ตอนที่ เก้า

1993 คำ
มุกรินเดินลงจากชั้นสอง เพื่อไปทำงาน แต่วันนี้คงจะแปลกกว่าทุกวัน "มานี่ซิ" เสียงนี้ทำให้เธอต้องชะงักเท้า และเดินกลับมาทางคุณหญิงพลับพลึง  มุกรินนั่งลงฝั่งตรงข้ามแม่สามี "คุณแม่มีอะ..." ไม่ทันที่เธอจะพูดจนจบประโยค "เซ็นชื่อสละตำแหน่งให้ยัยลศซะ" "คะ?" "ฟังไม่ผิดหรอก ทำตามที่ฉันสั่ง" "หนูคง จะทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ" "นี่เธอ! คิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นแค่สะใภ้คิดจะฮุบทุกอย่างของลูกฉันรึไง" "คุณแม่คะ ที่หนูทำไปก็เพื่อหลานของคุณแม่นะคะ" "แล้วอย่างเธอน่ะ คิดว่าตัวเองเหมาะสมเหรอ เป็นใครก็ไม่รู้ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ที่ฉันให้เธอแต่งก็เพราะว่าท้องนั่นแหละ และที่ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็เพราะให้เลี้ยงดูหลานฉันไงล่ะ ไม่ใช่มาทำตัวเสมอลูกๆ ของฉัน" "ขอโทษนะคะที่หนูเป็นแค่ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่หนูคงจะไม่ยอมอยู่เพื่อเลี้ยงหลานให้คุณแม่อย่างเดียวหรอกค่ะ" "นังคนนี้! พอลูกชายฉันไม่อยู่ เธอก็กล้าอวดดี" "เห็นคุณเทวาเป็นลูกอย่างที่พูดจริงๆ เหรอคะ" "พูดอะไรของเธอ" "ก็เห็นคุณแม่เอาแต่ชื่นชมน้องลศอยู่คนเดียว ทำเหมือนน้องลศคือลูกแท้ๆ ทั้งที่จริง คนที่เป็นลูกแท้ๆ คือคุณเทวา" 'เพี้ยะ' มือของคุณหญิงพลับพลึงฟาดลงที่ใบหน้าขาวๆ ของมุกริน "นังตัวดี ฉันปล่อยให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้านนานขนาดนี้ได้ยังไงนะ" มุกรินเพียงก้มหน้ารับคำต่อว่าจากแม่สามีและเดินเลี่ยงออกมาเท่านั้น แค่วันนี้เธอพูดกับคุณหญิงพลับพลึงมากกว่าคำว่าขอโทษก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว น้ำข้าวเข้ามาหยุดนั่งอยู่เบื้องหน้าเพื่อนสนิท "เพราะรักบังตา" แถมเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก "อะไร" "ปล่อยให้อาจารย์ทำแบบนั้นได้ยังไง แกรอมาหลายปี แต่ดันทำตัวแบบนี้เนี่ยนะ" "ก็แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ แบบนั้นมันทำให้ฉันได้คะแนนความไว้ใจนะ" "แกโดนของวะ ไปรดน้ำมนต์มั้ย" "บ้าเหรอ ของอะไรจะอยู่ยั่งยืนยาวมาถึงสิบห้าปี" "นั่นสิ ไปทำกับหมอไหนนะ หมอเขมรแน่ๆ" "พอเลย มีเรื่องแค่นี้ใช่มั้ย ตั้งใจจะมาด่าฉันแค่นี้น่ะเหรอ" "เรื่องคลังสินค้าด้วย" "เออใช่ ว่าไง" "อีกสองเดือนจะหมดสัญญา แต่ฝ่ายนั้นดันเล่นแง่จะเพิ่มค่าเช่า แถมถ้าเราไม่ยอมจะไม่ต่อสัญญาด้วย" "เหมือนจะง่ายนะ คิดว่าไม่มีอะไรแล้วเชียว" "ลองนัดคุยดู ถ้าไปเองจะดีกว่าส่งฉันไป" "ก็ตั้งใจไว้แล้วล่ะ" 'ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเลขาหน้าห้องของพิลาลศที่เดินเข้ามาพร้อมถาดของว่าง "คุณมุกมารึยังคะ" ทันทีที่พิลาลศเอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างน้ำข้าวก็เบะปากให้ "เพิ่งมาถึงค่ะ และรู้สึกว่าหน้าตาไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่" "เอ๊ะ... เกิดอะไรขึ้นคะ" "เห็นแว่วๆ มาว่าคุณหญิงพลับพลึงพยายามทำบางอย่างอยู่ค่ะ คงจะเกี่ยวกับตำแหน่งท่านประธาน" "โห นี่เป็นเลขาหรือเป็นนักสืบคะเนี่ย" น้ำข้าวได้ทีเอ่ยแซว "เป็นหูเป็นตาให้ท่านรองค่ะ" "คุณแม่คงบังคับให้คุณมุกสละตำแหน่งเหมือนที่เคยทำกับพี่เทวาแน่ๆ" "แบบนั้นก็ดีเลย จะได้ได้ตำแหน่งกลับคืนมาแบบที่ไม่ต้องลงแรง" น้ำข้าวพูดออกมาอย่างที่คิด "ไม่หรอก ฉันรู้ดีว่าคุณมุกจะไม่ทำแบบนั้น" "โธ่! จะบ้าตาย" คนเป็นเพื่อนได้แต่กุมขมับ พิลาลศเดินออกจากห้องทำงาน แต่สายตาก็เห็นใครคนหนึ่ง แค่เห็นเพียงหลังไวๆ ก็จำได้ ว่านั่นคือพี่สะใภ้ ดังนั้น ไม่ปล่อยไปแน่นอน  "เดี๋ยวค่ะ คุณมุกจะไปไหนคะ" ก็เพราะหล่อนเดินตรงมาทางบันไดหนีไฟ  "เลิกงานแล้วนี่คะ" น้ำเสียงดูตึงๆ จนพิลาลศรู้สึกได้ "แล้วทำไมมาทางนี้ล่ะคะ" "ก็เคยบอกไปแล้วไงคะว่าไม่ชอบใช้ลิฟท์" "งั้นหลังจากนี้จะไปไหนต่อคะ" "พี่ต้องไปที่นึงค่ะ"  พิลาลศยืนนิ่ง รู้สึกว่าตัวเองอาจจะมาผิดเวลา ก็เพราะสีหน้าของมุกรินดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย "แต่น้องลศไปกับพี่ด้วยได้นะคะ" แต่เสียงนี้ก็ทำให้คนฟังเผลอยิ้มออกมา แถมเมื่อเห็นใบหน้าของมุกรินดูจะเริ่มจะหายตึงๆ ซึ่งทำให้เธอก็คลายกังวลไปด้วย สถานบันเทิงในเวลาห้าโมงเย็นดูจะเบาบางด้วยผู้คน เพราะยังไม่ใช่เวลาของนักเที่ยว พิลาลศนั่งอยู่ข้างพี่สะใภ้ไม่ห่าง แถมหล่อนยังเอาแต่ดื่มเหล้าราวกับเป็นน้ำเปล่า "เครียดเรื่องอะไรคะ" "น้องลศคงยังไม่รู้ว่าคุณแม่สั่งให้พี่สละตำแหน่ง" น้ำเสียงอ้อแอ้บอกออกมา "อันที่จริงก็ได้ยินมาบ้างค่ะ" "รู้อยู่แล้วเหรอคะ" "พนักงานในบริษัทพูดกันน่ะค่ะ" มุกรินไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ หล่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด และหันมาหาพิลาลศอีกครั้ง "น้องลศเห็นด้วยมั้ยคะ" "เรื่องตำแหน่งลศก็อยากได้นะคะ แต่ถ้าคุณมุกอยากทำเพื่อน้องแพร ลศก็ไม่ขัดข้องค่ะ" "จริงๆ แล้วพี่กลัวค่ะ กลัวว่าคุณแม่จะไล่พี่และน้องแพรออกจากบ้าน" "มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงคะ" "คุณแม่เอาแต่พูดตลอดค่ะ ว่าเห็นแก่คุณเทวาและน้องแพรจึงอนุญาตให้พี่อยู่ที่บ้าน" "อย่าคิดมากสิคะ คุณแม่ก็แค่ปากร้ายแต่ใจดี" "กับพี่ คุณแม่ไม่เคยใจดีแบบที่น้องลศพูด" คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลที่มุกรินดื่มไปหลายแก้วจึงทำให้หล่อนพูดออกมาไม่หยุด "แต่ถ้าลศยังอยู่ ลศไม่ยอมให้คุณมุกเดินออกจากบ้านไปง่ายๆ แน่นอนค่ะ" "ก็มีแค่น้องมุกที่ใจดีกับพี่ แต่คงเพราะสงสารใช่มั้ยล่ะคะ" "เพราะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันไงคะ" "ดื่มอีกสิคะ ดื่มเท่าที่พอใจ คืนนี้ลศจะพาคุณมุกกลับบ้านเอง" เพราะคำยุยง มุกรินจึงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีก ไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดคุยกันต่อ  "ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ" ผู้ชายหน้าตาดีวัยไล่เรี่ยกับพิลาลศหยุดยืนอยู่ข้างพวกเธอทั้งคู่ "ผมชื่อกิตครับ แอบมองพวกคุณอยู่นานแล้ว และเห็นว่า..." "ไม่ค่ะ" เสียงเอ่ยปฏิเสธออกจากปากมุกริน "เดี๋ยวสิครับคุณผู้หญิง แค่ทักทายยังไม่ได้.." "ค่ะ ฉันไม่สะดวกคุยกับผู้ชายคนอื่น" "แล้วใครว่าผมอยากคุยกับคุณล่ะครับ ผมอยากคุยและรู้จักสาวสวยท่านนี้ต่างหาก" เขาหมายถึงพิลาลศ ซึ่งการพูดจาของเขาดูไม่ให้เกียรติมุกรินเสียเลย "นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ" มุกรินโพล่งออกไปอีก และไม่แค่ปฏิเสธกับเขา หล่อนยังจับแขนพิลาลศไว้ด้วย "เราสองคนแต่งงานกันแล้วค่ะ" "ห๊ะ! อ อะไรนะ" เขาโพล่งออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ พิลาลศเองที่ได้ยินก็ตกใจเช่นกันกับคำพูดของมุกริน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา "ถ้าคุณไม่เชื่อ..." พูดก่อนจะหันไปหาคนที่กำลังทำหน้าเหวอ "น้องลศเอารูปชุดแต่งงานให้เค้าดูสิคะ" "อ๋อค่ะ" ได้ยินแบบนั้นก็รีบส่งโทรศัพท์ให้เขาดูตามที่มุกรินสั่ง นั่นทำให้เขาตาโตกว่าเก่ากับภาพที่เห็น ก่อนจะเดินหนีไปอย่างหัวเสีย "ท ทำแบบนั้นทำไมคะ" ทันทีที่อยู่กับสองคนพิลาลศก็เอ่ยถามคนข้างๆ ทันที "ก็สนุกดีไม่ใช่เหรอคะ ที่เห็นเขาทำหน้าเหวอๆ แบบนั้น" พี่สะใภ้เอ่ยออกมาอย่างร่าเริง ก็ใช่ สนุกอย่างที่หล่อนบอก พิลาลศเองก็เผลอยิ้มออกมาด้วย เค้าว่ากันว่า เวลาที่เหล้าเข้าปากก็คงจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของอีกคน ซึ่งก็กลายเป็นตอนนี้เธอได้เห็นอีกตัวตนหนึ่งของพี่สะใภ้ "ไม่เคยเห็นคุณมุกเป็นแบบนี้เลยค่ะ" "ปกติพี่ก็ไม่ค่อยดื่มค่ะ แต่พอมีน้องลศอยู่ด้วยก็อุ่นใจและกล้าขึ้นค่ะ" แบบนั้นยิ่งทำให้พิลาลศยิ้มไม่หุบ เอาแต่เฝ้ามองพี่สะใภ้ที่ยกแก้วดื่มอยู่เรื่อยๆ กับตอนที่หล่อนโปรยยิ้มมาให้ และตอนที่หล่อนส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา บ้างก็ฮัมเพลงไปกับเสียงที่ได้ยินภายในร้าน ซึ่งภาพตรงหน้าก็ทำให้พิลาลศถึงกับเคลิ้มมองไม่วางตา