Chapter 2
แกล้งว่าที่เจ้าสาว
นางแบบสาวในชุดเจ้าหญิงอียิปต์โบราณสีขาวสลับแดง เส้นผมสีดำสนิทถูกปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังขาวเนียน บนศีรษะสวมมงกุฎสีทองอร่ามราคาหลายสิบล้านของนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง ใบหน้าหวานถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจัดจ้าน ยามต้องแสงสปอตไลต์บนเวทีก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูโดดเด่น แพรไหมย่างก้าวไปบนรันเวย์ด้วยความมั่นใจ เสียงชัตเตอร์ดังไปทั่วสารทิศที่แพรไหมเดินผ่าน นางแบบคนสวยเดินมาหยุดอยู่หน้าเวที เพื่อรอการประมูลมงกุฎทองบนศีรษะ
ครืด...ครืด...ครืด...
ราคาประมูลพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนนางแบบคนสวยยิ้มแก้มปริ
ครืด...ครืด...ครืด...
การประมูลยังดำเนินต่อไป แต่โทรศัพท์ของใครสักคนที่กำลังส่งเสียงร้องน่ารำคาญ ทำให้แพรไหมเริ่มหงุดหงิด งานแฟชั่นโชว์ใครเขาให้เปิดเสียงโทรศัพท์กัน ไร้มารยาทสิ้นดี
“คุณแพรไหม ช่วยรับสายโทรศัพท์ด้วยครับ” แพรไหมสะดุ้งแล้วหันกลับไปมองพิธีกรที่กำลังยืนอยู่บนเวทีข้างตัวเอง
“ฉันไม่มี...”
ครืด...ครืด...ครืด...โทรศัพท์เจ้าปัญหาแผ่เสียงร้องดังไม่หยุด การประมูลหยุดลง ทุกสายตาจับจ้องมาที่แพรไหม...
เฮือก แพรไหมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ฝันดี ๆ ดันกลายเป็นฝันร้าย เพราะเจ้าตัวปัญหาอย่างอุปกรณ์สื่อสารเครื่องหรูที่กำลังนอนนิ่งส่งเสียงร้องดังไม่หยุด มือเรียวสวยเสยผมดำยาวสลวยของตัวเองขึ้นลวก ๆ แล้วคว้าโทรศัพท์ที่ทำตัวเป็นมารผจญขึ้นมากดรับสาย
“มึงเอาอีกแล้วนะเมฆ เมื่อไหร่จะเลิกโทรมาตอนกูนอนสักทีห๊ะ”
แพรไหมเปิดประโยคแรกด้วยน้ำเสียงเคือง ๆ เมื่อไหร่เจ้าเพื่อนคนนี้ของเธอจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที
“มึงอย่าพึ่งบ่นได้ไหมแพร กูมีเรื่องสำคัญจะมาบอก”
“จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการนอนของกูอีกวะเมฆ มึงรู้ไหมว่า เมื่อคืนกูกว่าจะนอนได้ก็ปาไปตี 2 แต่นี่มันพึ่ง 7 โมงเช้า พึ่ง 7 โมงเช้าอะเมฆ มึงช่วยดูเวลาด้วย” แพรไหมพูดย้ำเวลาให้เหนือเมฆฟังชัด ๆ ไม่รู้ว่าต้องบ่นเรื่องเวลากับเพื่อนคนนี้อีกสักกี่รอบ เจ้าตัวถึงจะเข้าใจ
“ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ กูไม่โทรมาปลุกมึงแต่เช้าหรอกแพร”
“เหรอเมฆเหรอ สาบานมาสิว่ามึงไม่เคยทำแบบนี้”
เหนือเมฆมีนิสัยชอบโทรมาก่อกวนเธอตั้งแต่ยังเรียนมหา’ลัย ไม่รู้ว่าเพราะเจ้าตัวตื่นเช้ามาก ๆ หรือยังไม่ได้นอนกันแน่ แพรไหมเคยบล็อกเบอร์เหนือเมฆไปหนึ่งครั้ง แต่เจ้าเพื่อนคนนี้มันก็ใช้เบอร์คนอื่นโทรมาอยู่ดี
“สาบานไปก็ตายฟรีดิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เหนือเมฆหัวเราะออกมาเสียงดังจนแพรไหมที่ฟังอยู่ปลายสายรู้สึกหมั่นไส้ นิสัยกวนประสาทนี่มันแก้ไม่หายจริง ๆ
“รำคาญมึงอะ เลิกเป็นเพื่อนกันเถอะ”
“คิดก่อนพูดนะแพร มึงกับกูคบกันอยู่แค่สองคน นอกนั้นก็ไม่มีใครเอาเราแล้ว”
เป็นเรื่องจริงที่แพรไหมเถียงไม่ออก...ตั้งแต่อยู่มหา’ลัยนอกจากเหนือเมฆ แพรไหมก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกแล้ว ถ้าไม่นับเพื่อนร่วมงานทั่วไปอะนะ แล้วถ้าถามว่าทำไมเหนือเมฆถึงเลือกคบแพรไหม ก็เพราะตอนแรกเจ้าเพื่อนตัวดีมันคิดจะจีบเธอเพราะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงสวยเรียบร้อยน่ะสิ แต่พอเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น เหนือเมฆกับแพรไหมก็กลายเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันที่สุดแล้ว เหนือเมฆมันเคยพูดกับเธอว่า ตอนนั้นหลงผิดเพราะเห็นแค่ผมยาว ๆ ด้านหลังและดูเหมือนจะเรียบร้อย แต่ปากแบบนี้จีบไม่ลงจริง ๆ
ปากคอเราะร้ายสมกับเป็นเหนือเมฆดี
“พูดธุระมึงมาเถอะ เลิกซ้ำเติมปมด้อยตัวเองก่อน” ก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้ ก็เป็นแพรไหมที่ดึงเหนือเมฆกลับมาก่อน
“มึงเห็นข่าวล่าสุดยัง”
“ไม่เห็น กูพึ่งตื่นเพราะมึงโทรมา จะเอาเวลาไหนไปอ่านข่าว”
“เมฆขอโทษได้ไหมล่ะแพร” เหนือเมฆพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจนแพรไหมที่ฟังได้แต่เหลือบตามองบนอย่างระอา
“ไม่ให้อภัยหรอกนะ”
“เรื่องของมึงเลย แต่ไปอ่านข่าวที่กูส่งไปให้ก่อน เดี๋ยวนี้เลย”
เหนือเมฆก็คือเหนือเมฆ พูดกันดี ๆ ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันเสียคาแรคเตอร์
แพรไหมหยิบแว่นสายตาข้างหัวเตียงขึ้นมาสวม แล้วกดอ่านข่าวบันเทิงที่เหนือเมฆส่งมาให้ เวลาที่ลงประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ยอดอ่านกลับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
แพรไหมกวาดสายตามองที่ตัวอักษรสีดำที่พาดหัวข่าวว่า
‘ดาราหนุ่มชื่อดังอักษรย่อ น.ฟ.กำลังซุ่มคบกับดีไซเนอร์สาวสวย’
พร้อมแนบภาพประกอบเป็นรูปที่ฝ่ายหญิงหอมแก้มฝ่ายชาย แพรไหมเลื่อนลงอ่านรายละเอียดในข่าวต่อ ก็ได้แต่กำหมัดแน่นอย่างโมโห
“เป็นไงบ้างมึง โอเคหรือเปล่าวะ” เสียงของเหนือเมฆดึงสติแพรไหมกลับมาอีกครั้ง
“ไม่โอเคเลย โกรธแบบโกรธมาก ๆ ” แพรไหมพูดไปตามความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ปิดบัง
“เป็นกูก็โกรธ กูขอโทษแทนพี่กูด้วยนะมึง”
“ขอโทษทำไม เกี่ยวอะไรกับคุณน่านฟ้า กูโกรธนักข่าวที่ถ่ายรูปออกมาไม่สวยต่างหาก มึงเห็นด้านหลังไหม มันติดกูตอนที่กำลังอ้าปาก มันดูไม่ดี มึงเข้าใจไหมเมฆ”
ทำไมต้องมาถ่ายติดเธอในจังหวะที่เธอกำลังบ่นผู้ชายไร้มารยาทคนนั้นด้วย
“แพร มึงกำลังหลงประเด็น มึงควรจะโกรธที่มีผู้หญิงมาหอมแก้มว่าที่เจ้าบ่าวมึงสิ” ตอนนี้เหนือเมฆอยากไปเขกกะโหลกเรียกสติแพรไหมเสียจริง
“ทำไมต้องโกรธอะ กูกับคุณน่านฟ้ายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
ก็แค่กำลังจะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้าแค่นั้นเอง
“แต่นั่นว่าที่เจ้าบ่าวมึง”
“แล้วยังไง คือมึงจะให้กูไปตบตีกับผู้หญิงคนนั้น หรือจะให้ทำตัวเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา ไปร้องห่มร้องไห้หน้ากองถ่ายละครพี่มึงดีล่ะ”
แพรไหมเถียงกลับไปจนเหนือเมฆรู้สึกเหนื่อยใจ
“ประชดเก่งจริงนะมึง”
“ก็กูไม่สนใจจริง ๆ อะ” แพรไหมย้ำให้เหนือเมฆเข้าใจอีกครั้ง
รู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่แพรไหมไม่ได้รู้สึกอะไรกับข่าวไร้สาระแบบนั้น นอกจากแอบโมโหนิดหน่อย ที่รูปของตัวเองมันออกมาดูไม่ดีเท่าที่ควร
แพรไหมก็เป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองเหมือนกันแหละ เธอเป็นนางแบบนะ ถึงจะไม่ดังก็เถอะ แต่ภาพที่ถ่ายมามัน ควรจะดูดีทุกช็อตไม่ใช่เหรอ
“มึงไม่สนก็ได้ แต่กูสน ฉะนั้นเรื่องนี้ กูจะจัดการให้มึงเองแพร”
หลังจากเหนือเมฆตัดสายไป แพรไหมก็ได้กลับมานอนฝันหวานอีกครั้ง หวังว่าที่บอกจะจัดการให้ มันจะไม่ทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นนะ...
*****
แพรไหมเดินทางมาถ่ายแบบที่สตูดิโอตอนบ่ายโมง หลังจากได้นอนเต็มอิ่มร่างกาย มันก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าพร้อมที่จะตั้งใจทำงานต่อ
การถ่ายแบบเป็นไปอย่างราบเรียบ ธีมในวันนี้เป็นคอนเซ็ปแฟชั่นในฤดูร้อน ซึ่งเสื้อผ้าทั้งหมดจะเป็นเนื้อผ้าบาง ๆ ที่ใส่แล้วสบายตัว แพรไหมอยู่ในชุดเดรสตัวบางพลิ้วไหว อวดลวดลายเป็นคลื่นทะเลตัดกับท้องฟ้าสีคคาม ผมที่ยาวสลวยถูกมัดเป็นมวยต่ำ ๆ ปล่อยปอยผมออกมาเล็กน้อย แพรไหมขยับเคลื่อนไหวไปมาเบา ๆ อย่างมืออาชีพ เพื่อให้ช่างภาพได้กดซัตเตอร์
“ดูดีมากครับคุณแพร” เสียงของช่างภาพพูดชมแพรไหมไม่ขาดปาก แพรไหมยิ้มรับคำชม แล้วทำหน้าหน้าที่ของตัวเองต่อไปได้อย่างดี
ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงในการถ่ายแบบครั้งนี้ ที่แพรไหมมีโอกาสได้รับงานนี้ เพราะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าน้องใหม่ที่พึ่งตีตลาดเข้ามาในสายแฟชั่นทำให้ยังไม่มีงบในการจ้างนางแบบแพง ๆ มาเป็นพรีเซนเตอร์
แต่ถึงแพรไหมจะเป็นเพียงนางแบบปลายแถว แต่ความสามารถที่แสดงออกมา ก็เรียกคำชมจากทุกคนในสตูดิโอได้เป็นอย่างดี
ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบไปด้วยลิปมันสีชมพูอ่อน กำลังผิวปาก เบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
ปี้น ปี้น เสียงแตรรถดังขึ้นมา ในขณะที่แพรไหมกำลังเปิดประตูรถของตัวเอง นางแบบคนสวยหันซ้ายขวา เพื่อมองหาที่มาของเสียง จนพบเข้ากับใครบางคนที่เลื่อนกระจกรถลงมาพอดี
น่านฟ้า เวย์สัน...ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
น่านฟ้าคือผู้ชายคนเดียว ที่อยู่ในรายชื่อแบล็กลิสต์ของแพรไหม เป็นผู้ชายที่ไม่น่าคบหาด้วยมากที่สุด...แต่แพรไหมลืมไปว่า ผู้ชายคนนี้กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวของตัวเองในอีกสองเดือนข้างหน้า...
