Chapter 4
อ้อมกอดของว่าที่เจ้าบ่าว
#เธอคนนั้น...
เป็นที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับใครหลายคน เพราะแฮ็กแท็ก # เธอคนนั้น # ขึ้นเทรนทวิตเตอร์ตั้งแต่ช่วงเย็นของวัน และไต่ขึ้นท็อปอันดับหนึ่งด้วยยอดรีทวิตถึงสามแสน ภาพเธอคนนั้นเป็นที่กล่าวขานอย่างมากในกลุ่มแฟนคลับของเจ้าชายเวย์สันทั้งสองคน
น่านฟ้านักแสดงหนุ่มหล่อชื่อดัง และเหนือเมฆนักร้องดาวรุ่งพุ่งแรงกำลังพูดคุยกันในขณะที่มีเธอคนนั้นของชาวทวิตเตอร์ยืนอยู่ตรงกลาง เธอคนนั้นที่สวมหมวกและแมสปิดบังใบหน้า เธอคนนั้นที่ทำให้แฟนคลับหลาย ๆ คนอิจฉาตาร้อน เพราะแต้มบุญที่พุ่งสูงแซงหน้าคนอื่น ๆ การอยู่ใกล้ ๆ ศิลปิน หรือนักแสดงที่ชื่นชอบ เป็นความหวังสูงสุดของกลุ่มแฟนคลับ แค่ยืนข้างใครสักคนหนึ่งในเจ้าชายเวย์สันก็ว่ายากแล้ว แต่เธอคนนั้นเล่นอยู่ใกล้ ๆ ถึงสองคน และอยู่ ๆ ก็มีมือดีนำภาพหลุดของน่านฟ้ากับสาวปริศนาที่เห็นแค่ด้านหลัง ในขณะที่กำลังพูดคุยกันในโรงจอดรถ มาเทียบกับภาพด้านหลังของเธอคนนั้น...
ผมยาวสลวยสีดำสนิทเหมือนกัน รูปร่างผอมบางเหมือนกัน ติดแค่เพียงรูปล่าสุดที่ถ่ายมาดูขาวกว่ามาก แต่ดูรวม ๆ แล้วยังไงเธอคนนั้นกับสาวปริศนาในข่าว ก็คือคนเดียวกันอยู่ดี ถึงขนาดมาเทียบกันช็อตต่อช็อตให้ดูกันไปเลย
ตอนนี้ในทวิตเตอร์ดุเดือดจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว กระแสที่ตีกลับมาถูกแบ่งเป็นสามทาง เสียงแรกคือความอิจฉากับแต้มบุญที่สูงส่งของเธอคนนั้น มีคอมเมนต์หนึ่งบอกว่าตัวเองสะสมบุญมาทั้งชีวิตยังไม่มีโอกาสได้สบตากับเจ้าชายเวย์สันเลยสักคน แต่เธอคนนั้นโชคดีมาก ๆ ที่ได้อยู่ท่ามกลางเจ้าชายเวย์สันทั้งสองคนของสาว ๆ เสียงที่สองจะไปทางวิเคราะห์ว่าเธอคนนั้นคือใคร แล้วเป็นอะไรกันกับเจ้าชายเวย์สัน หลายคนภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย ไม่ว่าเธอคนนั้นจะสนิทสนมกับหนึ่งในเจ้าชายเวย์สันคนใดคนหนึ่งเกินเพื่อน มันก็ไม่เป็นผลดีกับแฟนคลับทั้งนั้น มันคงรู้สึกเหมือนอกหักทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีแฟน....ส่วนเสียงที่สามจะออกไปทางไม่ชอบใจเสียมากกว่า ยิ่งตอนนี้เจ้าชายเวย์สันคนโตอย่างน่านฟ้ากำลังเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ ที่ประกบคู่กับนางเอกสาวสวยอย่างลิลลี่แล้ว ทีมฝั่งคนที่เชียร์คู่พระนาง ย่อมไม่มีทางเห็นดีเห็นงามด้วยกับความสนิทสนมของคนทั้งคู่ในครั้งนี้
แพรไหมนั่งไล่อ่านข้อความทวิตเตอร์ด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอยู่ ดี ๆ ตัวเองจะดังในชั่วข้ามคืน ตั้งแต่ได้ลงข่าวหน้าหนึ่งเมื่อเช้า ตอนกลางคืนยังได้ขึ้นแท็กทวิตเตอร์อันดับหนึ่งอีก แถมชื่อแท็กยังเป็นเธอคนนั้น แค่อ่านก็รู้แล้วว่าชาวทวิตเตอร์ส่วนใหญ่ คิดว่าแพรไหมเป็นผู้หญิงแน่ ๆ แม้ว่าจะใส่กางเกงและเสื้อผ้าเหมือนผู้ชายขนาดนั้น
“อย่าบอกใครว่าคุณกำลังแต่งงานกับผม” อยู่ดี ๆ เสียงของน่านฟ้าก็ดังขึ้นมาในหัวของแพรไหม
“ฉันไม่เคยคิดจะบอกใครเรื่องของเรา” แพรไหมพูดประโยคเดิมซ้ำขึ้นมากับตอนที่ตอบน่านฟ้าไปเมื่อช่วงเย็น...
