ที่ซึ่งดอมมินิคเรียกว่า กระท่อม นั้นแตกต่างจากที่เขาบอกเธอลิบลับ มันเป็นบ้านหลังใหญ่ซึ่งก่อด้วยด้วยอิฐแข็งแรงตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งเต็มไปด้วยหินสีขาวตามชื่อของมันคือ นิวแฮมเชียร์ ไวท์ เมาท์เทน
รสิกากำลังอยู่บนที่สูงซึ่งหญิงสาวไม่รู้เลยว่ายอดเขานี้สูงมากแค่ไหน แต่มองลงไปรอบ ๆ ก็เห็นแนวป่าสนและเทือกเขาที่วางตัวลดหลั่นเหลื่อมซ้อนกันดั่งภาพวาดน่าตื่นตาตื่นใจ ด้านหน้า กระท่อม ของดอมมินิคมีโขดหินและวังน้ำใสสะอาด มันเหมือนสถานที่ในฝันซึงทำให้หญิงสาวชาวไทยตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออก
เมื่อนักบินนำเครื่องบินกลับไปแล้วรสิกาถึงได้ก็รู้สึกว่าเธอแต่งตัวมาไม่เหมาะกับสถานที่ รองเท้าที่มีส้นแม้เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้เธอเดินตาม เจ้านาย ไปบนพื้นขรุขระและเต็มไปด้วยโขดหินสีขาวอย่างทุลักทุเล กระทั่งร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปด้านในและหยุดลงที่ห้องรับแขกซึ่งตกแต่งด้วยงานไม้ทว่าก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบแอนทีกโบราณ
“คุณชื่ออะไรนะ?”
ดอมมินิคหันกลับมาถามหญิงสาวที่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา ห่างกันหลายก้าวแต่เธอก็เห็นเขาชัดเจน เธอเผลอมองใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ของเขาจนเกือบลืมคำพูดของตัวเอง
“ฉันชื่อรสิกาค่ะ เรียกฉันว่าโรสก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวตอบด้วยท่าทีประหม่า เขาจะรู้หรือไม่ว่าเธอแทบไม่กล้าสบนัยน์ตาสีสนิมเหล็กคู่นั้น ดอมมินิคหรี่ตาลง เขาก็เผลอมองผู้หญิงตรงหน้าชัด ๆ เช่นกัน นี่น่ะหรือคือลูกสาวของแม่บ้านที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยของมารดาคนนั้น เธอสวยไม่ใช่เล่นและมีบางอย่างราวกำลังสะกดเขาไว้หากก็เพียงแค่ชั่วขณะ
“แม่ของผมบอกว่าคุณเป็นลูกสาวของแม่บ้านคนใหม่ที่เพิ่งเข้าไปทำงานอยู่ในคฤหาสน์ไทเลอร์ไม่ถึงปี”
“ค่ะ...เอ้อ...”
“แม่ของคุณใช่มั้ยที่อยู่กับพ่อของผมในคืนวันเกิดเหตุ?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงดุดันและทำให้รสิกาผงะไปชั่วครู่ มือของเธอเริ่มชาและเพิ่งรู้สึกว่าอากาศเบาบางบนที่สูงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อระบบการหายใจ ทว่าใบหน้าเคร่งเครียดและท่าทีของบุรุษตรงหน้าต่างหากที่กำลังบีบคั้นหัวใจของเธอให้เต้นเร็ว
“ค่ะ...แต่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...”
“แม่ของคุณควรจะเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง อย่างน้อยที่สุดคุณก็ควรต้องรู้เรื่องแม่ตัวเอง”
“นี่มันไม่เกี่ยวกับงานที่แม่ของคุณให้ฉันมาทำที่นี่เลยนะคะ” รสิกาเถียงขึ้นบ้างทว่านัยน์ตาของเธอกลับฉายความหวาดหวั่นออกมาจนปิดไม่มิด
“จริง ๆ แล้วคนที่อยากให้คุณมาที่นี่ไม่ใช่แม่ของผม”
คำพูดจากบุรุษร่างสูงใหญ่ที่สืบเท้าเข้ามาใกล้ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้วที่เธอจะหลบอุ้งมือหนาหนักยิ่งกว่าเหล็กกล้าที่ตะปบลงมาบนไหล่บางทั้งสอง
“ดอมมินิค...คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?”
“คุณฟังไม่ผิดหรอก...โรส คนที่อยากให้คุณมาที่นี่แท้จริงแล้วก็คือผม!”
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม รสิกาตัวแข็งทื่อทว่าก็ยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนจากใบหน้าของคนตัวโตที่โน้มลงมาใกล้ มันพุ่งเข้ามาปะทะผิวแก้มของเธอจนร้อนผ่าว หญิงสาวเหมือนดอกไม้ที่ถูกตอกตรึงอยู่ตรงหน้าหน้าผาสูงใหญ่ เธอฝืนยิ้มและคิดว่าจะพูดกับเขาอย่างใจเย็น
“ดอมมินิค...ฉันมาที่นี่ตามคำสั่งของคุณอิซาเบลนะคะ เธอบอกฉันว่า...”
“คุณกับแม่ของคุณอาจรู้เห็นกับการฆาตกรรมพ่อผม!”
เขาคำรามใส่หน้าหญิงสาวและมันทำให้ความเข้มแข็งที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเธอแตกสลายไปในวินาทีนั้น คราวนี้รสิกาตัวสั่น เธอกำลังบังคับตัวเองต่อหน้าเขาไม่ได้ ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำรื้น ดอมมินิคดูน่ากลัวและทำให้เธอสับสน
ความตื่นเต้นที่ได้เห็นภูมิทัศน์อันงดงามบนยอดเขาเมาท์ วอชิงตันมลายไปสิ้นเหลือเพียงความหวาดหวั่นที่จู่โจมชนิดไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มไม่รอให้เธอแสดงความเห็น เขาเหยียดปากก่อนพูดต่อไปด้วยเสียงที่ยังดังน่ากริ่งเกรงเช่นเดิม
“ผมเป็นคนบอกแม่ของผมเองให้คุณมาที่นี่ ผมก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผมคืนนั้นและก็มีแม่ของคุณเพียงคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เขาถูกยิง”
“แม่ไม่รู้เรื่องค่ะ...ดอมมินิค...พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ ฉันสาบานได้ คุณก็รู้นี่คะว่าตำรวจสืบความจากพยานไปแล้วนั่นคือแม่ของฉัน”
“ปากแข็ง!”
พูดจบก็ผลักร่างเล็กจนเซล้มลงไปนั่งบนพื้น รสิกาปวดแปลบที่สะโพก
แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่เท่าความกลัวที่แล่นเข้าไปจับขั้วหัวใจ ดอมมินิคก้าวมาหยุดตรงหน้า เขามองเธอด้วยแววตาเหมือนราชสีห์จ้องขย้ำเหยื่อ ดุร้ายและเต็มไปด้วยความเคียดขึ้ง
“ตำรวจสืบพยานไปแล้วก็จริง แต่แม่ของคุณให้การปฏิเสธบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นทั้งที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ตอนแม่ของคุณเข้าไปในห้องนั้นก่อนเกิดเหตุ แล้วพวกคุณยังจะมาปากแข็งว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรซึ่งมันขัดแย้งกับความจริงมากเกินกว่าที่ใครจะเชื่อ ไปหลอกเด็กอมมือน่ะง่ายกว่าจะมาหลอกคนอย่างผม”
“แล้วคุณต้องการอะไร!”