ตอนที่ 12

1239 คำ
หนูจ๋าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองสบตาคนที่ยืนกอดตัวเองอยู่ ดวงหน้าเนียนใสแดงก่ำ จมูกแดง ตาแดง น้ำตาอาบสองแก้ม ตอนนี้เองที่เพชรนิลเพิ่งสังเกตว่าเธอไม่ได้แต่งหน้า ขนตาเป็นแพหนางอนยาวเปียกน้ำตาแต่ไม่มีคราบมาสคาร่า ไม่มีร่องรอยอายไลน์เนอร์เปรอะเปื้อน ผู้หญิงอะไรนะขนาดหน้าสด ทั้งยังร้องไห้น้ำตาเต็มหน้ายังน่ารักน่ามองดึงดูดเขาได้ขนาดนี้ “ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อน แล้วค่อยมาคุยกันนะครับ” แม้อยากจะกอดเธอไว้ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย อยากจ้องมองเธอต่ออีกสักนิด แต่เขาก็จำต้องปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน ให้เธอไปล้างหน้าให้สดชื่นเสียก่อน แล้วค่อยมาพูดคุยกันอีกที “คะ...คุณจะไม่โกงค่าแรงหนูใช่มั้ยคะ ฮึกๆ” หนูจ๋าเงยหน้าถามเขาเสียงสั่นเจือสะอื้น เพชรนิลยิ้มอ่อนโยน เขาพยักหน้าให้เธอคลายกังวล ชายหนุ่มปล่อยร่างนุ่มแถมยังมีกลิ่นหอมละมุนออกจากอ้อมแขน เขาพยักพเยิดให้เธอไปเข้าห้องน้ำสำหรับแขกที่อยู่ติดกับห้องครัว หนูจ๋าปาดน้ำตา ยื่นกระเป๋าให้เขา “หนูฝากกระเป๋าค่ะ” เพชรนิลรับมาถือไว้ เขากลั้นยิ้มขำที่เธอเอากระเป๋าที่เพิ่งใช้มันทำร้ายเขามาฝากให้ถือ “ขอบคุณค่ะ” หนูจ๋าสูดน้ำมูกแล้วหันหลังเดินไปห้องน้ำ เพชรนิลมองตามคนที่เดินหงอยๆไปห้องน้ำ เขายิ้มเอ็นดูปนขำให้คนขี้แย เมื่อประตูห้องน้ำปิดสนิท ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาโทรหาทุกคนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการแนะนำให้เธอมาที่นี่ เพราะเท่าที่ฟังเธอพูดมาทั้งหมดแล้ว เขาคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ เพชรนิลโทรหาคนที่จัดการเรื่องส่งตัวน้องๆมาขอทุนกับเขา จากการพูดคุยทำให้เขาได้รู้ว่าเธอไม่มีรายชื่อในสังกัดของทางนั้น เขาโทรหาน้องๆอีกหลายคนเพื่อนสอบถามว่ามีใครพอรู้จักเธอไหม คำตอบที่ได้รับคือไม่ แต่เท่าที่สังเกตกระดุมเสื้อและเข็มที่ติดอยู่หน้าอก เขาคิดว่าเธอน่าจะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับผู้หญิงที่เขานัดให้มาเมื่อวาน แต่เขาไม่สามารถโทรติดต่อหญิงสาวคนนั้นได้ หลังจากโทรหาหลายคนแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบว่าเธอคือใคร เป็นเด็กไซด์ไลน์จริงๆ หรือเป็นหัวขโมยปลอมตัวมา หรือว่าเป็นนางนกต่อกันแน่ พอไม่รู้อะไรเลย เขาจึงถอนหายใจหงุดหงิด เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร เธอมาที่นี่เพราะมีใครหลอกให้มา หรือเธอตั้งใจมา เพชรนิลวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ขณะที่ชักมือกลับ ปลายนิ้วก็ไปแตะโดนกระเป๋าถือของหญิงสาว ชายหนุ่มหรี่ตามอง แล้วเหลือบไปดูประตูห้องน้ำ เธอยังไม่ออกมา เขาสองจิตสองใจ หากเขาค้นกระเป๋าถือของเธอจะเป็นการละลาบละล้วงหรือเปล่า แต่เธอเข้ามาอยู่ในห้องเขา เขาก็ควรรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนไม่ใช่เหรอ เพชรนิลหยิบกระเป๋าเธอมาเปิดออก เขาล้วงมือเข้าไปเพื่อจะหยิบกระเป๋าเงินใบเล็กที่อยู่ข้างในออกมาค้นหาบัตรประชาชนของเธอ “คนขี้ขโมย! นี่คุณขี้โกง แล้วยังเป็นขี้ขโมยด้วยเหรอ” หนูจ๋าตวาดแหวมาแต่ไกล หญิงสาวรีบเดินปรี่เข้ามาแย่งกระเป๋าถือจากมือเขาโดยที่เพชรนิลยังไม่ทันได้หยิบอะไรออกมาจากระเป๋าเธอเลย “พี่ไม่ได้ขโมย” “ก็เห็นๆอยู่ว่ากำลังค้นกระเป๋าหนู คุณคิดจะขโมยตังค์หนูเหรอ” “เอ่อ...” เมื่อเห็นหน้าตาขึ้งโกรธของเธอ ทั้งน้ำเสียงและสายตาก็ดูจะเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย เพชรนิลจึงยกมือขึ้นสองข้าง แบให้เธอเห็นว่าเขาไม่ได้ขโมยอะไรของเธอมา “นี่ไง พี่ไม่ได้หยิบอะไรออกจากกระเป๋าหนูเลย” หนูจ๋ามองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไรนัก “ไม่เชื่อหนูก็ตรวจสอบของในกระเป๋าดูสิ” แก้มเนียนใสป่องเล็กน้อย ทั้งโกรธทั้งไม่พอใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอก หนูจ๋ารีบเปิดกระเป๋าตรวจสอบของของตน แล้วเธอก็พบว่ามันอยู่ครบ “ก็ไม่มีอะไรหาย งั้นคุณก็จ่ายค่าแรงหนูมาได้แล้ว หนูจะได้กลับบ้านสักที” ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว ยังดีนะที่เธอบอกพ่อแม่ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วว่าวันนี้ทั้งเรียนทั้งสอบเหนื่อยมากเลยจะเข้านอนเร็ว ท่านจึงไม่โทรมาหา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ถ้าท่านบอกให้เธอวีดีโอคอลหาตอนนี้ เธอคงต้องถูกจับได้แน่ๆว่าแอบออกมาทำงาน “ถ้าอยากได้ค่าแรงก็นั่งลงคุยกันก่อน” เพชรนิลบอก เขาตบที่นั่งข้างตัวเองเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เธอมานั่งลงข้างๆเขา หนูจ๋ายืนนิ่งมองคนหน้าตาดีมากๆแต่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ เธอใช้เวลาตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมนั่งลงตามที่เขาบอก แต่เธอเลือกนั่งที่เก้าอี้อีกตัว ไม่ยอมไปนั่งกับเขา ที่ยอมนั่งลงเพราะอยากได้ค่าแรง เธอทำงานเหนื่อยจะตายจะให้กลับบ้านไปโดยไม่ได้ค่าแรง แบบนี้ก็เสียเปรียบสิ อีกอย่างเพื่อนของเธอบอกว่าเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ดังนั้นเขาคงไม่ทำอะไรเธอโดยที่เธอไม่เต็มใจหรอก เพราะเขาคงห่วงชื่อเสียงของตัวเองบ้างแหละ “ใครเป็นคนแนะนำให้หนูมาทำงานที่นี่” แม้จะแอบผิดหวังที่คนตัวนุ่มๆหอมๆไม่ยอมมานั่งใกล้ๆ แต่เพชรนิลก็เก็บอาการได้อย่างแนบเนียน เขาเอ่ยถามเธอออกไปด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เรียบนิ่ง เหมือนผู้ใหญ่พูดคุยกับเด็ก เขากลัวเด็กแตกตื่นไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง “เพื่อนของหนูค่ะ เมื่อวานกีกี้บอกว่าคุณต้องการแม่บ้านมาทำความสะอาดห้อง แล้วกีกี้เขาติดธุระมาไม่ได้ เขาเลยบอกให้หนูมาทำแทน พอดีหนูกำลังหางานทำอยู่ หนูอยากเก็บเงินไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ตาจ๋า คือหนูอยากได้เงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของหนูเอง ตาจ๋าจะได้ภูมิใจในตัวหนู หนูก็เลยรับปากมาทำงานที่นี่ เอ่อ...คุณคงไม่ว่าใช่ไหมที่หนูกับเพื่อนเปลี่ยนตัวกันโดยไม่ได้แจ้งให้คุณทราบก่อน” เพชรนิลเริ่มเข้าใจอะไรรางๆแล้ว เด็กที่ชื่อกีกี้นั้นเขาคุ้นๆอยู่เหมือนกัน แสดงว่าเด็กนั่นรับงานซ้อน แล้วส่งเพื่อนมาแทน โดยที่ยายเด็กอาถรรพ์ที่มาแทนเนี่ยเข้าใจว่างานที่จะมาทำให้เขาคืองานแม่บ้านทำความสะอาดห้อง อะไรวะ...บนโลกนี้ยังเหลือคนซื่อบื้อขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอวะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม