ตอนที่ 9 รางวัลพระราชทาน

1413 คำ
หลังจากส่งถังฮูหยินกลับไปตำหนักจิ่งเหยินกงก็ต้องต้อนรับแขกอีกครั้งโดยที่ครานี้เป็นขบวนนางกำนัลกว่าสิบคนพร้อมหีบสมบัติอีกนับสิบหีบ “พระสนมเจาอี๋รับราชโองการ” ขันทีคนสนิทฮ่องเต้นำขบวนมาด้วยตนเองเท่านี้ก็เป็นการแสดงออกให้ผู้ที่อยากรู้อยากเห็นเดาได้ไม่ยากว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับเจ้าของตำหนักแค่ไหน ถังหย่าจือเดินออกมาก่อนคุกเข่าลงกับพื้น “เจาอี๋รูปโฉมเป็นเลิศ ทั้งยังฉลาดล้ำเกินกว่าสตรีทั่วไป มอบตำลึงทองห้าหีบ เครื่องประดับสามหีบ ผ้าไหมบรรณาการจากแคว้นเยี่ยนสองหีบ จบราชโองการ” ผู่กงกงลอบมองท่าทางของหนึ่งในสนมเอกพลางนึกพอใจกับความสุขุมไม่เผยสีหน้าใด “หม่อมฉันถังหย่าจือรับราชโองการ ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” มือนวลเนียนยื่นออกไปรับราชโองการสีทอง หญิงสาวได้แต่ใคร่ครวญว่านี่คงเป็นเงินลงทุนกระมัง มิเช่นนั้นเหตุใดเขาจะต้องมามอบให้หลังจากเจรจากันเสร็จ “ยินดีกับพระสนมเจาอี๋ที่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท” ผู่เติ้งเชาเยินยออีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้ง การลองเชิงเช่นนี้มีหรือที่คนงามจะไม่รู้ตัว “เป็นเกียรติที่ได้รับความชอบจากฝ่าบาท แต่อย่างไรเสีย ดอกไม้ในวังหลังล้วนขยันชูช่ออวดโฉมกันไม่เว้นวัน ไฉนเลยจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้สูงศักดิ์เอาไว้ได้นานนัก ต้องลำบากกงกงเป็นธุระให้” ริมฝีปากอิ่มโปรยยิ้มอ่อนน้อมถ่อมตน ทั้งยังทำเหมือนขอความช่วยเหลือหวังติดสินบนขันทีตรงหน้าอีกด้วย “พระสนมเกรงใจเกินไปแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวกลับไปดูแลฝ่าบาทก่อน” ผู่เติ้งเชาคำนับอย่างมีมารยาท เขารู้แล้วว่าทำไมฝ่าบาทจึงได้สนใจพระสนมเจาอี๋นัก แม้จะเอ่ยวาจาชวนเข้าใจผิดว่าต้องการหาพรรคหาพวก แต่สายตาลองเชิงนั่นคือการตอบโต้ที่เขาบังอาจล่วงเกิน “เชิญกงกง” เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญกลับไปตำหนักจิ่งเหยินกงก็วุ่นวายกับการตรวจสอบของพระราชทานอีกพักใหญ่ “ฉู่หง ไปห้องเครื่องกับข้า” เมื่อจัดการทุกอย่างจนเสร็จนางจึงออกคำสั่งกับคนสนิท “พระสนมต้องการสิ่งใดให้หม่อมฉันไปนำมาถวายจะดีกว่ารึไม่เพคะ” ห้องเครื่องเป็นสถานที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเกรงว่าจะรบกวนผู้เป็นนาย “ไม่เป็นไร ข้าอยากไปด้วยตัวเอง” “เพคะพระสนม” ร่างระหงลุกจากเก้าอี้นุ่มแล้วเดินตามนางกำนัลของตนไปยังจุดหมายซึ่งอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เมื่อมาถึงก็พบเหล่าข้ารับใช้มากมายกำลังวิ่งวุ่นเตรียมสำรับให้กับเจ้านายทั้งหลาย “พระสนมเจาอี๋เสด็จ” ฉู่หงส่งเสียงเรียกให้บรรดาทั่วบริเวณรับรู้ถึงการมาเยือนของหนึ่งในสนมเอก “ถวายบังคมพระสนมเจาอี๋” ทั้งหมดรีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม พวกเขาย่อมได้ฟังข่าวลือมาไม่น้อย “ลุกขึ้นเถิด” โฉมสะคราญมีรอยยิ้มประดับบนดวงหน้าพริ้มเพราจนทำให้หลายคนถึงกับยิ้มตาม “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” “ไม่ทราบว่าพระสนมให้เกียรติมายังสถานที่เช่นนี้ มีสิ่งใดให้กระหม่อมรับใช้พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าพ่อครัวรีบเข้ามาถามไถ่ด้วยความกังวลเกรงว่าอาหารของตนจะไม่ถูกปากสตรีสูงศักดิ์ “ข้าแค่อยากมาทำไก่ตุ๋นโสมไปถวายฝ่าบาทน่ะ รบกวนพ่อครัวช่วยเตรียมวัตถุดิบให้หน่อยจะได้รึไม่” มือบางยื่นกระดาษจดรายชื่อของที่ต้องการไปให้อีกฝ่าย “ในครัวทั้งร้อนและเหม็นควัน กระหม่อมเกรงว่าจะไม่ดีกับพระสนมพ่ะย่ะค่ะ ให้กระหม่อมลงมือเองดีรึไม่” ถ้าเกิดพระสนมเข้าครัวแล้วได้รับบาดเจ็บ เขาจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้ไหมเล่า “ข้าเข้าใจว่าเจ้ากังวลสิ่งใด ข้าจะระวังให้มาก ไปนำวัตถุดิบมาเถิด” ถังหย่าจือไม่อยากเสียเวลาจึงเดินเข้าครัวเพื่อดูว่าเครื่องไม้เครื่องมือวางอยู่ตรงไหนบ้าง ในชีวิตก่อนนางมักชอบทำอาหารกินเองเป็นประจำ แม้มิได้ล้ำเลิศแต่ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ “พวกเจ้ารีบไปเตรียมของมาให้พระสนม เร็ว!” ชายวัยกลางคนรีบเดินตามพยายามเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น รอเพียงไม่นานสิ่งที่ต้องการก็วางเรียงรายเต็มโต๊ะ ดวงตาหงส์กวาดมองด้วยความพอใจ พวกมันถูกทำความสะอาดมาพร้อมสรรพ ไม่ต้องรอให้ออกคำสั่งซ้ำซ้อนนับว่าห้องเครื่องทำงานได้เยี่ยม “พระสนม! กระหม่อมยกเองพ่ะย่ะค่ะ” เห็นมือขาวผ่องกำลังจะยกหม้อขึ้นตั้งไฟบนเตา หัวหน้าพ่อครัวจึงรีบเสนอตัว “ขอบใจเจ้ามาก” หญิงสาวหัวเราะอย่างขบขัน ในเมื่อเขากังวลถึงเพียงนั้น นางก็จะยอมถอยให้ก้าวนึง บนโต๊ะมีไก่ดำที่ถูกถอนขนล้างจนสะอาดเกลี้ยงเกลาวางอยู่ อีกทั้งยังมีสมุนไพรเง็กเต็ก ตังเซียม ฮ่วยซัว ปักคี้ รากโสม เก๋ากี้ พุทราแห้ง ขิง เกลือ เห็ดหอม ซึ่งได้ขอให้ทางหมอหลวงจัดมาในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายของฝ่าบาทจึงไม่ต้องกังวลว่าจะอันตราย ส่วนวิธีทำก็ไม่ยากเพียงต้มเครื่องตุ๋นสมุนไพรและขิงจนเดือด จากนั้นเขี่ยถ่านให้ไฟอ่อน ต้มต่ออีกสักสองเค่อ (สามสิบนาที) แล้วใส่ไก่ดำลงไปพร้อมเกลือเพื่อลดกลิ่นคาว พอน้ำเดือดก็ตุ๋นไก่อีกสักหนึ่งชั่วยาม (สองชั่วโมง) เนื้อไก่จะเปื่อยยุ่ยพอดีทำให้น่ากินมาก ระหว่างรอหย่าจืออยากจะทำของหวานสักหนึ่งอย่างไว้กินหลังอาหารคาว เหลือบไปเห็นพุทราที่ยังเหลืออยู่มากจึงแกะเอาแต่เนื้อพุทราที่เตรียมไว้มาโขลกให้ละเอียดดี ขั้นตอนนี้มีนางกำนัลเร่งเข้ามาช่วยไม่ยอมให้ถึงมือเจ้านายโดยเด็ดขาด เสร็จแล้วก็นำกระทะตั้งไฟ เทน้ำเปล่าพอประมาณ ใส่น้ำตาลคนให้ละลายเคี่ยวต่อจนเหนียว นำเนื้อพุทราที่บดแล้วใส่ลงไป ตามด้วยเกลือป่นกวนให้เข้ากัน เมื่อเป็นเนื้อเดียวแล้วถือว่าเสร็จสิ้น “เจ้าดูแลสำรับอยู่ที่นี่ ข้าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน จากนั้นค่อยยกไปรอข้าที่ตำหนักเฉียนชิง” คนงามสั่งการพร้อมสบตาคนสนิทอย่างสื่อความหมาย “เพคะพระสนม” ฉู่หงเข้าใจในทันที อาหารสำรับนี้พระสนมเจาอี๋เป็นคนลงมือทำ หากไปถึงฮ่องเต้แล้วมีสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา เกรงว่าพวกนางคงมิแคล้วโดนตัดหัว ถังหย่าจือเดินทางกลับตำหนักอย่างอารมณ์ดี ความโปรดปรานของบุรุษบนบัลลังก์มังกรแม้จะเป็นยาพิษที่อาจสังหารคนได้ เพราะเพียงแค่ได้รับความสนใจเล็กน้อยก็มีหลายตระกูลเตรียมวางแผนเขี่ยนางให้พ้นทางแล้วกระมัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นอาวุธร้ายที่ใช้ต่อกรกับศัตรูได้เช่นกัน วันนี้เขาได้แสดงออกอย่างชัดแจ้งโดยการมอบของพระราชทานมาให้ นางจึงหมายตีเหล็กตอนยังร้อนทำตัวเหมือนสตรีกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเพื่อหลอกล่อดูท่าทีเหล่าสนมเอกและขุนนาง “อยากรู้นัก พวกนางจะเคลื่อนไหวอย่างไร” สนมเอกคนที่เหลือล้วนมีภูมิหลังธรรมดา กระนั้นยังมีบางคนใช้ฐานะพระสนมของตนไขว่คว้าอำนาจจากตระกูลอื่นที่เข้ามาหนุนหลัง ซึ่งแน่นอนว่าคงมิได้มีเพียงคนสองคน ต่อให้หมิงฉวนฮ่องเต้สืบค้นเบื้องหลังมาอย่างดีก็ใช่ว่าจะเชื่อใจคนเหล่านั้นได้ คนที่ลงมือกับองค์หญิงน้อยก็เป็นสนมเหล่านี้นั่นแหละ เพียงแต่ว่าหากแหวกหญ้าให้งูตื่นคงไม่มีทางสาวไปถึงคนบงการ ใครกันนะที่สามารถชักใยวังหลังราวกับเบี้ยในกระดานเช่นนั้น “เอาเถอะ มาจัดการเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน” ดวงตาสีท้องฟ้ายามค่ำคืนมองเงาสะท้อนในคันฉ่อง รูปโฉมของพระสนมเจาอี๋นับว่าไม่ด้อย อาจเรียกได้ว่างามล่มเมืองเสียด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยหากจะก่อความอิจฉาริษยาแก่สตรีนางอื่น ยิ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เข้าหอกับฝ่าบาทด้วยแล้ว หลังจากนี้คงต้องตรวจทานสิ่งของในตำหนักอย่างเข้มงวด เกรงว่าทั้งยาพิษและเล่ห์กลมากมายคงถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนเป็นแน่ ...............................................................................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม