Chapter 3
ว่าที่เจ้าสาวโดนอีกแล้ว
“ลงข่าวหน้าหนึ่งทุกวันเลยนะพ่อดาราดังอักษรย่อ น.ฟ. ถามจริงเถอะ ในวงการมีใครที่อักษรย่อ น.ฟ. บ้างนอกจากแก น่านฟ้า แถมยังแปะรูปหน้าแกเด่นหราขนาดนั้น ใครไม่รู้ว่าเป็นแกก็บ้าแล้ว”
หนังสือพิมพ์ข่าวบันเทิงรายวัน ถูกวางลงตรงหน้าน่านฟ้าที่กำลังถูกจับแต่งหน้าโดยช่างแต่งหน้าคนสนิท
“พี่แก้วยังไม่ชินกับข่าวพวกนี้อีกเหรอครับ” น่านฟ้าตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่ขอคุยกับน่านก่อน ป่านออกไปข้างนอกก่อนไป”
แก้วตาผู้จัดการสาวสวยเอ่ยไล่ช่างแต่งหน้าให้ออกไปนอกห้องเพื่อเคลียร์กับดาราในสังกัดความดูแลของตัวเอง ที่ขยันลงข่าวหน้าหนึ่งทุกวัน
“เรื่องเก่าพี่พึ่งเคลียร์กับนักข่าวจบไป มีอยู่ที่ไหนไป ยืนให้ผู้หญิงหอมแก้ม ใครเขาทำแบบแกบ้างห๊ะน่าน” ผู้จัดการคนสวยเลือดขึ้นหน้า
ตั้งแต่ดูแลเด็กมา น่านฟ้าคือคนเดียวที่ทำให้แก้วตาอยากลาออกจากอาชีพผู้จัดการส่วนตัวของดารา
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้เขาหอมแก้มสักหน่อย แต่เขาหอมมาแล้วจะให้ผลักออกก็น่าเกลียด จะทำสีหน้าตกใจมันก็ไม่เป็นมืออาชีพอีก” น่านฟ้าพูดพร้อมกับจิบกาแฟดำที่ผู้จัดการซื้อมาให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน
“สาบานมาว่าคนนี้แกยังไม่เคยคั่วกับเขา อย่างลืมนะน่าน คุณรินเธอเป็นถึงดีไซเนอร์ที่กำลังโด่งดัง ส่วนแกก็เป็นพระเอกที่ใคร ๆ ก็จับตามอง แกอย่ามาทำเป็นเล่นขายของนะ”
แก้วตาพูดเตือนน่านฟ้าเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้น่านฟ้าจะยังไม่ได้ทำอะไร แต่นักข่าวก็พากันสรรหาข่าวของน่านฟ้ามาเล่นได้ทุกวัน เพื่อเรียกยอดอ่านให้กับสำนักพิมพ์ของตัวเอง ตอนแรก ๆ ก็หาสาระไม่ได้แต่หลัง ๆ มันเริ่มเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา และข่าวล่าสุดก็มีมือดีไปถ่ายน่านฟ้าคุยกับใครไม่รู้ที่โรงจอดรถของสตูดิโอแห่งหนึ่ง ดีที่ภาพมันไม่ค่อยชัดเลยระบุตัวตนไม่ได้ ว่าเป็นน่านฟ้าจริงหรือเปล่า และผู้หญิงผมยาวที่หันหลังใส่กล้องคนนั้นเป็นใคร
“ผมเข้าใจครับพี่แก้ว พี่ก็รู้ว่าผมไม่สานสัมพันธ์กับคนที่ต้องทำงานร่วมกัน ไม่มีทั้งทางกายและทางใจ”
มันคือกฎข้อน่านฟ้าที่ตั้งขึ้นมาเองตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ เอาจริงคือวงการบันเทิงมันแคบ ถ้าเผลอไปมีความสัมพันธ์กับใครสักคน นอกจากจะกระทบงานแล้ว ยังอาจทับไลน์ของคนอื่นได้อีกด้วย
“แล้วคนล่าสุดที่แกพึ่งเป็นข่าวด้วยคือใคร ในรูปมันถ่ายเห็นแค่ด้านหลัง แต่เซ็นส์ฉันมาบอกว่าต้องสวยแน่ ๆ ถ้าแกสนิทด้วย ฉันอยากได้เธอมาเป็นพรีเซนเตอร์ยาสระผม”
