ช่วงเวลานานเกือบสี่ปีผ่านไปไวราวกับโกหก เพียงแค่ชั่วพริบตาหญิงสาวที่ถูกเปรียบเปรยว่าเหมือนหมาจรจัดในตอนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่งดงามทั้งกริยาและมารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ เรียนจบคณะบริหารธุรกิจมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็มักจะมีหนุ่มๆ เขามาแจกขนมจีบกันจนแถวยาวไปถึงดาวอังคาร ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ถึงเรื่องความเก่งและเป็นมืออาชีพในการทำงาน ทั้งที่อายุเพิ่งจะได้ยี่สิบสองปีเท่านั้น
งานรับปริญญาถูกจัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ช่วงต้นเดือนมีนาคม ทุกคนต่างก็พร้อมหน้าพร้อมตามาแสดงความยินดีกับเธอ
ยกเว้นเสียแต่ใครคนหนึ่งที่หายหน้าไป มีเพียงเงินที่โอนเข้าบัญชีให้เธออย่างสม่ำเสมอ ให้รู้ว่าเขาไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ต้องทำตามคำสั่งนายใหญ่ของบ้าน
“ยินดีด้วยนะขมิ้น เรียนจบแล้ว ทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ รับรองว่าหัวกระไดบ้านไม่มีทางแห้งแน่นอน” คะนิ้งเอ่ยชื่นชมขมิ้นอย่างออกหน้าออกตา
“แน่นอนสิ หนูทั้งสวยทั้งเก่ง ถ้าถูกใจคนไหนก็บอกพ่อกับแม่เลยนะ” พ่อแม่เอ่ยสนับสนุนตาม
ขณะที่ขมิ้นได้แต่ยืนยิ้มเก้อเขินเมื่อโดนแซว แต่น่าเสียดายเมื่อตอนนี้หัวใจของเธอถูกยกให้ใครคนหนึ่งไปจนหมดทั้งสี่ห้องแล้ว
“ขมิ้นๆ มาถ่ายรูปด้วยกันสิ” สารินตะโกนเรียกเธอเสียงดัง พร้อมกับยกมือไหว้ทุกคนและผ่ากลางวงเข้ามาจูงมือเธอไปถ่ายรูปรวมกันสี่คน
“สวัสดีจ้ะ หนูคือขมิ้นใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” แม่ของต้นโอ๊คเข้ามาทักทายเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ต้นโอ๊คมองหน้าแม่ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยืนข้างๆ
“ถ้าไม่ติดอะไร ไว้ว่างๆ มาทานข้าวเย็นกับป้าที่บ้านก็ได้นะ”
“ค่ะ ถ้ามีโอกาสหนูจะแวะไปหาแล้วกันนะคะ”
“จ้ะ ต้นโอ๊คอย่าลืมชวนขมิ้นนะ”
“ครับแม่” สีหน้าของต้นโอ๊คดูไม่ค่อยยินดีที่จะพาเธอไปบ้านสักเท่าไร
เขากำลังมีเรื่องบางอย่างซ่อนไว้ในใจ แต่ไม่สามารถปรึกคะนิ้งใครได้เลยโดยเฉพาะขมิ้น
“ต้นโอ๊ค ฉันไปก่อนนะ”
“อืม ไว้เจอกัน” ขมิ้นบอกลาต้นโอ๊คและเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนจะรีบกลับมาหาทุกคนที่กำลังรอถ่ายรูปรวมกับเธออยู่
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานนะคะ”
“ไม่เป็นไรเลย มาๆ มาถ่ายรูปด้วยกัน”
ขมิ้นถูกดึงให้ยืนตรงกลาง ขนาบข้างด้วยวสันต์กับอรดา คีริน และคะนิ้ง
“น่าเสียดายที่พี่คีตะติดธุระมาไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่งานรับปริญญาเอง เดี๋ยวไว้มีโอกาสค่อยถ่ายรูปรวมกันอีกก็ได้ค่ะ”
“จ้ะ งั้นวันนี้เราไปฉลองเรียนจบให้กับลูกสาวคนเล็กของบ้านกันดีกว่า” วสันต์เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น เพราะนับตั้งแต่คะนิ้งเรียนจบหมอก็นานเกือบห้าปีแล้ว พอมีขมิ้นเพิ่มมาอีกคนก็ทำให้ได้มางานแบบนี้อีกครั้ง
