องค์รัชทายาทหรือองค์ชายจูหยวนเชียวเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างเร่งรีบ หลังได้รับข่าวว่า ไทเฮาหลีฮัวหลานหรือหลีไทเฮาทรงพระประชวร ความสนิทสนมระหว่างย่าหลานคู่นี้มีมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าสนิทกว่าหลานทุกคนก็ว่าได้ อาจเป็นเพราะองค์รัชทายาทเกิดจากหยูฮองเฮา ที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่องค์รัชทายาทอายุได้เพียงเก้าชรรษา หลีไทเฮารักหยูฮองเฮามาก เมื่อหยูฮองเฮาจากไปความรักจึงถ่ายเทมาให้องค์รัชทายาท
การเดินทางกลับเมืองหลวงเร่งด่วนครั้งนี้ ทำให้เขาพลาดอะไรไปหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือ สานต่อความสัมพันธ์กับหญิงสาวถูกใจ ระหว่างทางที่ขี่ม้ากลับมาเมืองใหญ่ เขานึกถึงรอยยิ้มของจางม่านอวี้ตลอดทาง ยามนึกพลังบางอย่างก็ปลุกระดมในกาย องค์รัชทายาทไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า เพียงแค่รอยยิ้มจะทำให้เขากระโจนสู่ห้วงความรักได้ ทั้งที่ในวังมีพระชายาเป่ยหลิงที่มีความงดงามมาก ลูกสาวขุนนางมีให้เลือกก็มาก ทว่าเขาหาได้สนใจ กลับสนใจจางม่านอวี้ สตรีที่ตรึงเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านย่าเป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทเอ่ยถามหลีไทเฮา
“กว่าเจ้าจะกลับมา ข้าก็หายดีแล้ว” หลีไทเฮาพูดเชิงน้อยใจ
“กระหม่อมได้ข่าวว่าท่านย่าป่วย กระหม่อมก็รีบกลับมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้านึกว่าเจ้าจะเที่ยวจนลืมย่าแก่ๆ คนนี้แล้วซะอีก” เขารู้ว่า ผู้เป็นย่ากำลังน้อยใจ เขาจึงลุกขึ้นเดินไปกอดหลีไทเฮา หอมแก้มเอาใจนาง
“กระหม่อมไม่มีวันลืมท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรักท่านย่า” เพียงแค่หลานรักทำแค่นี้ ไทเฮาก็ยิ้มแก้มปริ ความน้อยใจหายไปในพริบตา
“วันมะรืนจะมีการแต่งตั้งพระสนมคนใหม่ พ่อเจ้ามีเมียนับร้อย แต่เจ้านี่สิ มีเมียแค่คนเดียว แต่งกันมาตั้งหลายปีไม่มีแววว่าจะมีเหลนให้ข้า เจ้าน่าจะหานางในมารับใช้เพิ่มสักคนสองคน เจ้าจะได้มีเหลนให้ข้าอุ้ม เจ้าอย่าลืมสิว่า เจ้าคือองค์รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพ่อเจ้า เจ้าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีลูกสืบทอดบัลลังก์ต่อไป ข้ามองลูกสาวขุนนางไว้หลายคน ข้าจะเลือกให้เจ้าเอง”
องค์รัชทายาทมีพระชายานามว่า เป่ยหลิง นางเป็นบุตรสาวของอำมาตย์เป่ยกง นางเป็นพระชายาของเขามานานสี่ปี ทว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะได้ทายาทมาสืบทอดบัลลังก์ หลีไทเฮาจึงต้องจัดการหานางในมารับใช้ให้หลานรัก ก่อนที่จะมีเรื่องยุ่งๆ ตามมา คำพูดของหลีไทเฮา กระตุ้นความคิดบางอย่างในหัวขององค์รัชทายาท
“ถ้าหากกระหม่อมจะเลือกพระชายารองเองจะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ตามกฎราชวงศ์จู ฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่ายในเป็นคนจัดหา พระสนมของฮ่องเต้เป็นหน้าที่ของฮองเฮา ส่วนพระชายาขององค์รัชทายาทเป็นการตัดสินใจของไทเฮา
“พระชายารองหรือ” หลีไทเฮาทวนคำ สีหน้านางแปลกใจ ปกติแล้วแค่ตำแหน่งนางใน หลานรักยังไม่ใส่ใจ แต่นี่จะเลือกพระชายารองเอง ทำให้นางคิดว่า ผู้หญิงที่องค์รัชทายาทหมายปองต้องมีความสำคัญทางใจแน่นอน “เจ้าผูกใจกับหญิงใด เป็นลูกขุนนางคนไหน”