น่านฟ้าไม่ได้มาส่งแพรไหมเหมือนอย่างที่เหนือเมฆต้องการ เพราะเจ้าตัวโดนบังคับให้ไปร่วมงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ที่แพรไหมไม่ได้สนใจฟังมันเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเหตุผลที่แพรไหมต้องเรียกแท็กซี่กลับเอง
“ไม่เคยเลย...ไม่เคยอยากให้ใครรับรู้ด้วยซ้ำว่าฉันกำลังแต่งงาน โดยเฉพาะแต่งกับผู้ชายอย่างคน คุณน่านฟ้า เวย์สัน เพราะถ้าเรื่องที่ฉันกับคุณกำลังจะแต่งงานกันหลุดออกไปคงเป็นตัวฉันเองที่โดนประณามจากแฟนคลับของคุณ...”
แพรไหมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง มือคู่สวยยกขึ้นมานวดขมับของตัวเองช้า ๆ แพรไหมมีลางสังหรณ์ว่าชีวิตสงบสุขของตัวเองกำลังจะจบลงแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับครอบครัวของเวย์สัน ทั้งแต่น้องชายอย่างเหนือเมฆเธอก็ต้องคอยหลบหลีกนักข่าวมาตลอด พอมาถึงตัวพี่ชาย...นอกจากจะต้องหนีนักข่าวแล้ว ยังต้องหาทางรับมือกับกลุ่มแฟนคลับด้วย...
อีกสองเดือนก็จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว แพรไหมไม่เคยรับรู้เลยว่าการเป็นเจ้าสาวจะต้องทำตัวยังไง คนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมา เขาตื่นเต้นหรือเปล่า? และมีความสุขมากไหม? การที่ต้องสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์เดินเคียงข้างกับใครสักคนที่คิดว่าเป็นคู่ชีวิต มันต้องรู้สึกดีมาก ๆ เลยใช่ไหมนะ?การแต่งงานที่มีสักขีพยาน มีการสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย มีการมอบจุมพิตหวาน ๆ ให้แก่กัน การใช้ชีวิตคู่ดั่งสามีภรรยา
ถ้าเวลานั้นมาถึง แพรไหมจะมีความสุขหรือเปล่า แต่แพรไหมกับคุณน่านฟ้าเราไม่ได้รักกันนะ ชีวิตคู่ของเรามันจะไปกันรอดจริง ๆ เหรอ
ในเมื่อคิดแล้วไม่มีคำตอบจากตัวเอง แพรไหมก็โทรหาเพื่อนคนเดียวของเธออย่างเหนือเมฆ
“ฮัลโหล เมฆ” แพรไหมเรียกชื่อเพื่อนสนิททันทีที่อีกฝั่งรับสาย
“แพร กูจะนอน” เหนือเมฆตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
นี่มันตี 3 แล้ว...มันสมควรเป็นเวลานอนหรือเปล่า..
“เอาใจเขามาใส่ใจเราหน่อย ตอนมึงโทรมา กูก็มีความรู้สึกเดียวกันกับมึงตอนนี้เลย” แพรไหมพูดกับเหนือเมฆด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกโกรธหรืออยากประชดอะไรเลย
“โอเค กูสำนึกผิดแล้ว แล้วมึงโทรมาทำไมตอนตี 3 ไม่หลับไม่นอนหรือไง” เหนือเมฆเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วขยับตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง เพื่อรอฟังแพรไหมพูด
“นอนไม่หลับ” แพรไหมตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน เหอะ...มีแต่แสงไฟจากสิ่งที่มนุษย์ก่อสร้างขึ้นมา ไม่มีแม้แต่ดวงดาวสักดวง...