“พ่อเลี้ยงนะคะ” คะนิ้งเอ่ยขึ้น ก่อนจะรีบควงแขนขมิ้นและแม่เดินนำหน้าไปที่รถที่จอดรออยู่หน้ามหาวิทยาลัย
“แม่คะ วันนี้ขมิ้นขอไปนอนคอนโดนะคะ”
“ได้สิ แม่ลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้หนูต้องเข้าบริษัทต่อ”
“ขอให้โชคดีกับการเริ่มงานวันแรกนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอรีบรับคำอวยพรทันที ก่อนที่จะไปฉลองกันต่อที่ร้านอาหารหรูที่คีรินเป็นคนจัดการจองไว้ให้
จนกระทั่งนาฬิกาหมุนวนมาถึงเลขแปดอีกครั้ง ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ขมิ้นจึงต้องบอกลาและให้คนขับรถส่วนตัวมาส่งที่คอนโด
เมื่อเข้ามาด้านในคอนโด เธอก็รีบขึ้นลิฟต์ไปยังห้องของเธออย่างรีบร้อน หากมีคนรู้จักเห็นก็คงจะต้องสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้รีบร้อนขนาดนี้
ร่างสูงที่นั่งรออยู่ในห้องหลังจากที่กลับมาจากอิตาลี รักคะนิ้งสัญญาที่ให้ไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักว่าจะกลับมาฉลองวันเรียนจบด้วยกัน
“พี่คีตะ!” ร่างเล็กพุ่งเข้ากอดชายหนุ่มด้วยความดีใจจนเขาเกือบจะเซล้ม แต่กระนั้นก็กอดตอบเธออย่างอ่อนโยน
หากคิดว่าคีตะทำตามคำสั่งของวสันต์ที่ไม่ให้เจอหน้าขมิ้นตลอดสี่ปี บอกเลยว่าคิดผิด เพราะที่จริงแล้วคีตะแอบมาหาขมิ้นอยู่เป็นประจำ นับตั้งแต่ที่ขมิ้นออกจากโรงพยาบาลตอนที่เป็นลมหัวแตกตอนนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างคีตะกับขมิ้นพัฒนาไปถึงขั้นกว่าพี่น้องหรือคนรู้จัก หรือจะเรียกว่าคนรักก็ได้
ขมิ้นเริ่มออกมาอยู่คอนโดช่วงที่ขึ้นปีสี่ เพราะทุกคนในครอบครัวเข้าใจว่าคีตะต้องอยู่ที่อิตาลียาวอีกหลายเดือน แต่กลับไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะแอบกลับมาไทยทุกสัปดาห์เพื่อเจอหน้ากับขมิ้น
“มาถึงนานหรือยังคะ”
“ประมาณหนึ่งชั่วโมงได้”
“แล้วต้องกลับไปอีกไหมคะ”
“ไม่แล้วล่ะ ต่อจากนี้พี่จะกลับมาทำงานที่ไทยแล้ว ก็เธอเรียนจบแล้วนี่นา” คีตะยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ที่เคยบอกกับทุกคนว่าไม่ได้คิดอะไรกับขมิ้น แต่พอวันเวลาเปลี่ยนความรู้สึกก็เปลี่ยน ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ถ้างั้นเรามาฉลองกันสองคนต่อดีกว่า”
ของหวานอย่างขนมเค้กที่ขมิ้นโปรดปรานเป็นที่สุด คีตะต้องจองคิวนานเกือบเดือนเพื่อซื้อมาให้ขมิ้นในวันนี้ พร้อมกับของขวัญอีกอย่างหนึ่งที่เขาใส่กล่องไว้ให้
“กินขนมก่อน แล้วค่อยเปิด”
“ได้ค่ะ” เด็กสาวในวันวานกลายเป็นหญิงสาวที่กุมหัวใจของเขาเอาไว้ในตอนนี้
แต่เขาสาบานได้ว่าเขาเพิ่งจะตกลงคบกับขมิ้นหลังจากที่เธอขึ้นปีสี่แล้ว และก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการพูดคุยกันและนัดเจอบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น
หากเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง คีตะก็คงจะเละเป็นจุณ แต่นี่แค่ผิวเผินเท่านั้น เพราะไม่เพียงแค่ความสัมพันธ์ทางใจที่เปลี่ยนไป แต่ความสัมพันธ์ทางกายก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน...