ตอนที่ 10

2200 คำ
เช้านี้ในห้องนอนของมุกริน พิลาลศค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ยังไม่ยอมออกห่าง "อื้ออ" เสียงครางในลำคอของพี่สะใภ้ พร้อมกับศีรษะที่คลอเคลียอยู่ที่แขนของพิลาลศ ได้ที พิลาลศเลื่อนหน้าลงไปใกล้ เพื่อสำรวจใบหน้าของคนขี้เซา "เช้านี้ก็ยังสวย" แต่คงเพราะคำพูดของพิลาลศคงจะไปกวนการนอนของมุกริน ทำให้หล่อนเริ่มขยับตัว พิลาลศเองก็รีบยืดตัวนั่งทันทีเหมือนอย่างเก่า ก็กลัวว่าเจ้าตัวจะรู้ว่าเธอแอบใกล้ชิดแบบคิดไม่ซื่อ "อุ้ย..." เสียงคนที่เพิ่งจะงัวเงียตื่นเอ่ยออกมา ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งบ้าง พร้อมกับขยับออกห่างเพียงนิด "ทำไม ทำไมน้องลศถึงมาอยู่ในห้องพี่คะ" ถามออกมาอย่างงงๆ พร้อมกับเสมองไปทางอื่นด้วย "เมื่อคืน คุณมุกขอร้องให้ลศนอนด้วยค่ะ" "คะ? เอ่อ พี่ทำแบบนั้นเหรอคะ" "ใช่ค่ะ" "คงเพราะเมา ดื่มเยอะไม่ดีเลยจริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำตัววุ่นวาย" บอกพร้อมกับยกมือขึ้นทัดผมข้างหูไปด้วยอย่างอายๆ "ไม่เลยค่ะ ไม่วุ่นวายสักนิด" "แต่น้องลศก็ไม่น่าตามใจพี่เรื่องดื่มและรวมถึงเรื่องที่พี่ขอให้นอนด้วย" "เต็มใจค่ะ ไม่ลำบากใจเลย" มุกรินจึงส่งยิ้มให้พิลาลศเพียงเล็กน้อย เหมือนกับหล่อนโล่งใจ "งั้น.. พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ ตัวเหม็นแย่เลย" "ไม่ค่ะ! หอมด้วยซ้ำ" อยากจะตบปากตัวเองเสียจริง ก็เพราะเผลอโพล่งออกไปแบบนั้น "ชมกันอีกแล้วนะคะ" มุกรินพูดออกมายิ้มๆ แบบที่หล่อนชอบทำ "ก็เรื่องจริงนี่คะ กลิ่นตัวคุณมุกหอมจริงๆ" การยืนยันแบบนั้น นั่นทำให้มุกรินยิ้มออกมาอีก "เอ่อ จริงๆ แล้ววันนี้ ลศต้องไปที่ที่นึงค่ะ มันน่าจะดีถ้าคุณมุกไปด้วยกัน" พิลาลศพามุกรินมายังสถานที่หนึ่งนอกเมือง นั่นเพราะช่วยให้หล่อนพิสูจน์ตัวเองกับคุณหญิงพลับพลึง "เรามาทำอะไรที่นี่คะ" "คลังสินค้าที่เราเช่าไว้กำลังจะหมดสัญญาค่ะ และเจ้าของค่อนข้างจะเข้มงวด เราจึงต้องมาเจรจาปรับเปลี่ยนสัญญา" ทั้งคู่เดินลงจากรถ และมาหยุดอยู่ท่าเรือด้วยกัน "ต้องขึ้นเรือไปอีกค่ะ" เธอหันบอกกับคนข้างๆ และเดินไปซื้อตั๋วขึ้นเรือ พิลาลศเดินกลับมาหาพี่สะใภ้พร้อมกับในมือมีแก้วกาแฟ ก็จำได้ดีว่าหล่อนต้องดื่มกาแฟยามเช้า แต่เพราะพวกเธอรีบออกมา มุกรินจึงไม่มีอะไรตกถึงท้องเหมือนที่เคย "แล้วของน้องลศล่ะคะ" หล่อนพูดก่อนจะก้มลงดูดกาแฟ "ต้องข้าวเท่านั้นค่ะ" "งั้นเราไปทานข้าวกันก่อนมั้ยคะ ยังเหลือเวลาเกือบชั่วโมงกว่าเรือจะออก" "เอาแบบนั้นเหรอคะ" "ค่ะ" สองสาวเดินเข้าไปในตลาดด้วยกัน แต่คงเพราะที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด พวกเธอทั้งคู่จึงเดินเที่ยวกันจนเพลิน ทั้งของกินและของฝาก จนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านของฝากที่มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติยืนออกันเต็ม "ไปร้านอื่นมั้ยคะ" พิลาลศเอ่ยถามมุกริน ก็เพราะกลัวว่าหล่อนจะไม่ชอบความแออัด "ร้านนี้คนเข้าเยอะ พี่ว่าน่าจะมีอะไรดี เราเข้าไปกันเถอะค่ะ" แล้วแบบนั้นพิลาลศจะขัดได้อย่างไร มุกรินดูสนุกกับการเลือกซื้อของฝาก พลางปากก็พูดไปด้วยว่าจะเอาไปฝากใคร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทและแถมหล่อนยังตั้งใจจะเผื่อแผ่ให้เหล่าพนักงานด้วย "น้องลศคะ" มุกรินส่งเสียงเรียกพร้อมกับกวักมือ "คะ?" "ไซซ์เอ็มใช่มั้ยคะ" "คะ?" "พี่หมายถึงเสื้อน่ะค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ใส่เสื้อของที่นี่ดีมั้ยคะ" หล่อนชี้ไปที่เสื้อที่แขวนอยู่เหนือหัว ที่มีรูปและชื่ออย่างเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่เที่ยวแห่งนี้ "แล้วของคุณมุกล่ะคะ" "พี่เลือกให้ตัวเองแล้วค่ะ เหลือแต่ของน้องลศเนี่ยแหละ" "ชอบลายไหนล่ะคะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้" "งั้นเอา..." พิลาลศกวาดสายตาไปที่ราวแขวน ก่อนจะมาจบลงที่การประสานสายตามองที่มุกริน "คะ?" "เอาลายเดียวกับของคุณมุกได้มั้ยคะ" "อ๋อ ได้สิคะ" เสื้อสองตัวถูกพับใส่ถุงอย่างดี และข้าวของหลายอย่างที่มุกรินเลือกซื้อ พิลาลศก็อาสาถือให้ "ให้พี่ถือบ้างเถอะค่ะ" "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากให้มือสวยๆ ของคุณมุกเป็นรอย" พิลาลศบอกทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะเอาข้าวของในมือกลับไปเก็บไว้ในรถ กว่าพวกเธอทั้งคู่จะเดินทางมาถึงบ้านเจ้าของโกดังก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะไม่ใช่แค่ลงเรือ แต่ยังต้องนั่งรถโดยสารต่อไปอีก ซึ่งไม่เหมือนในกรุงเทพฯ ที่รอเพียงไม่กี่นาทีรถประจำทางหรือแท็กซี่ก็มารอ แต่ที่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น พิลาลศถือโอกาสคว้ามือพี่สะใภ้มาจับไว้และเดินผ่านเข้ารั้วเจ้าของบ้าน "ว้าย" เสียงมุกรินร้องลั่นพร้อมกับเดินไปหลบที่หลังพิลาลศ นั่นเพราะมีสุนัขหลายตัววิ่งตรงมาทางพวกเธอ แถมยังเห่าไม่หยุดอีก ถึงแม้มุกรินจะรักหมา แต่ถ้าหมาจู่โจมพร้อมๆ กันแบบนี้ เป็นใครใครก็กลัว แต่สักพักเจ้าหมาเหล่านั้นก็ยืนเงียบ นั่นเพราะชายแก่คนหนึ่งที่เดินมาทางพวกเธอ "สวัสดีค่ะ คุณลุงสมาน" และเป็นพิลาลศที่เอ่ยทักขึ้นมาก่อน "สวัสดีค่ะ" และก็ตามด้วยเสียงของมุกริน "อย่าไปกลัว ไอ้พวกนี้ก็แค่เห่ามันไม่กัดหรอก ตามมาๆ จะได้รีบคุยรีบกลับ" แม้จะพูดแบบนั้น แต่ใครจะไปวางใจได้ล่ะ สองสาวเดินตัวเกร็งตามเจ้าของบ้านไปตามทาง นั่นเพราะหมานับสิบที่เดินตามไม่ห่าง "อย่าทำเหมือนกลัวค่ะ" พิลาลศเอ่ยกระซิบกับบคนข้างๆ "เพราะถ้าทำแบบนั้น เจ้าหมาจะได้ใจ" แต่พูดยังไม่ทันจะขาดคำ 'งั่ม' "โอ๊ะ" เสียงนี้ออกจากปากพิลาลศ เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาฉุดรั้งที่ขา และเมื่อก้มดู "งื้อ หมากัดค่ะคุณลุง ไหนบอกว่ามันแค่เห่าไง" และก็เริ่มโวยวายทันที เพราะตอนนี้ปากของเจ้าหมาตัวนั้นยังงับคาอยู่ที่ขาของพิลาลศ "ว้าย ตายแล้ว" มุกรินเองก็ตกใจไม่แพ้กัน  "เห้ย! ไอ้ด่าง ทำข้าเสียชื่อหมด" เจ้าบ้านเองก็ร้องออกมาบ้าง "ช่วยทีเถอะค่ะ อย่าเพิ่งพูด" มุกรินเอ่ยกำชับเจ้าของบ้านอย่างไม่ค่อยพอใจนัก  "งั้นเดี๋ยวจะช่วยง้างปากมันเอง" ไม่พูดเปล่า เขายังเดินมาใกล้ และดุด่าหมาตัวนั้น พร้อมกับนั่งลงตรงขาของพิลาลศ เขาพยายามแกะปากเจ้าหมาออกจากขาของพิลาลศ "โอ้ย... เจ็บค่ะ" ถึงแม้จะถูกกัดผ่านกางเกง แต่ก็รู้สึกว่ามันเปียกโชก ไม่รู้ว่าเพราะน้ำลายเจ้าหมาตัวนั้น หรือเลือดเธอกันแน่ "แค่นี้ก็ใจเสาะไปได้นะท่านรองประธาน" ปากพูดแบบนั้นแต่มือก็ช่วยง้างปากหมาตัวเองไปด้วย "ค่ะๆ จะอดทน ไม่ร้อง" พิลาลศกัดฟันบอกออกมา ก็ไม่อยากให้เขาต่อว่ายิ่งเมื่อเขาเอ่ยถึงตำแหน่งเธอด้วยแล้วจึงต้องทำเป็นเก่ง คนหนึ่งที่เป็นกังวลจนทำอะไรไม่ถูกก็คือมุกริน และไอ้ด้วยการทำอะไรไม่ถูกทำให้หล่อนเดินไปคว้าบางอย่างมาถือไว้ในมือ "ปล่อยเดี๋ยวนี้นะไอ้หมาด่างนิสัยเสีย!" มุกรินโพล่งออกมาพร้อมกับง้างไม้ในมือขึ้น หล่อนทำท่าเหมือนจะตี นั่นจึงทำให้เจ้าหมาตัวนั้นปล่อยจากขาของพิลาลศ และวิ่งหนีไป ซึ่งไม่แค่นั้น มุกรินยังหันไปหาเจ้าหมาหลายตัวที่รายล้อม "ออกไปให้หมด ไม่งั้นจะตี!" เธอแว้ดออกมาเสียงดังลั่น ทั้งพิลาลศและคุณลุงสมานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่พร้อมกัน ก็เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงตัวผอมบาง หน้าสวยๆ อย่างมุกรินจะโหดขนาดนี้ ก็เพราะสีหน้าและแววตาที่ดุดัน เรียกได้ว่านอกจากหมาพวกนั้นแล้ว ก็ยังทำให้เธอและเจ้าของบ้านกลัวไปด้วย "รีบไปทำแผลเถอะค่ะ"  มุกรินยืนกอดอกดูลุงสมานล้างแผลให้พิลาลศอยู่ใกล้ไม่ห่าง แถมยังถามออกมาไม่หยุด "หมาฉีดยารึเปล่าคะ" "อสม. มาฉีดให้ถึงบ้าน" "ฉีดครบทุกตัวรึเปล่าคะ" "ก็ทุกตัวนั่นแหละ" "แน่ใจนะคะ" "โธ่ คุณผู้หญิง นี่ผมเป็นใคร ไม่ปล่อยให้หมาที่บ้านเป็นบ้าหรอก" "แต่ปล่อยให้กัดคนเนี่ยนะคะ" "ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ ทุกทีมันก็ไม่เคยกัดใคร" "ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณมุก ลศไม่เป็นอะไรมาก" ที่พูดแบบนั้นเพราะยังไม่เห็นแผลตัวเอง และเจตนาที่มาที่นี่ก็เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ ก็กลัวว่าหากไม่ลงรอยกันจะมีผลกับสิ่งที่ตั้งใจ "ถ้าคุณผู้หญิงไม่พอใจ งั้นรออีกเดี๋ยวจะให้หมอที่อนามัยมาฉีดยาให้แล้วกัน" ลุงสมานตัดบทบอก "เราไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้นหรอกค่ะ ต้องกลับไปจัดการงานต่อที่กรุงเทพฯ" เพิ่งเคยจะได้ยินมุกรินในโหมดเสียงแข็งแสนขึงขังแบบนี้  "ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง เดี๋ยวลศกลับไปฉีดยาที่กรุงเทพฯ เองก็ได้" พิลาลศเองก็ทำหน้าที่เป็นกลางให้ทั้งสองฝ่าย "ยังไงก็ขอโทษอีกครั้งก็แล้วกันนะแม่หนู" ลุงสมานพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน นั่นเพราะทำแผลเสร็จแล้วเรียบร้อย "ไม่เป็นไรค่ะ" "ก็ดี งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันเถอะ" หนังสือสัญญาที่ร่างขึ้นใหม่ถูกส่งให้ลุงสมาน เขาใช้เวลาอ่านครู่ใหญ่ก่อนจะปิดมันและวางลงบนโต๊ะ "พวกคุณน่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมขอไป" "เรื่องราคาที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัวเราทำไม่ได้ค่ะ โปรดเข้าใจด้วย" พิลาลศพูดออกมาตามตรง "ผมเข้าใจ แต่คงไม่เปลี่ยนใจเรื่องการไม่ต่อสัญญา และคงจะปล่อยไว้ว่างๆ หรือเอาหมาวิ่งเล่นแทน" "ค่ารื้อถอนไม่ใช่ถูกๆ นะคะ ถ้าจะเอาเจ้าหมานิสัยไม่ดีไปวิ่งเล่น" มุกรินที่ทนฟังอยู่นานเริ่มพูดบ้าง "นี่.. คุณผู้หญิงพูดให้มันดีๆ หน่อย" "ที่ตรงนั้นเป็นที่ดินตาบอด ทางเข้าออกก็ลำบาก แถมอยู่ต่างจังหวัดอีก และเศรษกิจแบบนี้คงจะหาคนเช่าใหม่ที่ให้ราคาเท่าบริษัทฉันคงยากค่ะ" ได้ยินแบบนั้นลุงสมานก็หน้าถอดสี นั่นทำให้พิลาลศยิ้มออกมา "ผมอยู่ได้ไม่จำเป็นต้องให้ใครเช่า" "ที่ดินว่างๆ ข้างบ้านเกือบร้อยไร่ที่เราผ่านมานั่นของคุณลุงรึเปล่าคะ" พิลาลศได้ทีถามออกมาอย่างหน้าตาย "ใช่ ของผมทั้งหมด" "มูลค่าที่ดินตรงนั้นคงจะมากกว่าห้าสิบล้านใช่มั้ยล่ะคะ" ถามต่อด้วยสีหน้าแววตาตื่นเต้น "ใช่ แต่ผมไม่ขายหรอกนะ จะเก็บไว้ให้หลาน" "ไม่ได้จะซื้อค่ะ แค่ห่วงเรื่องภาษี" "เอ๊ะ... ทำไมอยู่ๆ มาถามเรื่องภาษี ผมเสียทุกปีนะ" และนั่นจึงทำให้มุกรินแสดงสีหน้าเหมือนราวนึกอะไรขึ้นได้ "ที่ดินมูลค่ามากกว่าห้าสิบล้าน ปีๆ หนึ่งคุณคงต้องเสียภาษีหลายแสน เราช่วยจัดการตรงนี้ได้ค่ะ" "ว่ายังไงนะ" สีหน้าที่แสดงออกว่าสนใจกับข้อเสนอนี้แสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด ทำให้ทั้งมุกรินและพิลาลศแอบลอบยิ้มทันที "ขอแค่คุณเซ็นสัญญาเรื่องพื้นที่เช่า แล้วเราจะจัดการเรื่องนั้นให้ค่ะ" เป็นข้อเสนอสุดท้ายที่มุกรินบอกกับเขา "คิดดูสิคะ คุณยังได้ค่าเช่าระยะยาวเหมือนเดิม แถมไม่ต้องเสียภาษีที่ดินว่างเปล่าอีกหลายปี" แน่นอนว่าข้อเสนอดีๆ แบบนี้ ลุงสมานไม่มีทางปล่อยผ่าน เมื่อสองวันก่อน เอกสารเรื่องสัญญาเช่าถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานของมุกริน แต่ที่แปลกคือมีข้อกฎหมายเรื่องที่ดินว่างเปล่าพร้อมกับรายละเอียดทรัพย์สินของคุณลุงสมานแนบอยู่ด้วย มุกรินเพียงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จึงไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ แต่นั่นไม่ใช่เพราะเรื่องบังเอิญ พิลาลศตั้งใจใส่เอกสารพวกนั้นไปในรายงานที่ต้องส่งให้มุกริน และเธอก็เพียงช่วยเตือนความจำของหล่อนเพียงนิดผ่านคำพูดตอนเจรจาก็เท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม