัณภพออกแปลกใจ ไม่คิดว่าเด็กสาวท่าทางอ่อนๆ ดูนิ่มนวล ขี้อายนิดๆ จะแสดงท่าทีมึนตึงเป็นเหมือนกัน
เขาขันนิดๆ แต่ก็ปนหยันเอาไว้ด้วย
“อย่าโกรธเลยน่า ขิมก็น่าจะรู้นะ ความรู้สึกของคนเราบังคับกันไม่ได้ อย่างผม...ชอบขิม เห็นว่าน่ารัก น่าพูดคุยด้วย แต่ก็อาจมีคนมองแล้วรู้สึกต่างออกไป”
กิริยาเชิดคอเชิดคางค่อยอ่อนลง สักพักใหญ่หน้าเมินหนีก็หันกลับมาทางเขา ก่อนเรียวปากบางอิ่มจะแย้มออกจากกัน เห็นฟันกลมซี่เล็กๆ ขาวสะอาด เรียงเรียบเป็นระเบียบ ในลักษณะคล้ายมะลิแย้มรับแสงอรุณ
“เถอะค่ะ ไม่โกรธก็ได้ แต่คุณก็ต้องไม่ถือสาขิมด้วยนะคะ ที่ขิมอาจจะพูดจาไม่ค่อยน่าฟังออกไป”
ดรัณภพตาตกมองริมฝีปากที่กำลังแย้มยิ้มในลักษณะขอโทษกึ่งประจบ นิ่งนาน คล้ายจะลืมตัว แต่แล้วก็ลอบถอนใจ พูดเสียงปกติ
“ไม่ถือ ผมพอจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา หากขิมจะรู้สึกดีต่อคนที่ขิมเห็นเขามีพระคุณ แล้วไม่ชอบใจ ถ้าจะมีคนอื่นมาว่าหรือแม้แต่คิดในทางลบกับเขา แต่ผมก็อยากให้ขิมเข้าใจผมด้วย หากผมจะรู้สึกไม่ดีนักต่อพ่อบุญธรรมของขิม”
ตาคมสีกลับขึ้นมองหน้าเรียว อ่อนใส สบตากลมที่มองเขาอย่างไม่แน่ใจนัก
“คุณกับคุณพ่อมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือคะ แต่เอ... คุณบอกเองว่าครั้งสุดท้ายที่เจอท่าน คุณอายุสิบห้าเท่านั้นเอง ถือว่ายังเด็ก ส่วนท่านก็เป็นผู้ใหญ่กว่าคุณมากๆ น่าจะอยู่ในรุ่นราวคราวพ่อ ไม่น่าจะมีเรื่องราวกันได้ ขนาดว่าผ่านไปสิบกว่าปี คุณยังฝังใจว่าเคยไม่ชอบท่าน”
“ผมบอกแล้วหรือว่าไม่ชอบ ผมอาจจะทั้งชอบและไม่ชอบก็ได้นี่นา”
“ยังไงแน่คะ ตกลงชอบ หรือไม่ชอบ”
“เอาเป็นว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณดำรงศักดิ์ พ่อบุญธรรมของขิม อยู่เหนือทั้งความชอบและไม่ชอบละกัน”
“ฟังแล้วงง”
“งั้นเลิกพูดกันเรื่องนี้” เขาบอกยิ้มๆ
จากนั้น ก็ชี้ชวนให้เธอชมวิวทัศน์
“คุณรู้ได้ไงคะว่าบริเวณนี้มีจุดชมวิวสวยๆ”
เธอถามเขา
“พนักงานโรงแรมบอกผม เมื่อผมถามถึงที่สวยๆ ไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับปิกนิกเงียบๆ กันสองคน นอกจากจุดนี้ กับชายหาดบริเวณที่เราพัก ก็ยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่ง ที่ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย มีแต่คนในพื้นที่นิยมไปเที่ยวกัน แล้วจะพาไป”
“เมื่อไหร่คะที่ว่าจะพาไป”
“วันนี้ก็ได้ หลังจากออกจากที่นี่แล้ว แต่คงไปไม่ได้ครบทุกที่”
เขาดึงเอามือเรียวบางของเธอไปลูบเล่น
ขีโรชาอยากจะดึงกลับ แต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหนหมด
“พรุ่งนี้ ออกมาเที่ยวด้วยกันอีกนะ”
เขาพูด ฟังขอร้องกึ่งสั่ง
“มะ... ไม่รู้สิคะ ต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ก่อน”
ขีโรชาหมายถึงบิดามารดาของวรานิช ที่ตนมาด้วย
“ผมจะเข้าไปพูดเอง คิดว่าคงได้รับอนุญาต”
สองสามีภรรยาอนุญาตก็จริง แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าแววที่แม้จะพยายามไม่แสดงออกนอกหน้า จะเริ่มส่อแววไม่สบายใจ วรานิชถึงกับออกปากหลังจากมีเวลาอยู่กันตามลำพังช่วงที่ขีโรชาขอตัวกลับขึ้นมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย หยิบหมวก หยิบกระเป๋าสตางค์
“เราว่าตัวชักจะเหลวไหลใหญ่แล้วนะขิม มีอย่างหรือจะไปเที่ยวตามลำพังกับผู้ชายหนุ่มสองต่อสอง สองวันติดกันเข้านี่แล้ว”
“ถ้าพรุ่งนี้เขาชวนอีก และคุณพ่อคุณแม่ของตัวไม่ว่า เราก็จะไปกับเขาอีก”
ขีโรชาตอบยิ้มๆหน้าเป็น ผิดปกตินิสัย
“บ้า!”
วรานิชถอนฉุน ไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกเป็นห่วง เพราะเล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนรัก แม้ว่าจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้าย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่นั่นเอง
สีหน้าขีโรชาสลดลง เมื่อเห็นว่าวรานิชดูเหมือนจะไม่พอใจเอาจริงๆ กิริยาร่าเริงเปลี่ยนไป ประกายตาแจ่มใสพลลอยหม่นมัว เมื่อนั่งลงปลายเตียงเหมือนตุ๊กตาไขลานที่จู่ๆลานอ่อนกะทันหัน
หน้าเรียวก้มต่ำมองพื้นอยู่ครู่หนึ่งจึงเงยขึ้น พูดเสียงอ่อนเศร้า
“เราขอโทษ ไม่ทันคิดจริงๆว่า...ที่ทำลงไปอาจจะไม่เหมาะสม เพราะก็คิดแค่ว่าไปเที่ยว เท่านั้นเองจริงๆ แต่ถ้านิชเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร น่าตำหนิ ผิดทำนองคลองธรรม หรืออะไรก็เถอะนะ เราจะ...ลงไปบอกยกเลิกว่าไม่ไปแล้ว”
วรานิชภถอนใจเฮือก ทรุดนั่งลงข้างๆ ร่างบางอรชรกว่า