04 | อย่าบอกใคร

1089 คำ
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของขมิ้นเริ่มต้นขึ้นในไม่กี่เดือนต่อมา เธอตัดสินใจเรียนคณะบริหารธุรกิจเพื่อที่จะได้กลับมาช่วยงานที่บริษัทได้ แต่เธอกลับมีสิ่งหนึ่งที่คาใจอยู่ ‘คีตะ’ เขาหายหน้าไปจากชีวิตของเธอราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ ทุกคนก็ไม่เคยพูดถึงเขาต่อหน้าเธอเลยสักครั้ง “ขมิ้น ขอลอกชีทของอาจารย์สิริพรรณหน่อยสิ” “ทำไมนายไม่ทำเอง มาลอกฉันอยู่ได้” “ก็มันยาก” ต้นโอ๊คทำหน้าหงอยเมื่อโดนต่อว่า ขมิ้นที่ไม่ใช่คนใจแข็ง สุดท้ายก็ยอมให้เพื่อนสนิทลอกชีทของตัวเอง แก๊งเพื่อนของเธอมีด้วยกันทั้งหมดสี่คนคือ เธอ ต้นโอ๊ค มะเหมี่ยว และสาริน ซึ่งทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีถึงดีมาก ระดับมหาเศรษฐีเลยก็ว่าได้ มะเหมี่ยวคือคนแรกที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอ ต่อด้วยสารินที่มาเข้าเรียนสายจนไม่มีที่นั่งและจับผลัดจับผลูได้มานั่งข้างๆ เธอ ส่วนต้นโอ๊คเดินเข้ามาทำความรู้จักกับเธอเป็นคนสุดท้าย “ขมิ้น เย็นนี้ไปกินชาบูกันไหม” “ไม่ล่ะ ฉันอยากกลับบ้านมากกว่า” “ตามใจนะ พรุ่งนี้เจอกัน บาย~” เธอโบกมือลากับเพื่อนๆ ตรงหน้ามหาลัย ก่อนที่รถตู้ของที่บ้านจะมาจอดรับเธอในเวลาต่อมา เพียงไม่นานเธอก็กลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หลังจากที่จู่ๆ ก็ปวดหัวเวียนหัวตั้งแต่เรียนภาคเช้าคล้ายจะไม่สบาย “ขมิ้น พี่ซื้อขนมมาฝาก” คะนิ้งกลับมาบ้านเกือบทุกวันเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อต้องอยู่คนเดียว “ขอบคุณค่ะ แต่หนูคงต้องเก็บไว้กินพรุ่งนี้นะคะ” “ไม่สบายเหรอ หน้าซีดๆ นะ” “นิดหน่อยค่ะ มึนหัวตั้งแต่เช้าแล้ว” “ถ้างั้นก็กินยาแล้วรีบไปพักผ่อนเถอะ” “ค่ะ” ขมิ้นรีบวิ่งไปขึ้นบันไดหวังจะกลับไปพักผ่อนบนห้อง อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะพ้นบันได แต่ขาของเธอดันอ่อนแรงลงกะทันหัน ร่างกายของเธอกำลังเอนไปข้างหลัง มือที่อยู่ห่างจากราวบันไดเพียงแค่คืบเดียวแต่ก็ไม่อาจคว้าอะไรไว้ได้ ตามมาด้วยเสียงวี้ดว้ายของแม่บ้านที่กำลังลงมาจากชั้นสอง “ว้ายยยยย คุณขมิ้น...” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ได้ยิน ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลง “ขมิ้น!” คะนิ้งที่กำลังเตรียมจะกลับไปทำงานต่อก็ต้องวิ่งกลับเข้ามาในบ้านเมื่อได้ยินเสียงแม่บ้านกรีดร้อง “คุณคะนิ้งคะ คุณขมิ้นตกบันไดค่ะ” “ช่วยฉันพาขมิ้นขึ้นรถเร็วๆ” คะนิ้งตรวจประเมินอาการคร่าวๆ ก่อนจะขอให้แม่บ้านช่วยพาร่างของเด็กสาวที่นอนจมกองเลือดขึ้นรถยนต์ หญิงสาวถูกนำตัวส่งเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่หัวแตกเท่านั้น “ช่วยย้ายคนไข้ไปไว้ที่ห้อง VIP ด้วยนะคะ” โรงพยาบาลที่คะนิ้งทำงานอยู่ปัจจุบัน เป็นโรงพยาบาลของคุณตาที่ยกให้กับเธอก่อนที่จะเสีย ปัจจุบันเธอจึงเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ ซึ่งชั้นบนสุดของตึกผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็จะเป็นห้องวีไอพีสำหรับคนในครอบครัว “โทรบอกพี่คีตะดีไหมนะ” จู่ๆ คะนิ้งก็นึกอยากแกล้งพี่ชายให้ปั่นป่วน “พี่คีตะคะ” (ว่าไงยัยน้องสาวตัวแสบ) “ตอนนี้ขมิ้นอยู่โรงพยาบาลค่ะ” (ไปทำอะไร) “พอดีว่าขมิ้นพักผ่อนน้อยทำให้หน้ามืด วูบตกบันไดจนหัวฟาดพื้นค่ะ” (...) “ตอนนี้นอนอยู่ห้องวีไอพี แต่ว่าพี่คีตะไม่ต้องมานะคะ เดี๋ยวจะโดนพ่อดุ” (คิดจะโทรมาแกล้งพี่เหรอ) “เปล่าค่ะ แค่ไม่อยากข้ามหน้าข้ามตา เลยโทรมาบอกให้พี่รู้สักหน่อย” (อืมๆ แค่นี้นะ) คะนิ้งรู้สึกเหมือนโดนขัดใจเล็กน้อย เมื่อน้ำเสียงของคีตะเรียบนิ่งราวกับไม่ได้เป็นห่วงขมิ้นเลยสักนิด ดูเหมือนแผนปั่นคีตะจะไม่ได้ผลซะแล้วสิ “คุณหมอคะนิ้งคะ มีคนมารอพบค่ะ” “ค่ะ เดี๋ยวคะนิ้งจะรีบไปค่ะ” พยาบาลสาวรีบเดินนำหน้าคะนิ้งไปยังห้องรับรองแขกที่มีใครคนหนึ่งกำลังรออยู่ ผ่านไปนานกว่าห้าชั่วโมง ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บที่ศีรษะด้านหลัง กลิ่นของห้อง ลักษณะของเตียง และสายน้ำเกลือที่อยู่ข้างเตียง ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เมื่อนึกย้อนกลับไปก็พอจะจำได้คร่าวๆ ว่าตัวเองรู้สึกเหมือนจะเป็นลมและหงายหลังตกลงมาจากบันได ถือว่าโชคดีที่แค่หัวแตกไม่ได้แขนขาหักเพิ่มเติม คิดแล้วก็นึกโกรธตัวเองที่ไม่ยอมนอนพักทั้งที่รู้ตัวดีว่าร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว “เป็นยังไงบ้าง” “คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” จู่ๆ คีตะก็พุ่งออกมาจากระเบียงพร้อมกับเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ถ้ายังอยากเจอหน้าฉันอยู่ ก็อย่าบอกใครว่าฉันมาที่นี่” “เอ่อ... ค่ะ” ขมิ้นพยักหน้าตกลง “ฉันแค่แวะมาดูเธอ” “คุณพ่อคุณแม่สั่งห้ามไม่ให้คุณมาเจอหนูเหรอคะ” “อืม จนกว่าเธอจะเรียนจบ” “ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย คุณไม่ได้คิดอะไรกับหนูสักหน่อย” คำพูดของขมิ้นทำให้คีตะเงียบลงไม่ตอบอะไร เพราะเขารู้ใจตัวเองดี “...” “แล้วคุณไม่กลัวพี่คะนิ้งมาเจอเข้าเหรอคะ” “เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้ว” “ถ้างั้นก็รีบกลับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่คะนิ้งมาเจอจะเป็นเรื่องเอา” “อืม ห้ามให้ใครรู้หรือหลุดปากเด็ดขาด” “ค่ะ หนูจะเก็บความลับไว้เป็นอย่างดีเลยค่ะ” เธอทำท่ารูดซิปปิดปากอย่างติดตลก ก่อนจะมองร่างสูงที่รีบออกไปจากห้องอย่างระมัดระวัง ในใจก็แอบเศร้าเล็กน้อย ที่รู้ว่าจะไม่ได้เจอหน้าเขาจนกว่าจะเรียนจบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกแบบนั้นกัน ทั้งที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเธอมากมายสักหน่อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม