EP 12

1179 คำ
“นี่คุณอาภา ดิษยากรกุล ชไนเดอร์ค่ะ คนสวยๆ ที่ทำเอาดวงกับเพื่อนหมองไปตามๆ กัน คือหนูเว อาภาภัทร ดิษยากรกล ชไนเดอร์ค่ะ ส่วนคนนี้ก็คุณดรณ์ เดชาโชติช่วง เจ้าของดีดีกรุปค่ะคุณภา” “สวัสดีครับ” เขารีบยกมือไหว้คนตรงหน้าที่คะเนอายุไม่น่าจะต่ำกว่าห้าสิบห้าหรือมากกว่า ส่วนหน้าตานั้นยังดูเหมือนคนสี่สิบต้นๆ จากนั้นก็ยกมือรับไหว้สาวสวย ที่มองเขาแล้วยิ้มมาให้พร้อมกับรีบไหว้เขาด้วยท่าทีนอบน้อม สาบานในตรงนี้ว่าเขาไม่เคยเห็นใครไหว้ได้สวยและเป็นธรรมชาติขนาดนี้มาก่อน ชุดสีขาวที่เธอสวมใส่อยู่นั้น ตัดกับเครื่องประดับทับทิมสีแดงเข้าชุด ทั้งสร้อย ต่างหู กำไล ไปจนถึงแหวน และมันไม่ได้อยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายเสียด้วย เหตุผลเพราะอะไรกันแน่นะ ยังไม่มีใคร หรือมีแล้วแต่ยังไม่ถึงเวลาจับจอง งั้นเขาจะพอมีโอกาสลงสนามประลองฝีมือได้มั้ยนะ “คุณภากับหนูเวทำร้านอาหารที่เชียงใหม่ค่ะ ถ้าคุณดรณ์ไปก็แวะอุดหนุนได้นะคะ บางทีอาจจะได้รับเกียรติจากเจ้าของร้าน เข้าครัวทำให้กินเองก็ได้นะคะ น้องเวฝีมือไม่เป็นสองรองใครค่ะ มั่นใจว่าถ้าคุณดรณ์ได้ลองชิมสักครั้งรับรองว่าต้องผูกปิ่นโตกับร้านอีกคนแน่ๆ เลยค่ะ” ดวงดาราเอ่ยยิ้มๆ มือนั้นจับมือบางของสาวในชุดขาวเอาไว้ “คุณดวงก็โม้ไปค่ะ เวแค่พอถูๆ ไถๆ เท่านั้นเองล่ะค่ะ” อาภารีบส่งสายตาปรามเพื่อนม่ายที่ออกจะอวดอ้างสรรพคุณลูกสาวของตัวเองเกินเหตุ “อุ๊ยคุณภาก็ถ่อมตัวเกินไป ถูๆ ไถๆ อะไรกันคะ หนูเวจบเชฟจากสวิตเซอร์แลนด์เชียว คุณดรณ์ลองหาโอกาสไปชิมดูเองนะคะ แล้วมาบอกดวงทีว่าฝีมือพอถูๆ ไถๆ อย่างที่คุณภาบอกหรือเปล่า” “ด้วยความยินดีครับ ว่าแต่ร้านคุณน้าชื่ออะไร อยู่แถวไหนครับ ผมไปเชียงใหม่บ่อยเหมือนกันนะครับ มีโอกาสจะแวะไปอุดหนุนครับ” ปกติแล้วเขาควรจะเรียกคนตรงหน้าว่า ‘คุณภา’ เหมือนเรียกดวงดารากับสรวงสุดา แต่กลับไม่ ด้วยอยากให้ดูคุ้นเคยมากกว่าคนอื่นนั่นเอง ทำเอาสองม่ายสาวหันไปมองกันแล้วยิ้มแค่นั้น “ร้านฟอเรสคาเฟ่ค่ะ อยู่แถวๆ ถนนเจริญรัตน์ ถ้าคุณดรณ์จะกรุณาไปเป็นแขกก็จะยินดีมากค่ะ แต่ฝากโทรบอกล่วงหน้าสักนิดนะคะ น้าจะได้บอกเวไปรอต้อนรับค่ะ เพราะบางทีเวก็ไม่ได้อยู่ร้านค่ะ” “แน่นอนเลยครับ งั้นถ้าผมขอนามบัตรไว้จะได้หรือเปล่าครับคุณน้า” “ได้ค่ะ” ดรณ์เองก็เอานามบัตรส่งให้คุณแม่ยังสาวเช่นกัน ส่วนที่ได้มาถือไว้ในมือนั้นเป็นนามบัตรร้าน มีเบอร์มือถือสามเบอร์กับเบอร์ร้าน เขาเองก็เดาไม่ได้ว่าเบอร์ใจจะเป็นของสาวสวยที่เอาแต่ยืนยิ้มน้อยๆ ไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว แต่นั่นไม่ใช่เพราะหยิ่ง เป็นการสำรวม ไม่สอดแทรกเวลาผู้ใหญ่คุยกันมากกว่า “คุณแม่คะใกล้จะเข้างานแล้ว จะไปห้องน้ำกับเวหรือเปล่าคะ” แม้สาวสวยบาดใจจะกระซิบกับแม่เบาๆ แต่เขาก็ดันได้ยิน “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า คุณเว ยินดีที่ได้รู้จักครับ” แล้วก็รีบปลีกตัวไป แต่ทุกความเคลื่อนไหวของสาวสวยที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำนั้น อยู่ในสายตาเขาเรียบร้อยแล้ว เพราะแอบเดินตามออกไปเงียบๆ จนได้เห็นว่าเธอเดินชนกับหนุ่มหล่อมาดดี ซึ่งเขารู้ว่านั่นคือหม่อมราชวงศ์พิชยะ ผู้เกิดมาพร้อมสรรพไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ฐานะ เรียกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็ไม่ผิดนัก กระเป๋าถือสีขาวของสาวที่เขาละสายตาไปไหนไม่ได้ ตกไปอยู่กับพื้นจากแรงปะทะ พิชยะรีบก้มลงไปเก็บมาส่งให้ แล้วยิ้มหวานชนิดผู้หญิงคนไหนเห็นแล้วใจไม่ละลายก็คงจะแปลกพิลึก เขาแทบวาดภาพต่อไปได้เลยว่า พิชยะจะต้องขอโทษขอโพย แล้วรีบทำความรู้จัก จากนั้นก็น่าจะขอนามบัตรทันที และสิ่งที่เขาคิดก็ไม่ผิดเพี้ยนนัก “ขอโทษนะคะที่มีแต่นามบัตรร้าน ขอตัวนะคะ พอดีคุณแม่กับเพื่อนรออยู่ค่ะ” ที่ผิดคาดนั้น คือเธอผละจากหนุ่มผู้สูงศักดิ์ทันทีและแบบไม่มีเยื่อใยอีกต่างหาก จะด้วยความรีบหรือด้วยอะไรเขาไม่คิดจะสนใจอีกแล้ว รู้แต่ว่าจะต้องรีบทำความรู้จักเธอกับครอบครัวให้มากกว่านี้อย่างแน่นอน “คุณดรณ์คะ” หนุ่มผู้จิตใจล่องลอยกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อนถึงกับสะดุ้งนิดๆ เมื่อเสียงเรียกของทีมงานสาว ดึงให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน เขารีบวางแก้วในมือลงไปหาโต๊ะ มองไวน์ที่เพิ่งดื่มไปไม่กี่แก้ว “ครับ” “คุณเวอาบน้ำเสร็จแล้วค่ะ ระหว่างที่ช่างเป่าผม คุณดรณ์จะเข้าไปอาบน้ำเลยก็ได้นะคะ สัญญาว่าเราจะพยายามทำให้เสร็จในไม่นานค่ะ” “ตามสบายครับ ผมไม่ได้รีบ”   เกือบชั่วโมงแล้ว ที่อาภาภัทรมองไปยังนาฬิกาปลุกแบบดิจิตอลบนหัวเตียง ช่างกับทีมงานก็ออกไปได้ราวสิบห้านาทีแล้ว แต่เขายังไม่มีวี่แววว่าจะออกจากห้องน้ำ ขวดไวน์กับแก้วถูกเขาคว้าเข้าไปด้วย เสียงน้ำจากฝักบัวนั้นก็ไม่มีให้ได้ยิน เดาว่าน่าจะใช้จากุซซี่ และเดาต่อได้ว่า น่าจะนอนแช่น้ำควบคู่กับจิบไวน์อยู่ ถ้าเป็นปกติก็คงจะต้องไปเคาะประตูเรียกแล้ว ด้วยกลัวว่าเขาจะเมาจนหลับคาอ่างไป ถ้าน้ำเต็มจนหน้ามุดน้ำจะเกิดอะไรขึ้น ก็ได้แต่ทำใจดีเอาไว้ เพราะเท่าที่รู้เขาเป็นคนคอแข็ง ไวน์แค่ขวดเดียวไม่น่าจะเมา อีกทั้งตัวเขาก็ใหญ่ โอกาสจะหลับแล้วตัวไหลลงไปใต้น้ำก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ แม้จะโกรธเคืองกับการกระทำและคำพูด รวมทั้งกิริยาท่าทางอันป่าเถื่อนของเขาเมื่อวานนี้ยังไง แต่ก็ไม่เคยคิดอยากจะให้เขาตายแม้แต่นิดเดียว ด้วยในใจนั้นล้นเปี่ยมไปด้วยรัก ถ้าจะต้องจากกันจริงๆ ก็อย่าให้ต้องเป็นด้วยวิธีนี้เลย เพื่อลดความกังวลใจ จึงเอามือถือมาส่งไลน์ถามแม่ เพราะคิดว่าน่าจะกลับไปถึงงานแล้ว แม้จะรู้ว่ามีทีมจัดงานคอยดูแลความเรียบร้อย แต่ก็ไม่วายห่วง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม