กฎของธรรมชาติ

2003 คำ
ริมแม่น้ำยามพลบค่ำดวงวิญญาณหญิงสาวนั่งกอดเข่าเหม่อมองลงไปใต้น้ำรอเวลาที่ต้องกระโดดลงไปกิจวัตรประจำวันหลักก็มีเพียงเท่านี้ “อีหนูมานั่งทำอะไรอยู่นี่” เสียงแหบพร่าของชายชราดึงความสนใจของดวงวิญญาณเร่ร่อนให้หันไปมอง “ตาเห็นหนูด้วยเหรอ” “เห็นสิ ก็นั่งอยู่นี่ไง มานั่งคนเดียวมืดๆ เปลี่ยวๆ แบบนี้มันอันตรายนะ” ดวงวิญญาณถอนหายใจเฮือกใหญ่วันนี้ไม่มีอารมณ์หลอกใครหรอกนะอยากให้ตาแกไปพ้นๆ สักที “ไม่มีใครทำอะไรหนูหรอก ตาเถอะไม่กลัวผีหรือไงแถวนี้ผีเยอะนะ” “เฮ้อ เองดูไม่ออกหรอกเหรอว่าตาก็เป็นเหมือนกันกับเอง” ดวงวิญญาณสาวน้อยกวาดตาดูคนข้างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า มองไม่ออกเลยจริงๆ “ตาอยู่ที่นี่มานานกว่าหนูหลายปีมาก” “แล้วทำไมหนูถึงเพิ่งจะเห็นตาล่ะ” “ปกติตามาแค่กระโดดน้ำแล้วก็หายไป” “หายไปได้ด้วยเหรอ” “เราเป็นวิญญาณ จิตเป็นที่ตั้ง ถ้าจิตสงบเราก็ควบคุมตัวเองได้” “ลุงเคยเข้าร่างใครหรือเปล่า” “ไม่เคย แต่รู้ว่ามันทำได้เพียงแต่…” “แต่อะไร” “มันผิดกฎธรรมชาติ แล้วมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วย” “ผิดกฎยังไง แล้วใครเป็นคนตั้งกฎ” “วิญญาณกับร่างไม่ได้เป็นคนเดียวกันไง โอกาสที่มันจะเป็นไปได้มันน้อยมาก แต่ถ้าทำได้ก็มีโอกาสอยู่ในนั้นไปตลอดเลยนะ ที่ตาเคยได้ยินมา กฎนี้มันก็ตั้งขึ้นมาตามธรรมชาติมันนั่นแหละ” “แล้ว…วิญญาณเจ้าของร่างล่ะ” “ถ้าเค้ายินยอมดวงวิญญาณของเจ้าของก็จะแตกสลายไป ไม่ได้ไปเวียนว่ายตายเกิดอีก ไม่ได้ใช้กรรม หายไปเลยดับสลายไป” “มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอตา” “ไม่ง่ายเลยที่วิญญาณสองดวงจะอยู่ในร่างเดียวกันได้ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละขึ้นชื่อว่าธรรมชาติมันมีช่องโหว่เสมอ แต่ช่องนั้นมันไม่ได้ใหญ่มากพอที่จะเอาทุกอย่างลอดผ่านไปได้หรอก ถึงเวลาของตาแล้วตาไปก่อนนะ” สิ้นคำพูดตาก็กระโดดลงน้ำไปทิ้งวิญญาณสาวนั่งคิดทบทวนกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้มา แตกสลายหายไปเลยเหรอ ดับไปไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกเลยเหรอ หึ…ยิ้มที่แสนชั่วร้ายถูกกระตุกขึ้นที่มุมปาก ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคนดี ฉันไม่ได้เกิดมาเป็นนางเอก ถ้าเป็นคนดีแล้วโดนเอาเปรียบฉันจะต้องทำดีไปเพื่ออะไร… รุ่งเช้าของอีกวันร่างระหงในชุดนอนทิ้งกายหลับอยู่บนโซฟา อคิราห์ที่เพิ่งกลับจากปาร์ตี้เห็นภาพที่เขาแสนคุ้นตาก็ต้องแวะเข้าไปเพื่อปลุกให้ตื่น “หอม!! หอม!” มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาพร้อมกับค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง อคินจ้องมองดูในตาของตรงหน้าเขารู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าทุกข์ระทม แววตาที่เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบนี้ หรือว่า… “น้ำหอมใช่มั้ย” คำถามของอคิราห์ทำให้คนเพิ่งตื่นนอนเบิกตากว้าง ณ เวลาแบบนี้มันจวนตัวเกินกว่าจะแสร้งเป็นอีกคนได้ ปากเรียวสั่นริกด้วยความตื่นเต้นไม่รู้จะหลบแก้ตัวไปทางไหน “น้ำหอมจริงๆ ด้วย พี่โคตรคิดถึงเลย” อคินดึงร่างบางเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงสัมผัสนี้มันคือสัมผัสของน้ำหอมจริงๆ เขารู้สึกได้ “ปล่อย กู” “หอมไม่ต้องพยายามโหกพี่หรอก พี่รู้ว่านี่คือหอมไม่ผีร้ายนั่น มันทำอะไรหอมหรือเปล่า มันหลอกให้หอมไปกระโดดน้ำแล้วก็ขโมยร่างหอมไปใช่มั้ย” “ไม่!! หอมกระโดดลงไปเอง หอมอยากตายพี่เข้าใจมั้ย แล้วคนที่ทำให้หอมอยากตายก็คือพี่” อคิราห์ยืนหนึ่งความรู้สึกชาวืดอาบทั่วร่าง เขาพยายามหลอกตัวเองและโทษอย่างอื่นมาโดยตลอดว่าการตายของน้ำหอมนั้นไม่ใช่เพราะเขา จนกระทั่งเจ้าตัวยืนยันเองอย่างหนักแน่น “ปล่อย” “พี่ขอโทษ เรามาเริ่มใหม่กันได้มั้ยหอม ไหนๆ หอมก็กลับมาแล้ว” “เราเริ่มใหม่มากี่ครั้งแล้วพี่อคิน หอมเบื่อโลกใบนี้เต็มทนแล้ว” “ไหนหอมบอกว่ารักพี่ไง ทำไมหอมจะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้” “พี่คิดว่าการที่คนคนหนึ่งตัดสินใจตาย มันง่ายนักเหรอ การที่คนหนึ่งคนจะละทิ้งชีวิตตัวเองมันต้องเจออะไรบ้าง” “อะไรล่ะที่มันทำให้หอมตัดสินใจแบบนั้น” “ก็อะไรที่พี่ไม่เคยรู้เลยไง” น้ำหอมสะบัดตัวเองจนหลุดจากพันธนาการของอีกฝ่ายแล้วเลี่ยงที่จะเดินหนีออกมาที่สวนหลังบ้าน เขาไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยเลยจริงๆ น้ำหอมเดินหนีจากอคินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องแล้วลงมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ขณะที่กำลังเตรียมข้าวของสำหรับทำกับข้าว อคิราห์ที่เพิ่งอาบน้ำแต้งตัวเสรู้จก็รีบตรงเข้ามาในครัวเพื่อจะตามงอนง้อเมีย “หอม มาพี่ช่วยดีกว่า” “ไม่ต้องค่ะ พี่จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” “ก็พี่จะช่วยน้ำหอมนี่ไง” “ไม่ต้องค่ะ” แม้มือเรียวจะพยายามปัดป้องแต่คนหัวดื้อก็ยืนกรานจะช่วยให้ได้ เพล้ง!!! จนในที่สุดหม้อที่เตรียมเครื่องปรุงและวัตถุดิบก็คว่ำลงมาจนของในห้อกระจัดกระจาย นอกจากนี้จานบนโต๊ะก็ยังตกลงมาด้วย “พอใจหรือยังคะ บอกแล้วว่าไม่ต้องช่วย” “พี่ก็แค่อยากช่วย” “อยู่กันมาตั้งนานไม่เคยอยากช่วย หอมก็ทำของหอมได้มาตลอด พี่เห็นหรือยังคะว่าพี่ทำให้เรื่องมันยุ่งไปหมดแล้ว” “พี่ขอโทษ” “ช่างเถอะค่ะ เดี๋ยวหอมเก็บเองพี่ออกไปเถอะ” “หอม หอมจะไม่ให้โอกาสพี่อีกแล้วจริงๆ เหรอ เราผ่านอะไรกันมาก็ตั้งเยอะ พี่สัญญาว่าต่อไปพี่จะทำตัวใหม่ พี่จะไม่ละเลยความรู้สึกหอมอีกแล้ว” มือหนาจับประคองมือทั้งสองข้างของน้ำหอมขึ้นมาก่อนทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเธออย่างเช่นทุกครั้งที่เคยทำ ดวงตาที่สะท้อนแววสำนึกผิดบีบหัวใจคนขี้สงสารจนต้องหลบสายตา “พี่รักหอมจริงนะ หอมก็น่าจะรู้พี่ไม่เคยอยู่กินกับใครเลย คนอื่นก็แค่ทางผ่านทั้งนั้น สุดท้ายพี่ก็กลับมาหาหัวใจตัวเอง แต่ต่อไปมันจะไม่มีอีกแล้วหอม มันจะมีแค่เราสองคน” “แล้วถ้าหอมอยากมีลูกล่ะ พี่จะทำให้หอมได้หรือเปล่า” “อะไรนะ” “หอมบอกว่าหอมอยากมีลูก พี่จะยอมมีลูกกับหอมมั้ย” อคิราห์นั่งนิ่งไม่ยอมตอบอะไร การมีลูกถือเป็นหายนะสำหรับผู้ชายแบบเขา มันไม่พร้อมจริงๆ ลำพังทุกวันนี้ยังเป็นผัวที่ดีไม่ได้แล้วจะให้เป็นพ่อได้ยังไง ชีวิตเขายังคงต้องการความสุขจากการออกไปพบปะผู้คนไม่พร้อมจะอยู่ดูแลลูก ไม่พร้อมจะเป็นพ่อที่ดีในตอนนี้ “ทำไมอยู่ๆ ถึง…” “ไม่ได้ใช่มั้ย” “พี่แอยากรู้เหตุผล” “เหตุผลก็เพราะมันคือสิ่งที่พี่ไม่ชอบไง” “หอมก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบแล้วทำไม” “แล้วพี่ไม่รู้เหรอว่าสิ่งที่หอมต้องทนอยู่ มันคือสิ่งที่หอมไม่ชอบ” “หอมพูดเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจ” “ที่หอมทำทั้งหมดพี่คิดจริงๆ เหรอว่าหอมชอบ” “อะไร” “พี่คิดว่าหอมอยากเป็นแค่เมียเก็บของพี่ไปตลอดชีวิตเลยเหรอ พี่คิดว่าหอมอยากตื่นแต่เช้าขึ้นมาทำกับข้าวก็เพราะหอมชอบเหรอ พี่คิดว่าที่หอมทนเห็นพี่พาคนอื่นมานอนไปได้ตลอดชีวิตเลยเหรอ พี่เคยรู้อะไรบ้างวะ” “ก็นี่ไงหอม เราจะเริ่มใหม่ไปด้วยกัน” “เริ่มใหม่ ทำไมพี่ละสิ่งที่พี่ไม่ชอบไม่ได้อะ ทำไมพี่ไม่ยอมมีลูก” “หอม มันไม่เกี่ยวกันเลย” “พอ!! จบไม่มีก็ไม่มี” “หอม” “พี่ไม่ต้องฝืนตัวเองเพื่อหอมหรอกนะ พี่เคยทำตั้งหลายครั้งแล้วนี่ สุดท้ายมันก็ฝืนไม่ได้ คนเราฝืนความเป็นตัวเองมันไม่ง่ายหรอกนะ กับบางคนก็ทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” “คุณอคินคะคุณนายมาหาค่ะ” ขณะที่ทั้งคู่กำลังถกเถียงกันอยู่ก็เข้ามาแทรกก่อน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก พบว่าเจ้จวงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาผู้หญิงอีกหนึ่งคนมาด้วยนอกเหนือจากคนสนิทของเธอ “แม่มีอะไรหรือเปล่า” “หึ จะมาหาลูกชายฉันต้องมีธุระด้วยงั้นสิ” “ปกติแม่มาเองที่ไหนจะเอาอะไรก็โทรมา” ความจริงแล้วเจ้จวงมาที่นี่บ่อยมากเพียงแต่เขาไม่ได้อยู่บ้านทำให้ไม่รู้อะไรเลย “แล้ว…พาแอมป์มาด้วยทำไม” แอมป์เป็นลูกสาวเพื่อนของเจ้จวงที่เคยแนะนำให้อคินรู้จัก แต่ทั้งคู่เคยมีความสัมพันต่อกันเพียงไม่นานอคินก็ตีตัวออกห่างก่อนที่จะได้หมั้นหมาย น้ำหอมมองดูผู้หญิงในชุดเดรสสีขาวที่กำลังนั่งร้องไห้ปลอมๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม “จริงๆ เรื่องนี้มันควรเป็นเรื่องส่วนตัวคนใช้ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรควรจะออกไปให้หมด” เจ้จวงพูดพร้อมกับหันไปส่งสายตาดุคนใช้ที่กำลังตั้งหน้าสาระแนอยากรู้อยากเห็น “แกไม่ต้อง ถือว่ายกเว้น” พอน้ำหอมลุกขึ้นเจ้จวงก็รีบห้ามไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอตั้งใจใหน้ำหอมรับรู้เป็นพิเศษจึงพลาดไม่ได้ที่จะรั้งเธอไว้ “เรื่องอะไรแม่” “แอมป์พูดไปเลยลูก” เจ้จวงหันไปลูบหลังบอกกับเด็กสาวข้างๆ “หนู….หนูฮือ หนูท้อง” “อะไรนะ” อคิราห์ร้องลั่น จะเป็นไปได้ไงในเมื่อเขาป้องกันทุกครั้ง “นั่งลง!!” คนเป็นแม่ดุลูกชายเสียงแข็ง “มันจะเป็นไปได้ไง ก็ผมใส่ถุงทุกครั้ง แล้วแอมป์เองก็บอกว่ากินยาคุมไม่ใช่หรือไง” “ฮึก ทำไมพี่พูดแบบนี้” “ก็มันจริง คิดจะมาจับกันเลยนี่หว่า ท้องกับใครเอาให้แน่กูไม่เลี้ยงลูกคนอื่นหรอกนะเว้ย” น้ำหอมนั่งฟังคำพูดของอคิราห์แล้วก็รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะลุกออกมาเต็มทน “จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้นะอคิน แกต้องรับผิดชอบน้องเค้า” “แม่ แม่อยากอุ้มลูกใครก็ไม่รู้เหรอ” “หยุดพูดแบบนี้เลยนะ” “ก็มันจริงอะแม่ ให้ตายยังไงผมก็ไม่รับหรอก” “หอมว่าหอมขอตัวดีกว่า” “หอม หอมฟังพี่ก่อนนะ มันไม่จริงนะเว้ย” “ปล่อย” “หอมอย่าเพิ่งโกรธพี่ดิ เรื่องนี้พี่ก็แย่แล้วนะเว้ย” “ถ้ามันแย่มากก็ปล่อยหอม เคลียร์ตรงนี้ให้จบแล้วจะเอายังไงต่อค่อยมาบอกหอมก็แล้วกัน” น้ำหอมสะบัดแขนตัวเองออกจากมืออคิราห์แล้วเดินออกมาอย่างไม่หันกลับไปดู หึ ไม่ใช่พ่อของเด็กเพราะป้องกันแล้วงั้นเหรอ ทุเรศสิ้นดี บ้านหลังนี้มันโสโครกเกินกว่าที่ฉันจะทนอยู่ต่อไปแล้ว พอกันที จุดมุ่งหมายของน้ำหอมในตอนนี้คือจุดสุดท้ายที่เคยจบชีวิตตัวเอง ยอมไปสิ้นใจตายใต้น้ำครั้งแล้วครั้งเล่าดีกว่ามาทนกับสังคมสกปรกนี่ และอย่าได้อ้อนวอนให้ฉันกลับมาอีกเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม