เพชรนิลผู้รวดร้าวเดินขัดๆ เพราะเป้าตุงเต็มหว่างขา เขาเดินตรงไปหาสาว คราวนี้จะฟัดตรงผนังนั่นแหละ ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
เสือร้ายในคราบกระต่ายน้อยกระโจนเข้าหาคนที่ยืนยิ้มหวานให้เขา ทว่าหนูจ๋าก็เบี่ยงตัวหนี เดินไปทางห้องครัว คนที่โถมทั้งตัวเข้าหาสาวจึงตะครุบได้เพียงลม ซ้ำยังโชคร้าย สะดุดขาตัวเองล้มไปข้างหน้า หน้าผากชนขอบโต๊ะเสียงดังโป๊ก!
“โอ๊ย!”
หนูจ๋าได้ยินเสียงล้มและเสียงอุทานจึงรีบหันกลับมา เมื่อเห็นว่านายจ้างล้มคะมำหน้าคว่ำพื้น หญิงสาวจึงรีบเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างเขา แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณเพชรนิล เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เจ็บ” กระต่ายน้อยยอมรับอย่างหมดสภาพว่าเจ็บจริง แถมยังมึนหัวและรู้สึกเบลอๆด้วย
“ลุกขึ้นก่อนนะคะ” หนูจ๋าช่วยพยุงร่างสูงลุกขึ้นด้วยการจับต้นแขนของเขา เพราะมัวแต่ห่วงช่วยคนเจ็บ เธอจึงไม่ทันระวังเนื้อระวังตัว อกอวบๆเบียดไปกับต้นแขนคนหื่น เพชรนิลสัมผัสได้ถึงความอวบอิ่มนุ่มๆเด้งๆ เขาจึงหลุบตาลงมองเต้าสาว สาบเสื้อแยกออกจากกันเพราะถูกเขาปลดกระดุมไปหนึ่งเม็ด ทำให้เขาเห็นอะไรชัดเจนระดับฟูลเอชดี มึนก็มึน เมานมก็เมา อยากจะจับเธอกดลงตรงหนี้แหละ แต่ความเจ็บที่หน้าผากทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจ ยอมให้เธอประคองพาไปนั่งที่โซฟาแต่โดยดี
“โห! ปูดเป็นลูกมะนาวเลยค่ะ อุ๊ย! ชนโต๊ะทีเดียว หัวโนขึ้นสองลูกเลยเหรอคะ” หนูจ๋าทัก เมื่อมองหน้าเขาในระยะใกล้ แล้วเธอเห็นว่าหน้าผากเขามีรอยปูดสองรอย
เพชรนิลอยากจะมองค้อนผู้หญิงที่ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง สูญเสียมาดนิ่งสุดเนี้ยบ หลุดหื่นออกมาแบบเก็บอาการไม่อยู่ อยากจะชี้ตรงรอยปูดสองรอยพร้อมกัน แล้วตะโกนใส่หน้าเธอว่า ไอ้สองรอยเนี่ย มันเกิดขึ้นเพราะเขาคิดจะตะครุบเธอมาปล้ำทั้งสองรอยเลย แต่ที่เขาทำได้ก็แค่เพียงบอกเธอว่า
“ช่วยไปเอาน้ำแข็งในตู้เย็นมาประคบให้หน่อย”
หนูจ๋ารีบพยักหน้า ลุกขึ้นเดินเข้าครัวไปเอาน้ำแข็งใส่แก้วแล้วเดินกลับออกมา เพชรนิลมองร่างระหงที่เดินเข้ามาใกล้แล้วก็ถอนหายใจ แล้วจะได้แกะเธอกินทั้งตัวเมื่อไรเนี่ย แค่คิดจะจับปล้ำก็มีเหตุให้เจ็บตัวตลอด และตอนนี้เขาก็เจ็บหน้าผากมากๆด้วย ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว
“คุณเพชรนิลมีผ้าไหมคะ หนูจะเอามาห่อน้ำแข็ง”
เพชรนิลดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้คนที่นั่งลงข้างๆ หนูจ๋ารีบรับมาแล้วคลี่ผ้าออก เทน้ำแข็งใส่ รวบชายผ้าเช็ดหน้าผูกไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“เดี๋ยวหนูจะประคบให้นะคะ มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย อย่างอแงนะคะ” คนที่ช่วยพ่อแม่ดูแลน้องชายแฝดสี่มาตลอดบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอเผลอใช้น้ำเสียงเดียวกับที่ใช้กับน้องชาย เจ้าพวกนั้นซนจะตายทั้งเจ็บตัวทั้งได้แผลกันไม่เว้นวัน เธอต้องคอยดูแลปฐมพยาบาลให้ประจำ
“ทีหลังต้องระวังให้มากกว่านี้นะคะ ดูซิ ปูดเป็นลูกมะนาวเลย” หนูจ๋าว่ายิ้มๆ เธอค่อยๆกดผ้าห่อน้ำแข็งบนรอยปูดอย่างเบามือ
เพชรนิลจ้องมองดวงหน้าเนียนใสระยะใกล้ ยิ่งมองยิ่งหลง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งใจสั่น เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือเพราะว่าช่วงนี้เขาทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาผ่อนคลาย ทำให้ขาดเรื่องอย่างว่าไปนาน เลยหื่นขึ้นสมอง
“รอยนี้ไม่ได้ประคบน้ำแข็งใช่ไหมคะ” หนูจ๋าแตะเบาๆที่รอยเดิมเมื่อวาน เธอยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มของเธอทำให้คนมองแทบหยุดหายใจ เมื่อวานเขาไม่ได้มองเธอจริงๆจังๆแบบนี้ เพราะมัวแต่คิดหื่น แต่พอได้มองเต็มตา ได้อยู่ใกล้ชิดมันทำให้หัวใจเต้นจังหวะแปลกๆ
“อีกไม่กี่วันก็หาย กลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้วล่ะค่ะ” เธอบอก แล้วหันมาสนใจกับรอยใหม่
“จับเอาไว้นะคะ หนูจะเอาแก้วไปเก็บ” เพชรนิลพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นจับผ้าห่อน้ำแข็งเอง เขามองตามหนูจ๋าเดินไปทางห้องครัวแล้วถอนหายใจ อยากจะบ้าตาย...คิดหื่นจนเจ็บตัว แล้วไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนะ ตั้งสองครั้งสองครา หรือจะมีอาถรรพ์อะไรหรือเปล่า แบบว่าเธอคือผู้หญิงต้องห้าม มีคนสาปแช่งไว้ทำนองว่าหากใครคิดจะแตะต้องเธอต้องมีอันเป็นไป
“บ้าไปใหญ่แล้วกู ใช่คนแรกที่ไหน น้องเขาทำงานรับแขกมาแล้วไม่รู้กี่คน ถ้าเป็นแบบนั้น คนที่ใช้บริการเธอคงตายกันหมดแล้วล่ะ” เพชรนิลบ่นงึมงำ
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องที่ดังมาจากห้องครัวทำให้คนที่นั่งประคบรอยปูดบนหน้าผากตัวเองอยู่ตกใจ รีบลุกขึ้นก้าวเร็วๆเดินไปหาเจ้าของเสียงร้อง
“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น”
“เอ่อ...หนู...หนูแต่งตัวไม่เรียบร้อยค่ะ”
เพชรนิลยืนจับผ้าห่อน้ำแข็งโปะหน้าผากปูดอยู่ตรงประตูห้องครัว เขากะพริบตาปริบๆมองคนที่ใช้สองมือขยุ้มคอเสื้อไว้ด้วยมือไม้ที่ค่อนข้างสั่น ดวงตาของเธอมีน้ำใสๆคลอเต็มหน่วยตา เธอมองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนกตกใจ
“คุณเพชรนิลหันหลังไปก่อนนะคะ หนูขอร้อง” หนูจ๋าบอกเขาด้วยน้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้ คนถูกขอร้องให้หันหน้าหนีรีบหันหลังให้เธอ เพชรนิลทำตาหลุกหลิก เธอจะรู้ไหมนะว่าเขาเป็นคนทำให้เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย ว่าแต่...แล้วทำไมต้องกลัวเธอรู้ ก็ในเมื่อเธอก็มาที่เพื่อให้เขาถอดเสื้อผ้าแล้วทำเรื่องอย่างว่าไม่ใช่หรือวะ
“เอ่อ...เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เพชรนิลถอนหายใจหงุดหงิด เขาหงุดหงิดตัวเองที่คิดอะไรผิดระบบไปหมด สงสัยจะเป็นเพราะหัวชนโต๊ะถึงสองครั้ง เลยทำให้เขามีปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการคิดวิเคราะห์
“หนูขอโทษที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยในที่ทำงานนะคะ” หนูจ๋าประนมมือไหว้อ่อนช้อย หญิงสาวหน้าเศร้าอย่างคนสำนึกผิด มือแกะดุมจึงได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก เธอมาขอโทษเขาทำไม เธอไม่ได้แต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่เธอไม่เรียบร้อยเพราะแต่งตัวอยู่ต่างหาก เธอต้องถอดมันออกทั้งหมดสิถึงจะถูก โอ๊ย!...นี่มันอะไรกันวะ มันดูผิด ดูแปลก ดูไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น หรือว่าเขาควรเพลาๆเรื่องหื่นลงบ้าง ควรหันหน้าเข้าทางธรรมสักพักจะดีไหม