แค่เห็นด้านหลังก็รู้เลยว่าต้องสวยมากแน่ ๆ ไหนจะเส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังสีดำสนิท แก้วตาเอาหัวเป็นประกัน จากการที่เป็นทั้งแมวมองและคนดูแลนักแสดงมาตลอดเกือบ 20 ปี คนนี้สวยร้อยเปอร์เซ็นต์
“ใช่สวยมาก ชื่อแพรไหม แต่ถึงจะสวยยังไง ก็ยังไม่น่าสนใจอยู่ดี”
น่านฟ้ายอมรับว่าแพรไหมคือผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาและยังสวยกว่าผู้หญิงหลายคน ที่เป็นถึงนางเอกชื่อดังที่เขาเคยร่วมงานด้วยเสียอีก
“เดี๋ยวนะ แพรไหม? ใช่ว่าที่เจ้าสาว ที่แกเคยเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่าน่าน ที่แกบอกว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ใช่ไหม”
ผู้จัดการคนสวยร้องออกมาอย่างตกใจ ดูด้านหลังแล้วแพรไหมรูปร่างบอบบาง ผิวขาว ผมยาว น้องเหมาะกับการเป็นเจ้าหญิงที่เคียงคู่กับเจ้าชายมากกว่าอสูรร้ายที่ชอบพูดจาไม่ดีอย่างน่านฟ้า
“ใช่คนนี้แหละ นอกจากความสวยก็ไม่มีอะไรดีแล้ว พี่ไม่ต้องชื่นชมเขา แล้วแอบด่าผมในใจก็ได้”
น่านฟ้ารับรู้ได้จากสายตาที่มองเหยียดเขาของผู้จัดการคนสวย ทุกคนต่างชื่นชมและอยากได้น่านฟ้าเป็นของตัวเอง แต่เว้นไว้หนึ่งคน ก็คือแก้วตา ที่ยังคิดว่าเขาเป็นไอ้พวกเด็กที่ดีแต่ปากก็เท่านั้น ตอนนี้ก็คงเปรียบเทียบน่านฟ้าเป็นหมาวัด ที่กำลังเด็ดดอกฟ้าลงมาบนดิน...
“หน้าตาฉันมันออกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ยิ่งกว่านั้นอีกครับ”
“แล้วถ้าแกแต่งงานไป ยังจะรับงานอยู่อีกไหม” แก้วตาถามน่านฟ้ากลับด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น
นักแสดงส่วนใหญ่ถ้าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็ไม่ค่อยรับงานกันเท่าไหร่หรอก ถ้าน่านฟ้าต้องการแบบนั้นแก้วตาก็ไม่ขัด แต่มันก็รู้สึกเสียดายความสามารถอยู่เหมือนกัน
“ถ้าผมยังรักและชื่นชอบมันอยู่ ผมก็จะรับงานและอยู่ในวงการนี้ต่อไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมหมดความชอบในตัวมันแล้ว ผมก็จะหางานอื่นทำ”
น่านฟ้าเข้าสู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่พ่อแม่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มาก่อน ทำให้น่านฟ้าซึมซับมาโดยตลอด น่านฟ้าเริ่มต้นจากการแคสติ้งโฆษณา และเริ่มการเป็นนักแสดงเต็มตัว โดยที่ได้รับบทพระเอกตั้งแต่ละครเรื่องแรก เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จากทั้งสื่อและโซเชียลต่าง ๆ
หลายคนหาว่าน่านฟ้าใช้เส้นสายจากแม่ ที่เป็นนางเอกดังมาก่อนเพื่อถีบตัวเองให้เป็นพระเอกตาม แต่พอละครเริ่มออนแอร์ กระแสตอบรับก็ดีเยี่ยม เรตติ้งพุ่งกระฉูดจนติดท็อปเท็นในปีนั้นและกำไรที่ได้มาเกินคาด ทั้งต้นสังกัดและนายทุนต่างยิ้มหน้าบาน
หลังจากวันนั้น น่านฟ้าก็ได้ฉายาว่า เจ้าชายเวย์สัน เพราะครอบครัวของเวย์สันทุกคนต่างเดินสายวงการบันเทิงกันหมด และลูกชายคนโตก็เป็นถึงพระเอกชื่อดัง
“แกจะทำอะไรได้อีก นอกจากหน้าตาและการแสดงของแกแล้ว ฉันก็ไม่เห็นว่าแกจะทำอะไรเป็นเลย”
น่านฟ้าถูกเลี้ยงดูมาเหมือนเจ้าชายตามที่หลายๆ คนเรียกกัน เพราะเริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้มีคนคอยปรนนิบัติดูแลมาตลอด น้อยครั้งมากที่เจ้าตัวจะทำอะไรเองสักอย่าง
“อาจจะไปเป็นนักร้องเหมือนเมฆก็ได้”
ผลผลิตของครอบครัวเวย์สันยังไม่จบ เพราะน่านฟ้ายังมีน้องชาย สุดหล่อที่ตอนนี้เป็นถึงนักร้องดาวรุ่ง ที่กำลังดังเป็นพลุแตกตามพี่ชาย
“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า งานเปิดตัวอีเว้นท์ที่ลูกค้าจ้างมาฉันปฏิเสธทุกงานที่ต้องให้แกร้องเพลง เพราะเสียงแกมันเพี้ยน”
แก้วตาจำได้เลยว่าที่ได้ยินเสียงน่านฟ้าร้องเพลงในงานอีเว้นท์ครั้งแรก แก้วตาแทบอยากขึ้นไปลากไอ้ตัวดีลงจากเวที แต่ก็นะ...ดีที่แฟนคลับยังเข้าใจ ว่าคนหล่อก็มีเสียงร้องที่เพี้ยนได้ จากอีเว้นท์วันนั้นก็เป็นคลิปดังอยู่ช่วงหนึ่ง มีแต่คนเข้ามาคอมเมนต์ว่าน่านฟ้า น่ารักอย่างนู้น น่ารักอย่างนี้ ขนาดร้องเพลงเสียงเพี้ยนยังหล่อเลย...แก้วตาอ่านข้อความพวกนั้นมาหมดแล้ว...
“โอเค งั้นผมจะเป็นนักแสดงต่อไป ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณผู้จัดการ” น่านฟ้าส่งยิ้มหวานไปให้ผู้จัดการส่วนตัว ที่ทำหน้าเหมือนอยากลาออกทุกวัน....
งานบวงสรวงละครเรื่องใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น น่านฟ้ายืนเคียงข้างนักแสดงสาวหน้าใหม่ที่กำลังดังในหมู่วัยรุ่น เจ้าหล่อนพยายามเข้ามาพูดคุยกับน่านฟ้าตลอดเวลาที่งานเริ่ม น่านฟ้าตอบบ้างไม่ตอบบ้าง หันไปยิ้มให้บ้างตามมารยาท
ลิลลี่ หน้าขึ้นสีทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของน่านฟ้าใกล้ ๆ แม้อายุจะขึ้นเลขสาม แต่เหมือนความหล่อจะเพิ่มตามอายุ ทั้งแฟนคลับและนักข่าวต่างกดซัตเตอร์รัว ๆ ที่ได้ภาพที่ต้องการ จากพระนางคู่ที่กำลังดังและเป็นที่น่าสนใจของคนในสังคม แฟนคลับพากันกรี๊ดกร๊าดบิดตัวไปมา เมื่อคู่จิ้น ของตัวเองมีโมเมนต์ แม้จะยังไม่เปิดกล้องถ่ายทำเลยก็ตาม
แพรไหมที่อยู่ในเสื้อยืดแขนยาวสีดำกับกางเกงขายาวสีเข้ม สวมหมวกและแมสปิดปากสีดำเพื่อปิดบังตัวตน กำลังเดินอยู่ข้างเหนือเมฆที่เปิดเผยทุกอย่าง ไม่มีแม้แต่หมวกหรือแมสปิดบังใบหน้า กำลังเดินยิ้มหน้าระรื่นไม่สนใจใคร....
ทำไมต้องเป็นแพรไหมที่ลำบากทุกทีนะ...
“อ้าวพี่น่านอยู่นี่เอง ผมเดินหาตั้งนาน”
เหนือเมฆเดินเข้าไปทักพี่ชาย ที่กำลังแยกตัวออกมาหลังจากงานบวงสรวงจบ แพรไหมมองเหนือเมฆอย่างอึ้ง ๆ เพราะพอลงจากรถมาเหนือเมฆก็เดินตรงดิ่งโดยไม่แวะที่ไหน แบบที่เจ้าตัวพูดออกไปเลย พี่น้องสองคนนี้แสดงเก่งกันจริง ๆ
เมื่อผู้ชายหล่อสองคนยืนอยู่ด้วยกันก็ยิ่งเป็นที่สนใจของแฟนคลับที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ มือหนึ่งถือโทรศัพท์ถ่ายรูป อีกมือก็หยิกแขนเพื่อน เพื่อระบายความเขิน ลูกชายครอบครัวเวย์สันนี่งานดีทั้งพี่ทั้งน้องจริง ๆ
แพรไหมที่เริ่มรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นจุดเด่นไปด้วย ก็ค่อย ๆ ถอยออกมายืนห่าง ๆ ในใจก็คาดโทษเหนือเมฆไว้ ก็เจ้าเพื่อนตัวดีมันบังคับให้เขาโดดงาน แล้วอ้างว่าให้มาธุระเป็นเพื่อนน่ะสิ ดีนะที่วันนี้แพรไหมใส่หมวกและแมสปิดหน้าเอาไว้
“แกมาได้ยังไงเมฆ” น่านฟ้าถามน้องชายที่เอาแต่ยิ้มไม่หุบ แล้วมองเลยมาถึงว่าที่เจ้าสาวคนสวย ที่ยืนก้มหน้าก้มตาเหมือนเห็นทองคำตกอยู่บนพื้น
“มาให้กำลังใจพี่ชายไงครับ เปิดกล้องละครเรื่องใหม่ทั้งที ก็ต้องมาแสดงว่ายินดีกันหน่อยสิ ใช่ไหมแพร” เหนือเมฆพูดกับพี่ชายแล้วหันไปดึงมือแพรไหมมายืนใกล้ ๆ
น่านฟ้ามองไปที่เหนือเมฆอย่างเหนื่อยใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะมาหาที่กองถ่าย เปิดกล้องละครกี่ครั้งก็ไม่เคยโผล่หัวมา เอาแค่ถามว่าเหนือเมฆรู้หรือเปล่า ว่าพี่ชายเคยเล่นละครเรื่องอะไรบ้าง ขอตอบแทนเลยว่าไม่มีทางรู้แน่นอน แล้ววันนี้นึกคึกอะไร ถึงมาหาเขาถึงที่ แถมยังพาว่าที่เจ้าสาวเขามาอีกด้วย
“บางทีแกก็ควรจะโกหกให้มันเนียน ๆ หน่อยนะเมฆ แล้วอีกอย่างนะ แกจะพาแพรมาทำไม”
เป็นครั้งแรกที่น่านฟ้าพูดชื่อของแพรไหมออกมา เจ้าของชื่ออย่างแพรไหม ก็ได้แต่นิ่งอยู่ท่ามกลางสองพี่น้องครอบครัวเวย์สัน
“แพรมันก็อยากมาให้กำลังใจพี่เหมือนกัน ใช่ไหมแพร” เหนือเมฆหันไปส่งซิกให้แพรไหมที่กำลังทำตัวไม่ถูก
กดดันเป็นบ้าเลยทำไมต้องมาอยู่ท่ามกลางสองคนนี้ด้วยนะ ไม่รู้หรือไงว่าคนอื่นเขามองอยู่ แพรไหมยังไม่อยากดังเพราะเรื่องระหว่างพี่น้องคู่นี้หรอกนะ แพรไหมชอบอยู่อย่างเงียบ ๆ สงบ ๆ มากกว่า ถ้าจะดังก็ขอให้ดังเพราะความสามารถของตัวเองก็พอแล้ว ไม่ใช่เพราะข่าวฉาวซุบซิบ ที่ไม่มีมูลความจริงพวกนี้
“แพร”
“ห๊ะ มึงว่าไงนะเมฆ” แพรไหมหันไปพูดกับเหนือเมฆ เพราะเมื่อกี้ตัวเองเผลอแอบคิดอะไรคนเดียว จนไม่ได้ฟังที่เหนือเมฆพูด
“มึงตอบมาแค่ว่าจริงก็พอ”
“จะ...จริงก็ได้” แพรไหมไม่รู้ว่าเหนือเมฆถามอะไรมา แต่ถ้ามันทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้เร็ว ๆ แพรไหมยอมทำตามที่เหนือเมฆพูดก็ได้ แม้รอยยิ้มที่มุมปากของเหนือเมฆ มันจะไม่น่าไว้ใจเลยก็ตาม พี่น้องเวย์สันช่างมีรอยยิ้มที่น่ากลัวทั้งคู่จริง ๆ ...
“แบบนี้สิเพื่อนรัก งั้นมึงรอกลับกับพี่กูนะ ผมฝากแพรด้วยนะพี่น่าน” เหนือเมฆดันเพื่อนคนสวยให้เข้าไปชิดกับพี่ชาย แล้วคว้ามือพี่ชายมาจับมือแพรไหมเอาไว้
แพรไหมไม่เข้าใจ...ตอนนี้สมองมันกำลังทำงานอย่างหนัก แล้วดูเหมือนจะหนักเกินไปด้วยซ้ำ เพราะกว่าจะตั้งสติได้ เจ้าเพื่อนตัวดีมันก็ทิ้งเธอไว้แล้วเดินหนีไปแล้ว
“เหนือเมฆ” แพรไหมเรียกเพื่อนตัวเองเสียงดัง แต่เหนือเมฆกลับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาให้
“บ๊ายบาย” เหนือเมฆยกมือโบกลาเพื่อนและพี่ชายตัวเอง
สำหรับน่านฟ้า เหนือเมฆยังไม่เห็นสีหน้าและแววตาที่ดูตกใจอะไรของเขา เพราะพี่ชายของเขาน่ะคือนักแสดงยอดเยี่ยมยังไงล่ะ ช่างเก็บสีหน้าได้เก่งจนน่าชื่นชมเกินไป
แต่แพรไหม...แม้เจ้าตัวจะสวมหมวกคาดแมสปิดปากแต่สายตาที่ส่งมา เหนือเมฆก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่า....ช่วงนี้เราคงต้องงดติดต่อกันสักพัก รอให้เพื่อนคนสวยอารมณ์ดีเสียก่อน แล้วค่อยติดต่อกันใหม่...
ถึงตอนนี้เหนือเมฆจะจากไป โดยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้ว แต่มือที่น่านฟ้าจับแพรไหมอยู่ ก็ยังคงไม่ยอมปล่อยออกจากกัน
ไม่รู้ว่าหนึ่งในสองคนนี้ตั้งใจหรือเปล่า...หรือแค่กำลังเผลอลืมตัว...