“ป๋าจะทำให้หนูพูดให้ได้”
“อ๊ะ! ป๋าฟ้า! อย่านะ เดี๋ยวลูกเห็น” แม่ปันปันห้ามสามี ทั้งตามไปตะครุบมือที่พยายามจะปล้ำถอดชุดนอนเธอออกให้ได้
“ใครจะมาเห็นกัน หืม...”
“พวกเรามาแล้วครับ! คุณแม่!” ประตูห้องนอนเปิดผลัวะออก ทำให้ป๋าฟ้าปล่อยมือจากเมียรัก และผุดลุกขึ้นนั่งทันที สี่หนุ่มน้อยวัยสิบหก ต่างวิ่งกรูเข้ามา แล้วกระโดดขึ้นเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ใหญ่โตเกินวัยเพราะได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ ทำให้ทุกครั้งที่แต่ละคนกระโดดขึ้นมา เตียงก็เด้งดึ๋งจนทั้งพ่อและแม่กระเด้งกระดอนไปตามๆกัน
“เฮ้ย! ไอ้สี่กุมาร ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้ามาได้ไงวะเนี่ย” วาจาที่ป๋าฟ้าใช้พูดคุยกับลูกชายและลูกสาวนั้นแบ่งเป็นสองมาตรฐานอย่างชัดเจน จนบางทีไอ้สี่กุมารของป๋าฟ้าก็พากันแอบเอาไปพูดว่า พี่สาวของพวกตนนั้นเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณป๋า เพราะคุณป๋าแก่แล้วไม่มีน้ำยาผลิตทายาทผู้ชาย จึงไปรับพวกเขามาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อจะโอ้อวดคนอื่นได้ว่าตัวเองเจ๋งมีลูกชายแฝดสี่ แต่พอคุณป๋ารู้เรื่องที่พวกเขานินทา พวกเขาทั้งสี่ก็โดนดีดหูกันคนละที ข้อหาใส่ความและกังขาในความเจ๋งของคุณป๋า
“พวกเราจะมานอนกับคุณแม่ครับ” ว่าแล้วหนุ่มน้อยทั้งสี่คนก็เบียดตัวเองเข้ากั้นระหว่างพ่อกับแม่ สองคนขนาบซ้าย อีกสองคนขนาบขวา ไม่เหลือที่ว่างบนเตียงสำหรับคุณป๋าตัวโต
ป๋าฟ้าลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวข้างเตียง สายตาดุมองลูกชายแฝดสี่ พสุธา มหาสมุทร วายุ อัคนี ที่หน้าคล้ายกัน แต่แต่ละคนก็มีความแตกต่างบนใบหน้าที่คนในครอบครัวดูออกว่าใครเป็นใคร คนเป็นพ่อถอนหายใจแรง ตอนนี้เขาอยากจะจับตัวพวกมันเหวี่ยงออกไปนอกโลกนัก
“แล้วป๋าจะนอนตรงไหน” ป๋าฟ้าถามเสียงไม่พอใจ
“ข้างเตียงเลยครับคุณป๋า” สี่เสียงประสานกันครื้นเครง ป๋าฟ้าหันไปสบตาเมียขอความเห็นใจ แม่ปันปันตัวเล็กท่ามกลางยักษ์น้อยสี่ตัวยิ้มเจื่อนให้สามี ทั้งขำทั้งสงสาร ก็ลูกๆขอมานอนด้วยตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว และใช่ว่าลูกๆมานอนด้วยทุกวันซะหน่อย นานๆทีลูกจะน่ารักมาขอนอนด้วย คนเป็นแม่ที่ลูกเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น และเริ่มห่างแม่ไปทีละน้อยมีหรือจะปล่อยช่วงเวลาดีๆแสนอบอุ่นนี้หลุดมือไป
เมื่อเมียเอาแต่ยิ้ม ป๋าฟ้าก็รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง หนุ่มใหญ่วัยขี้งอนเดินไปเปิดตู้ออก ดึงที่นอนปิกนิก หมอน ผ้าห่มออกมาปูนอนข้างเตียงท่าทางกระฟัดกระเฟียด
ห้าคนแม่ลูกที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เจ้าสี่กุมารพากันแตะมือกันด้วยความสะใจ คืนนี้แกล้งคุณป๋าได้สำเร็จ มีความสุขที่สุด