“ขึ้นรถสิ จะยืนตรงนั้นอีกนานไหมคุณ” น่านฟ้าถามแพรไหมด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
แพรไหมรู้ได้ทันทีเลยว่า อีกคนกำลังไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก
“ทำไมฉันต้องขึ้นรถไปกับคุณด้วย” แพรไหมถามกลับไปด้วยท่าทีเรียบเฉย อยู่ ๆ ก็มาบอกให้ขึ้นรถ...บ้าหรือเปล่า ใครเขาอยากไปด้วยกัน
“อย่าเรื่องมากได้ไหม รีบขึ้นรถได้แล้ว” น่านฟ้าเริ่มกดเสียงต่ำลงเพื่อบังคับให้แพรไหมขึ้นรถไปกับตัวเอง
“ฉันจะกลับเอง ไม่ต้องลำบากคุณหรอก”
แพรไหมยังยืนยันคำเดิม ว่าจะไม่ยอมขึ้นรถไปกับน่านฟ้าเด็ดขาด ถ้าเกิดว่าโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่จะทำยังไงล่ะ หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้น อาจจะโดนฆ่าหมกป่าสักทีในประเทศไทยก็ได้
“อย่าดื้อได้ไหม ถ้าผมนับถึงสาม แล้วคุณยังไม่ขึ้นมา รับรองเลยว่าผมจะลงไปลากคุณขึ้นมาด้วยมือผมเอง ทีนี้ก็รอลงข่าวหน้าหนึ่งได้เลยเพราะช่างภาพที่ยืนหลังเสาตรงนั้น คงไม่พลาดช็อตเด็ดแบบนี้แน่”
แพรไหมหันไปมองที่เสาต้นหนึ่งที่ถัดไปจากที่ตัวเองยืนอยู่ประมาณ7-8 เสา ด้านหลังเสามีใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ พอฝั่งนั้นรู้ตัว ก็หลบไปอยู่หลังเสาตามเดิม แพรไหมที่เห็นแบบนั้น ก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วยอมเดินขึ้นรถไปกับน่านฟ้าแต่โดยดี
น่านฟ้ายกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นแพรไหมก้าวขึ้นมาบนรถแล้ว รถยนต์คันหรูเคลื่อนทะยานไปด้านหน้าด้วยความเร็ว
แพรไหมหันขวับไปหาน่านฟ้า ที่ออกรถอย่างเร็วโดยไม่รอให้ตัวเองคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยก่อน เมื่อกี้หัวเกือบชนคอนโซลรถแล้วเชียว นอกจากจะไม่ได้รับขอโทษจากคนข้าง ๆ แล้วยังโดนหัวเราะเยาะอีก
รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่มาจอดใต้คอนโดของแพรไหมในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พอรถจอดสนิท แพรไหมก็เตรียมลงจากรถโดยไม่คิดจะถามด้วยซ้ำว่าน่านฟ้ารู้จักคอนโดตัวเองได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ตลอดทางแพรไหมไม่ได้ปริปากพูดคุยอะไรกับน่านฟ้าเลย
“เดี๋ยวก่อน”
มือที่กำลังเปิดประตูรถชะงัก แพรไหมหันกลับไปมองที่น่านฟ้าอีกครั้ง” คุณน่านฟ้ามีอะไรกับฉัน..."
แชะ ยังไม่ทันที่แพรไหมจะพูดจบประโยค น่านฟ้าก็ยื่นหน้ามาใกล้แล้วกดถ่ายรูปตัวเองกับแพรไหม ด้วยโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แพรไหมได้แต่ทำหน้างงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เรียบร้อย คุณลงจากรถผมไปได้แล้ว”
น่านฟ้ายัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงแบรนด์ดังของตัวเองแล้วกดเปิดประตูรถให้แพรไหม ที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย...
ตึ้ง
ทันทีที่กลับขึ้นมาบนห้อง เสียงแจ้งเตือนข้อความจากแอปพลิเคชันหนึ่งก็ดังขึ้น แพรไหมกดอ่านข้อความที่ถูกส่งมาจากคนที่ไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนร่วมกันในไลน์
รูปถ่ายที่มีคนสองคนหันหน้ามองกล้อง อีกคนฉีกยิ้มกว้าง แต่อีกคนกลับอ้าปากหวอ ภาพที่ถ่ายในเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่คนที่อยู่ในภาพทั้งสองคน กลับแสดงสีหน้าที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกคนดูดีไร้ที่ติ ไม่รู้ว่าเป็นกล้องแพงหรือว่าเจ้าของรอยยิ้มนั่นหล่ออยู่แล้วก็ไม่ทราบ แต่กับอีกคน...น่าเกลียดมาก
“น่านฟ้า เวย์สัน คุณทำให้ฉันดูแย่”
ใช่แล้ว...อีกคนในภาพอีกคนที่อ้าปากหวอคือแพรไหมคนนี้เอง...
สองครั้งแล้วที่ถ่ายรวมเฟรมกัน แล้วต้องเป็นเธอที่น่าเกลียดทุกที ครั้งแรกก็ที่เป็นข่าวในงานแฟชั่นโชว์ และครั้งล่าสุดก็คือตอนนี้...
สติกเกอร์รูปกระต่ายกำหมัดมีควันออกหู ถูกส่งกลับไป แพรไหมปิดโทรศัพท์ด้วยความโมโห แล้วโยนมันทิ้งลงบนเตียงอย่างไม่สนใจไยดีอีกเลย