“จริงเหรอคะ แถวนี้ไม่มีคนงอนลูกจริงๆหรือ แล้วเมื่อกี้ใครกันนะที่เดินไปเดินมาบ่นๆยังกับหมีกินผึ้ง” แม่ปันปันที่นั่งอยู่ข้างสามีตัวโตยื่นหน้าเข้ามาในจอ หนูจ๋ายิ้มกว้าง หัวเราะคิกคัก เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อจ๋าต้องงอน แต่จะให้ทำยังไงได้เล่า เธอเองก็รีบที่สุดแล้ว รีบขนาดพอมาถึงห้องก็ถอดชุดนักศึกษาออกแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดนอน กระโดดขึ้นเตียงทันทีเพื่อจัดฉากให้เนียนไม่ให้พ่อจ๋าสงสัย
“หนูก็ว่าป๋าเกินไปนะปันปัน ป๋าไม่ได้บ่นขนาดนั้นซะหน่อย” ป๋าฟ้าหันไปทำหน้ายุ่งใส่ภรรยา เรื่องอะไรมาฟ้องลูกสาวสุดที่รักว่าเขาบ่น ที่จริงเขาก็บ่นจริงๆแหละ แต่เขากลัวลูกไม่สบายใจถ้ารู้ว่าเขารอ เขาจึงไม่อยากให้เมียบอกว่าเขารอแบบบ่นๆ
“ค่ะ ไม่บ่นก็ไม่บน เอาโทรศัพท์มานี่ก่อนค่ะ หนูขอคุยกับลูกหน่อย” แม่ปันปัน คุณแม่ยังสาววัยสามสิบปลาย แย่งโทรศัพท์จากสามีแก่ที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่ ทั้งที่ปีนี้อายุอานามของเขาปาเข้าไปห้าสิบกว่าแล้ว แต่แม่ปันปันก็ต้องยอมรับว่า แม้สามีจะอายุมากกว่าเธอถึงรอบกว่าๆ แต่ใบหน้าและบุคลิกของเขาดูเหมือนหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบมากกว่า ทั้งเรี่ยวแรงพละกำลังเรียกว่าเหลือเฟือ เตะปี๊บก็ดังทั้งคืนและทุกคืนด้วย เรียกได้ว่าตอนหนุ่มหื่นยังไง ตอนแก่ก็ยังหื่นเสมอต้นเสมอตายจนเธอแอบเพลีย
“แม่จ๋า...” หนูจ๋าทำปากจู๋ตาหยีส่ายไปมาน้อยๆอ้อนผู้เป็นแม่ทันทีที่เห็นใบหน้าท่านเต็มจอคนเดียว
“เรียนเหนื่อยไหมลูก” แม่ปันปันถามด้วยความเป็นห่วง ลูกสาวคนโตที่แสนรักแสนหวงไปอยู่ไกลตา คนเป็นแม่ก็ทั้งคิดถึงทั้งเป็นห่วง อยากจะย้ายไปอยู่กับลูกให้รู้แล้วรู้รอด
“ไม่เหนื่อยค่ะ สบายมาก” หนูจ๋ายกแขนข้างหนึ่งขึ้นทำท่าเบ่งกล้ามอวดมารดา
“เห็นป้าปรายโทรมาบอกว่า หนูจ๋าไปทำงานที่โรงแรม”
เมื่อเจอคำถามที่ไม่อยากตอบ หนูจ๋าก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน เธอกลัวมารดาต่อว่าที่ไปของานป้าปรายกับอาเหนือทำโดยไม่บอกท่าน
“ดีแล้วลูก เรียนรู้การทำงานเล็กน้อยๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต แม่ไม่ว่า”
“ไม่ได้นะ พ่อส่งไปเรียนหนูก็ต้องเรียนสิ ห้ามไปทำงานที่ไหนอีกนะ” ป๋าฟ้าสวนขึ้นมาทันที แล้วแย่งโทรศัพท์จากมือภรรยาไปถือไว้ ผู้เป็นพ่อทำหน้าดุใส่ลูกสาว
“ป๋าฟ้า!” แม่ปันปันแย่งโทรศัพท์จากมือสามีกลับมา แล้วตีต้นแขนเขาไปแรงๆหนึ่งที พร้อมกับขึงตาดุใส่ คนเกรงใจเมียอย่างป๋าฟ้าจึงหดคอทำหน้าจ๋อย
“ก็ป๋าห่วงลูก”
“ห่วงได้ค่ะ แต่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้สังคมอื่นบ้าง”
“เรียนรู้ไปทำไม ป๋าไม่ให้หนูจ๋าไปอยู่ที่อื่น เรียนจบแล้วต้องกลับมาอยู่กับป๋าเท่านั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเรียนรู้สังคมอะไรเลย” ป๋าฟ้าเถียงข้างๆคูๆ ทั้งเมียทั้งลูกสาวมองตากันผ่านจอแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกัน
“ดึกแล้ว หนูจ๋านอนเถอะลูก แม่รักหนูนะคะ” แม่ปันปันบอกรักแล้วยิ้มหวานให้ลูกสาว อยากจะโอบกอดแนบอก หอมแก้มจูบกระหม่อมให้สมกับความคิดถึง แต่ก็ทำได้พียงมองหน้าลูกผ่านหน้าจอ
“หนูก็รักแม่จ๋านะคะ รักพ่อจ๋าด้วยค่า ฝันดีนะคะ” หนูจ๋าส่งยิ้มหวาน โบกมือบ๊ายบายแล้วปิดโปรแกรมวีดีโอคอล
คนโกหกคำโตถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้เธอเป็นลูกนิสัยไม่ดี โกหกพ่อแม่ว่าทำงานบ้านอยู่ที่ห้อง ทั้งๆที่เธอเพิ่งกลับเข้ามาแท้ๆ
หนูจ๋าวางโทรศัพท์ลงบนที่นอนตรงหน้า หญิงสาวประนมมือไหว้โทรศัพท์อยู่หลายที
“หนูขอโทษนะคะ พ่อจ๋าแม่จ๋าอย่าโกรธหนูนะคะ” ใบหน้าน่ารักหม่นเศร้า แม้รู้สึกผิดต่อบุพการีที่โกหกท่าน แต่พรุ่งนี้ยังไงเธอก็ต้องไปทำงานเหมือนเดิม ในเมื่อรับปากรับงานนี้แล้ว เธอก็ต้องกลับไปทำงานให้เสร็จ
หลังจากหน้าจอดับไปแล้ว แม่ปันปันก็ยืดตัวเอาโทรศัพท์ไปวางบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะหันมาทำตาดุหน้าบึ้งใส่สามี ค่าที่เขาหวงลูกเกินเหตุ ไม่คิดจะปล่อยให้ลูกได้ไปเรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่นบ้างเลย
“ก็ป๋าเป็นห่วง หนูจ๋ายังเด็ก” ป๋าฟ้าอุบอิบว่า เพราะหน้าตาดุๆของเมียทำให้เขาหวั่นใจ
“หนูจ๋าไม่เด็กแล้วนะคะป๋า ปีหน้าลูกสาวเราก็จะอายุยี่สิบปีแล้ว”
“ยี่สิบแล้วไง ยี่สิบแล้วก็ยังเป็นลูกป๋าเหมือนเดิมนั่นแหละ ต้องอยู่กับป๋าตลอดไปด้วย”
แม่ปันปันกลอกตามองบนกับคนหวงลูก
“ลูกอยู่กับเราตลอดไปไม่ได้นะคะป๋า ลูกต้องไปมีสังคมใหม่ๆ ต้องรู้จักคนหลากหลาย และลูกก็อาจจะต้องไปมีครอบครัว”
“ไม่! ป๋าจะไม่ยอมให้หนูจ๋าแต่งงาน ไม่มีผู้ชายคนไหนจะเหมาะสมกับลูกสาวป๋าหรอก แล้วไอ้สังคมใหม่ๆอะไรที่หนูพูดถึง ป๋าก็ไม่ให้หนูจ๋าไปอยู่ด้วยหรอก เกิดไปเจอโจรใจโฉดฉุดลูกเราไปทำมิดีมิร้ายล่ะ คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่”
“คนสมัยก่อนก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้นี่คะ ฉุดลูกสาวคนอื่นไปทำมิดีมิร้าย ไม่ถงไม่ถามเขาสักคำ จนเขาท้องป่องไม่ได้เรียนต่อ เพิ่งมาจบปริญญาตรีหลังจากมีลูกครบห้าคนเนี่ย”
แม่ปันปันว่าแล้วมองค้อน ป๋าฟ้ายิ้มแหยให้เมีย คนสมัยก่อนที่เมียพูดถึงก็เขานี่แหละ ลูกสาวคนอื่นก็เมียเขานี่ไงจะใครล่ะ
“โธ่...ปันปันก็ หนูจะขุดเอาเรื่องสมัยนานนมมาพูดอีกทำไมนะ”
แม่ปันปันถอนหายใจ คร้านจะพูดด้วยแล้ว จึงเอนกายลงนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมอก หลับตาหนีคนแก่ขี้เถียงเอาแต่ใจ
“ปันปัน นี่หนูไม่เห็นด้วยกับป๋าเหรอ” พอเห็นเมียทำหน้าเหม็นเบื่อตน ป๋าฟ้าก็ใช้เสียงสองกระเง้ากระงอดใส่ แต่เมื่อเมียยังคงหลับตาไม่พูดไม่จาด้วย ร่างสูงกำยำก็เอนลงนอนเคียงข้าง สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน แล้วคว้าเอาร่างนุ่มอบอุ่นมากอด