“เป็นอะไร...แพรเป็นอะไรบอกเมฆสิครับ”
เหนือเมฆสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของแพรไหม ได้จากน้ำเสียงที่เจ้าตัวพูดออกมา ตอนนี้แพรไหมกำลังรู้สึกไม่โอเค...
“เมฆ...แพรกลัว...แพรไม่อยากแต่งงานแล้ว...ฮึก...”
แพรไหมส่งเสียงสะอื้นออกมา ร่างบางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นระเบียงห้อง แพรไหมกำลังกลัว กลัวการแต่งงานในครั้งนี้ กลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดกับการถูกทิ้ง คู่แต่งงานที่มีเพียงภรรยาอยู่ในบ้านแต่ไม่มีสามี ยังจะเรียกว่าครอบครัวได้อีกเหรอ...
“แพรใจเย็นก่อน เดี๋ยวเมฆไปหา โอเคไหม”
“มะ...ไม่ต้องฮึก...แพรอยู่คนเดียวได้”
แพรไหมพูดทั้งน้ำตาตอบกลับไป แม้จะรู้สึกไม่ดีมาก ๆ จนไม่อยากอยู่คนเดียว แต่การที่จะให้เหนือเมฆมาหาในช่วงเวลาตีสามแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ถ้าเหนือเมฆขับรถมาแล้วเกิดอุบัติเหตุ จะทำยังไงล่ะ...
“แน่นะแพร ถ้าไม่โอเคจริง ๆ กูไปหาได้นะ”
เหนือเมฆถามย้ำแพรไหมอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แพรไหมเป็นคนเก่งแต่ก็มีมุมอ่อนแอ การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมันอาจเปลี่ยนชีวิตของใครสักคนไปตลอดกาล ถ้าแพรไหมจะรู้สึกกลัวก็คงไม่แปลก
“แน่สิ...ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว พอได้ร้องออกมามันก็โล่งขึ้นเยอะเลย”
แพรไหมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองที่ข้างแก้ม ร้องไห้แบบนี้ต้องน่าเกลียดมากแน่ ๆ ...
เมื่อตัวเองหยุดร้อง แพรไหมก็ลุกขึ้นยืนมองไปที่ท้องฟ้าสีดำสนิทที่ตอนแรกไม่มีแม้แต่ดวงดาวสักดวง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เมฆที่บดบังพระจันทร์จะเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ทำให้แพรไหมมองเห็นพระจันทร์เสี้ยวดวงเล็กที่มีรูปร่างคล้ายรอยยิ้ม
“งั้นก็ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มึงไม่มีงานเหรอไง”
“มีสิ...งั้นกูไปนอนก่อนนะ มึงก็ไม่ต้องรีบโทรมาหากูแต่เช้าด้วย กูมีงานบ่าย โอเคนะ?” ก่อนจะวางสาย แพรไหมก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้เหนือเมฆเลิกโทรมาก่อกวนตัวเองสักที
“เออ ๆ พรุ่งนี้กูก็มีงานบ่ายเหมือนกัน”
“เดี๋ยวเมฆ” แพรไหมเรียกเหนือเมฆอีกครั้ง
“มีอะไรอีก กูง่วงแล้วนะเว้ย”
“ขอบคุณนะ” ใช่ขอบคุณนะ ขอบคุณตัวเองมาก ๆ ที่เลือกจะมีเพื่อนสนิทสักคนในชีวิต เพราะบางทีการมีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ มันก็ทำให้รู้สึกดีมาก ๆ เลยล่ะ
“เปลี่ยนจากขอบคุณ เป็นการตั้งใจทำให้พี่น่านมาชอบมึงดีกว่า ถ้าสมมติว่ามึงกับพี่กูรักกันชีวิตคู่หลังแต่งงาน มึงจะมีความสุขมาก ๆ เลยนะแพร”
“ไว้จะเก็บไปคิด แต่ตอนนี้กูกับพี่มึงเกลียดขี้หน้ากันเข้าไส้เลยล่ะ”
แพรไหมเผลอคิดตามที่เหนือเมฆพูด แต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว...
*****
“ร้องจนตาแดงเชียวนะ”
แพรไหมหันขวับไปตามเสียง แพรไหมรู้ว่าคอนโดห้องข้าง ๆ ตัวเองมีคนอยู่มานานแล้ว แต่ไม่เคยมีสักคนที่แพรไหมจะเห็นหน้าคร่าตาคนคนนั้น แต่ตอนนี้แพรไหมรู้แล้วว่าเจ้าของห้องข้าง ๆ ตัวเองเป็นใคร
เขาคนนั้นคือน่านฟ้า เวย์สัน...ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว...
และใช่...คอนโดห้องที่แพรไหมอยู่ตอนนี้ เจ้าของคนเก่าคือเหนือเมฆเวย์สัน เพื่อนสนิทของแพรไหม เหนือเมฆเป็นคนปล่อยห้องนี้ให้แพรไหมเช่าเองกับมือ...
“คะ...คุณอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว...” แพรไหมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่น คงไม่หรอกมั้ง...คุณน่านฟ้าอาจจะพึ่งมาเมื่อกี้ก็ได้...ถ้ามีใครสักคนยืนอยู่ตรงนั้น แพรไหมก็ต้องรู้ตัวสิ จริงไหม....
“ผมอยู่ตรงนี้ นานพอที่จะได้ยินที่คุยพูดทุกประโยคกับน้องชายผม”
น่านฟ้าปล่อยควันสีขาวจาง ๆ ออกมาจากริมฝีปากแล้วขยี้ปลายบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ข้างกาย
สิ่งที่แพรไหมภาวนาขอให้ไม่เกิดขึ้น...มันกลับเกิดขึ้นแล้ว น่านฟ้าได้ยินที่แพรไหมคุยกับเหนือเมฆทุกประโยคเลยสินะ...
“ฉะ...ฉัน...ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
แพรไหมเริ่มทำตัวไม่ถูก การที่น่านฟ้าเห็นแพรไหมร้องไห้ว่าแย่แล้ว แต่การที่น่านฟ้ามารับรู้ความรู้สึกของแพรไหมในเวลาแบบนี้ มันแย่ยิ่งกว่า
“เดี๋ยวสิ”
ตุ้บ
“นี่คุณ” แพรไหมร้องเสียงหลง เมื่อน่านฟ้าปีนข้ามระเบียงห้องของตัวเองมาทางระเบียงห้องของแพรไหม
แพรไหมตกใจก้าวเท้าถอยหลัง จนแผ่นหลังชิดกับราวระเบียงอีกฝั่ง
“เดี๋ยวก็ตกไปหรอก” น่านฟ้าพูดพร้อมคว้าเอวแพรไหมให้ขยับเข้ามาใกล้ตัวเอง
“คะ...คุณจะทำอะไร กลับไปที่ห้องตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะ” แพรไหมไม่ใส่ใจกับคำพูดของน่านฟ้า มือคู่สวยผลักอกคนตรงหน้าให้ถอยออกห่างจากตัวเอง
“ที่คุณบอกว่าเราเกลียดกันน่ะ...คุณคิดถูกนะ แต่ก็นั่นแหละ...ผมจะยอมไม่เกลียดคุณวันหนึ่งก็ได้”
“คุณกำลังหมายถึงอะไร ช่วยพูดให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ”
แพรไหมถามน่านฟ้าออกไปอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้สมองของแพรไหมไม่พร้อมจะประมวลผลหรือตีความหมายแฝงนัยอะไรหรอกนะ
“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกกลัว พี่ขอโทษนะแพร” น่านฟ้าไม่ยอมตอบคำถามของแพรไหม แต่กลับพูดในสิ่งที่แพรไหมไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม
“ฉะ..ฉันไม่เข้าใจ...”
น่านฟ้าไม่รอให้แพรไหมพูดอะไรไปมากกว่านี้...ร่างสูงคว้าคนเจ้าน้ำตาเข้ามากอด มือหนากดศีรษะของแพรไหมลงมาซบที่ไหล่ของตัวเอง แล้วลูบขึ้นลงเบา ๆ อย่างปลอบโยน...
แพรไหมที่ยืนตัวแข็งทื่อ เริ่มผ่อนคลายไปกับความอ่อนโยนที่ตัวเองกำลังได้รับ...แพรไหมชอบโดนกอด...มันทำให้แพรไหมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้