“กระหม่อมหมายปองสตรีคนหนึ่ง กระหม่อมอยากให้นางเป็นพระชายารองของข้า ท่านย่าให้กระหม่อมเป็นคนเลือกเองได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
จากสีหน้า แววตาขององค์รัชทายาท ทำให้นางรู้ว่า หลานรักจริงจังกับสตรีคนนี้มากแค่ไหน และยิ่งทำให้นางอยากเห็นหน้าสตรีนางนี้เร็วๆ นางคิดอีกเรื่องหนึ่งว่า หากจูหยวนเชียวได้พระชายารองที่มีความรักให้ นางอาจได้อุ้มเหลนเร็วขึ้น หลีไทเฮาจึงยอมแหกกฎ
“ข้าอนุญาต” องค์รัชทายาทยิ้มกว้าง หอมแก้มท่านย่า
“ขอบพระทัยท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ เสร็จจากงานสำคัญ กระหม่อมจะรีบไปหานาง”
“ข้าว่าตอนนี้เจ้ารีบไปหาเป่ยหลิงดีกว่านะ ข้าเห็นนางหน้าเศร้าอยู่หลายวันแล้ว เจ้าน่าจะทำดีกับนางบ้าง ไม่รักนางก็แย่พออยู่แล้ว อย่าทำหมางเมินไม่ใส่ใจนางเลย อย่างน้อยนางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาของเจ้า”
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่องค์รัชทายาทไม่มีลูก ความที่เป็นหญิงสาวที่ไม่ได้รัก ส่งผลให้เป่ยหลิงถูกหมางเมิน ไม่ได้รับการใส่ใจจากองค์รัชทายาทเท่าที่ควร หากนางให้หลานรักหาพระชายารองหรือนางในเอง บางทีเรื่องที่นางหวังอาจเห็นผลเร็วขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะ” ข้อนี้องค์รัชทายาทยอมรับว่าตัวเองผิด ทว่าเขาเป็นคนไม่ชอบฝืนใจตัวเอง ทำตามหน้าที่สามีในบางครั้ง เห็นทีวันนี้เขาต้องไปทำหน้าที่สามีที่ดี ไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบนางก็ยังดี
องค์รัชทายาทอยู่พูดคุยกับหลีไทเฮาอีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับ สถานที่ต่อไปที่เขาไปคือ ตำหนักหลันฮวา ตำหนักที่พระชายาของเขาพักอยู่
.........................
ระหว่างที่องค์รัชทายาทจูหยวนเชียวเดินไปตำหนักหลันฮวาที่อยู่ด้านหน้าของวังหลัง เขาต้องเดินผ่านตำหนักหนึ่งที่เป็นเพียงตำหนักเล็กๆ คนที่อยู่อาศัยคือพระสนมหรือนางในคนใดคนหนึ่ง แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ใครอยู่ตำหนักละแวกนี้จะเป็นคนนอกสายตาไม่ได้รับใช้ฮ่องเต้
องค์รัชทายาทเดินผ่านจุดนี้นับครั้งไม่ถ้วน สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เรียกความสนใจให้เขาสักเท่าไหร่ ทว่าวันนี้ไม่ใช่ เสียงพิณที่ดังออกมาจากตำหนักชิวเป่า ทำให้เท้าของเขาระงับเดิน หยุดฟังเสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยความไพเราะ ในขณะเดียวกันมันคือความเศร้าของผู้บรรเลงเพลง เสียงพิณกู่เจิงชวนหลงใหล เสมือนเสียงเพลงจากสวรรค์ที่ทำให้คนฟังเคลิบเคลิ้ม
“ตำหนักนี้ใครอยู่” องค์รัชทายาทเอ่ยถามนางกำนัล
“ว่าที่พระสนมคนใหม่ของฮ่องเต้เพคะ”
“ท่าทางนางจะเหงานะ เสียงเพลงช่างเศร้าเหลือเกิน”
องค์รัชทายาทเอ่ยขึ้น ทอดสายตามองตำหนักตรงหน้า ก่อนจะก้าวเท้าเดินห่างเสียงเพลงที่บอกถึงความเศร้า ขณะที่องค์รัชทายาทกำลังเดินเลี้ยวไปทางขวามือ หลินหลินได้ถือถาดน้ำชาเดินสวนมา ทว่าความมืดของยามราตรี ที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากตะเกียงที่นางกำนัลถืออยู่ ส่งผลให้เขาเห็นหน้าหลินหลินไม่ชัด ส่วนหลินหลินก็เดินก้มหน้าไม่ได้มองเขาเช่นกัน