วันรุ่งขึ้นหนูจ๋าไปเรียนตามปกติ แต่วันนี้เธอไม่เจอเพื่อนสาวที่แนะนำงานพิเศษให้ และไม่สามารถโทรติดต่อได้ หนูจ๋าเพียงแค่อยากโทรสอบถามว่าหากทำงานที่คอนโดของคุณเพชรนิลเสร็จแล้ว เพื่อนจะมีงานอื่นแนะนำให้เธอทำอีกไหม แต่พอโทรติดต่อไม่ได้ ประกอบกับวันนี้มีเรียนทั้งวัน ทั้งอาจารย์รายวิชาหนึ่งก็นัดสอบเก็บคะแนนช่วงบ่ายแบบไม่บอกล่วงหน้า หนูจ๋าจึงทบทวนบทเรียนอย่างเคร่งเครียด ทำให้เธอลืมเรื่องงานไปเสียสนิท
กระทั่งตอนเย็น คนที่เพิ่งสอบเสร็จมาหมาดๆเดินหัวฟูออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อจะขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโดก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังทำงานให้นายจ้างไม่เรียบร้อย จากทีแรกว่าจะรีบกลับไปพักผ่อนเพราะเพลียกับการเรียนและสอบ หนูจ๋าจึงตัดสินใจไปทำงานก่อนเวลา หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู หากเธอเดินทางไปคอนโดของนายจ้างตอนนี้ก็คงไปถึงตอนหกโมงเย็น ต้องทำงานให้ครบสี่ชั่วโมง เธอก็จะได้กลับไปพักผ่อนตอนสี่ทุ่ม แม้เธอจะไปทำงานก่อนเวลา แต่ก็ครบจำนวนชั่วโมงตามที่ตกลงกันไว้ นายจ้างเธอหน้าตาท่าทางใจดี แม้จะดูใจดีแบบแปลกๆ แต่เธอคิดว่า เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก
ด้วยเพราะสภาพห้องของเพชรนิลไม่ได้รก หรือมีอะไรต้องทำมากมาย เพราะมีบริษัททำความสะอาดมาทำให้ทุกสัปดาห์อยู่แล้ว หนูจ๋าจึงใช้เวลาไม่นานในการเก็บรายละเอียดทำความสะอาดส่วนที่เธอยังทำไม่เรียบร้อย
“เฮ้อ! เสร็จซะที” ร่างอ้อนแอ้นเอวบางล้างมือเสร็จก็เช็ดมือแล้วเดินสำรวจความเรียบร้อยของงานอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจแล้ว หญิงสาวจึงเดินไปนั่งพักบนโซฟาที่ห้องโถง รอนายจ้างกลับมา เธอหวังว่าเขาจะพอใจฝีมือการทำงานของเธอ และให้ทิปอย่างที่เพื่อนเคยบอก
แต่เพราะความเพลียและเหนื่อยล้าจากการเรียนและสอบ แล้วยังต้องมาทำงานบ้านอีก ทำให้หนูจ๋าเผลอหลับไปบนโซฟา จากที่คิดว่าจะกลับคอนโดของตัวเองตอนสี่ทุ่ม เลยกลายเป็นว่าคนเหนื่อยหลับยาวมาถึงห้าทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่นายจ้างของเธอกลับมาถึงห้อง
เพชรนิลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วเห็นว่ามีใครนอนตะแคงหลับตาอยู่บนโซฟา แค่มองเห็นแวบเดียวเขาก็จำได้ว่าเธอคือคนที่ทำให้หน้าผากเขาปูดเป็นลูกมะนาว ใครๆในบริษัทต่างก็มองด้วยความสงสัย แต่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าถาม เพราะบุคลิกของเขาตอนทำงานนั้นเคร่งขรึมและนิ่งเงียบ จริงจังกับการทำงาน นี่ถ้ามีใครสักคนรู้ว่า ที่หน้าผากเขาปูดขนาดนี้เพราะสะดุดล้มตอนวิ่งตามปล้ำสาวมหา’ลัยล่ะก็ คงเป็นอะไรที่น่าขายหน้าที่สุด
“หนูจ๋า...” เพชรนิลจำชื่อเธอได้ เธอเรียกแทนตัวเองว่าอย่างนั้น
ร่างสูงสมาร์ตวางข้าวของที่ถือมาลงบนโต๊ะ แกะกระดุมเสื้อออกสามเม็ด ถอดเนคไทออก ดึงชายเสื้ออกจากกางเกง แล้วนั่งลงตรงปลายเท้าเรียวขาว เพชรนิลพับแขนเสื้อสองข้างขึ้นเหนือศอก ขณะที่ตาคมกวาดมองร่างสาวอย่างพึงพอใจ เธอสวย หวาน และแตกต่างกว่าคนอื่น นัยน์ตาที่สานสบเมื่อวาน ใสซื่อไร้เดียงสา น่ารังแกชะมัด