จนเผลอพูดเรื่องที่เก็บอยู่ในใจออกมา "ลศรักคุณมุกนะคะ แอบชอบมาตั้งแต่แรกเห็น" ที่กล้าพูดเพราะมั่นใจว่าคนที่กำลังส่งยิ้มให้ไม่อาจครองสติได้ "อะไรนะคะ เมื่อกี้พี่ฟังไม่ถนัด" เธอถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ  "ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วค่ะ อยากกลับเลยมั้ยคะ" "จริงด้วยสิ ถ้าอยู่ดึกกว่านี้ พี่คงจะทำตัวเป็นภาระให้น้องลศ" "ไม่ใช่ภาระหรอกค่ะ" พูดก่อนจะเดินไปใกล้คนเมาและพยุงตัวหล่อนออกจากที่นั่ง รถยนต์ของพิลาลศเลี้ยวเข้าจอดภายในรั้วบ้าน เธอเลือกที่จะพาร่างคนเมาเข้าบ้านด้วยตัวเอง โดยแบกพี่สะใภ้ขึ้นหลัง เพราะไม่อยากเรียกให้คนในบ้านตื่นขึ้นมาในเวลานี้  ร่างมุกรินถูกวางบนเตียงด้วยความเบามือ ก็อยากทะนุถนอมหล่อนให้มากที่สุดแม้ตอนที่ไร้สติก็ตาม "เห้อ..." พิลาลศส่งเสียงออกมาเพราะความปวดเมื่อยที่หลังก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียงเพื่อระบายความเหนื่อย "ตอนไม่มีสติก็น่ามอง พอตอนเมาก็ยิ่งน่ามองเพราะสวย" พิลาลศพูดกับคนเมาด้วยใบหน้ายิ้มปริ่ม เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง ตัวเธอเองก็ควรจะกลับห้องตัวเองได้แล้ว คิดอย่างนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปหยุดยืนข้างคนเมา หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ถึงคอ ก็กลัวว่าหล่อนจะหนาวเพราะอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง "ฝันดีนะคะ คุณมุกของลศ" ได้ทีแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ก็ต้องเอาคืนที่หล่อนพูดมันต่อหน้าผู้ชายคนนั้นว่าพวกเธอแต่งงานกันแล้ว แต่คนที่เอาแต่ยิ้มไม่หุบก็ต้องสะดุ้งตัวโยนเพราะมือของคนเมาเลื่อนมาจับแขนเสียแน่น และลืมตาขึ้น "รักพี่จริงๆ เหรอคะ" เสียงแหบพร่าออกจากปากคนเมา นั่นทำให้คนฟังตาโตทันที ก็คิดว่าที่พูดออกไปหล่อนจะไม่ได้ยิน แต่ตอนนี้ดันมาถามกัน "เอ่อ คือ คือลศ ลศแค่" "นอนด้วยกันเถอะค่ะ อย่าไปเลย" พิลาลศยืนนิ่ง เพราะเอาแต่คิดไปไกล ที่ชวนนอนด้วยนั้นนอนแบบไหน ใบหน้าเธอแดงก่ำขึ้นทันที "นอนด้วยกันเถอะนะคะ" และยิ่งคำย้ำแบบนั้นอีก คืนนี้ ภายในความมืด สองสาวนอนข้างกันโดยใช้ผ้าห่มผืนเดียว คนหนึ่งที่หลับสนิทเพราะความเมา แต่อีกคนไม่อาจข่มตาหลับได้ พิลาลศเอาแต่นอนมองเพดาน ก็นี่คือครั้งแรกที่พวกเธอนอนด้วยกัน  กลิ่นกายของพี่สะใภ้อบอวลไปทั่วทั้งห้อง รวมถึงบนหมอนและผ้าห่มนี้ด้วย  เล่นเอาพิลาลศนอนนิ่งไม่กล้าขยับ  คงจะเสียเที่ยว เพราะคนข้างๆ อนุญาตให้ร่วมเตียงด้วยแท้ๆ แต่เธอกลับไม่กล้าทำอะไรเกินเลยอย่างที่เคยจินตนาการไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม