เริ่มต้นแผน 1

2249 คำ
สองวันมานี้จางม่านอวี้คิดหาวิธีเข้าใกล้พระสนมมู่เซียน โดยที่อีกฝ่ายจะต้องไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังถูกล้วงความลับ เดิมทีจางม่านอวี้ตั้งใจเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับมู่เซียน แต่คิดไปคิดมา วิธีนี้คงไม่ได้ผล คนฉลาดอย่างสนมมู่เซียนต้องสงสัยว่า ตนเข้าไปทำความรู้จักเพื่อเหตุผลใด เพราะปกติเหล่าพระสนมจะชิงดีชิงเด่น ชิงเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ น้อยนักที่จะสามัคคีรักใคร่กลมเกลียว และนั่นอาจส่อพิรุธให้มู่เซียนจับได้ จางม่านอวี้จึงคิดหาทางอื่น ที่จะทำให้มู่เซียนไว้ใจและเชื่อใจนาง ทว่างานนี้นางทำคนเดียวไม่ได้ นางต้องมีคนช่วย และมีอีกเรื่องหนึ่งที่จางม่านอวี้บอกจิวฮองเฮา เรื่องนั้นคือเรื่องการติดต่อระหว่างนางกับฮองเฮา ก่อนจะถึงวันแต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระสนม จางม่านอวี้คิดว่า ไม่สมควรเจอกันบ่อยนักเพราะอาจทำให้มู่เซียนเกิดความสงสัย ทางใดที่ทำให้มู่เซียนเกิดความคลางแคลงใจ จำต้องตัดทิ้งเพื่อความสำเร็จในวันหน้า จางม่านอวี้ใช้วิธีเขียนจดหมายถึงฮองเฮาจิวหยวน ให้นางทำตามแผนที่ตนเขียนไว้อย่างละเอียดภายในจดหมายฉบับนั้น ก่อนจะให้เจี่ยเหว่ยนางกำนัลรับใช้ที่จิวฮองเฮาส่งมา นำสารดังกล่าวไปตำหนักกลาง จิวฮองเฮาเปิดจดหมายออกอ่าน นางกวาดตาอ่านข้อความที่จางม่านอวี้ส่งมาให้ ก่อนจะพับเก็บตามเดิม “ม่านอวี้ฉลาดมาก ลูกชักกลัวนางขึ้นมาซะแล้ว” ในขณะนั้น เสนาบดีฝ่ายกลาโหมและเป็นบิดาของนางนามว่า จิวฮุย อยู่ร่วมห้องด้วย นางจึงเปรยขึ้นมา “นางส่งแผนลับมาให้ข้าจัดการ” “แผนอะไรพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีจิวฮุยถามทันที “แผนที่นางจะเข้าถึงตัวมู่เซียนโดยที่มู่เซียนไม่มีทางเฉลียวใจ” “ถ้าแผนนั้นเป็นแผนที่ดีและทำให้งานของฮองเฮาสำเร็จลุล่วง กระหม่อมว่าก็ทำตามที่ม่านอวี้บอกเถอะพ่ะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องที่ม่านอวี้จะไว้ใจได้หรือไม่ กระหม่อมว่ามันมีทางออกพ่ะย่ะค่ะ” ตอนนี้ความหวังทั้งหมดอยู่ที่จางม่านอวี้คนเดียว หากนางสามารถล้วงความลับจากสนมมู่เซียนได้ ตำแหน่งของจิวฮองเฮาก็จะไม่สั่นคลอน และยิ่งเพิ่มขุมกำลังให้บุตรสาวของนางเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย  “ท่านพ่อบอกว่ามีทางออก ทางออกที่ท่านว่าคืออะไร” “ทุกคนต้องมีจุดอ่อน ที่ม่านอวี้ยอมทำตามแผนก็คงเพราะจางเฟย ฮองเฮาก็เพียงแค่ขู่ม่านอวี้ว่า หากนางคิดทรยศหักหลัง คนที่ชื่อจางเฟยจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ กระหม่อมว่าเพียงแค่นี้ก็ทำให้ม่านอวี้ไม่กล้าคิดทรยศฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” จิวฮุยบอกบุตรสาวที่พยักหน้าเห็นด้วย นางจำเป็นต้องกันไว้ดีกว่าแก้ ดูได้จากแผนการที่จางม่านอวี้เขียนบอก เป็นแผนที่นางเองก็ไม่คาดคิด และว่าด้วยเรื่องอำนาจไม่เข้าใครออกใคร ความฉลาดของจางม่านอวี้มีให้นางเห็นตั้งแต่แรก แม้ว่าอีกใจคิดว่า จางม่านอวี้ไม่มีวันขึ้นมาเทียบนางได้และไม่เหมือนกับมู่เซียน เพราะมั่นใจว่า ฮ่องเต้ไม่มีวันเหลียวมองทว่าจิวฮองเฮาก็ประมาทไม่ได้ “ลูกจะทำตามที่ท่านบอก” “แผนที่นางบอกฮองเฮาคืออะไรพ่ะย่ะค่ะ” จิวฮองเฮาบอกแผนที่จางม่านอวี้ให้ตนทำ ทว่าในรายละเอียดของแผนไม่ได้เจาะจงชัดเจน จางม่านอวี้บอกเพียงว่า ใช้วิธีไหนก็ได้ให้พระสนมมู่เซียนออกไปจากวัง และระหว่างทางที่กลับให้คนกลุ่มหนึ่งทำท่าทางคล้ายกับจะปล้น ทำให้เกี้ยวที่พระสนมมู่เซียนนั่งอยู่ล้ม คนกลุ่มนั้นล่าถอย จากนั้นจางม่านอวี้จะเข้าไปช่วยเหลือมู่เซียน จางม่านอวี้ให้จิวฮองเฮาทำแค่นี้ นอกนั้นจางม่านอวี้จะจัดการเอง “แล้วจะให้พระสนมมู่เซียนออกจากวังโดยที่นางไม่สงสัยได้ยังไง” หลังจากฟังแผนการของจางม่านอวี้เสร็จ เสนาบดีก็คิดหนักในข้อนี้ “เหมือนโชคเข้าข้างเรานะท่านพ่อ วันมะรืนนี้เป็นวันเกิดของแม่พระสนมมู่เซียน ทุกปีนางจะต้องออกไปหาแม่ของนางและเลี้ยงอาหารคนจน เราจะใช้โอกาสนี้แหละในการทำตามแผน” “อืม...ช่างโชคดีจริงๆ” เสนาบดียิ้มได้ ใช้มือลูบเคราสีเทาช้าๆ “ส่วนเรื่องคนที่ทำท่าคล้ายไปปล้น กระหม่อมจะจัดการเอง ฮองเฮาบอกม่านอวี้ให้ทำตามแผนได้เลย” “ลูกจะส่งจดหมายบอกให้นางรู้” “เรื่องแต่งตั้งจางม่านอวี้เป็นพระสนม ฮองเฮามีกำหนดหรือยังพ่ะย่ะค่ะ” เดิมทีกำหนดการแต่งตั้งจางม่านอวี้คือวันมะรืนนี้ เนื่องด้วยหลีไทเฮาทรงพระประชวร การแต่งตั้งพระสนมคนใหม่จึงต้องเลื่อนออกไป “อีกเจ็ดวันท่านพ่อ” เสนาบดีจิวฮุยพยักหน้ารับรู้กับคำตอบ “กระหม่อมขอตัวก่อนนะฮองเฮา ข้าต้องไปหาท่านเหลียว” “เจ้าค่ะท่านพ่อ” เสนาบดีลุกเดินออกจากห้องบุตรสาว จิวฮองเฮาหยิบกระดาษและพู่กันมาเขียนจดหมายตอบกลับให้จางม่านอวี้ ก่อนจะให้นางกำนัลรับใช้ไปส่งให้ว่าที่พระสนมคนใหม่ จากนั้นก็ให้ซูฉิวนางกำนัลรับใช้คนสนิทไปตามอำมาตย์หลิวฮวยเถา เพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง .............................. วันเริ่มแผน ขบวนเกี้ยวพระสนมมู่เซียนที่เสด็จไปบ้านเทียนเซียง มารดาผู้ให้กำเนิดที่อยู่ชานเมือง ไม่ได้จัดแบบเต็มขบวน เป็นเพราะการเดินทางครั้งนางมาแบบส่วนตัวเช่นทุกครั้งที่มาหามารดา จึงมีเพียงนางกำนัลคนสนิทสองคน นางกำนัลรับใช้อีกหนึ่งคน ทหารสองนาย และคนแบกเกี้ยวสี่คนเท่านั้น พระสนมมู่เซียนมาถึงบ้านท่านแม่ในช่วงสาย มู่เซียนใช้เวลาอยู่กับมารดาสองชั่วยามจึงเดินทางกลับวัง การเดินทางครั้งนี้นางไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใด เพราะคิดว่ามันก็คงปลอดภัยเช่นทุกครั้งที่นางออกนอกวัง แล้วความที่นางไม่ระวังตัวนี้เอง ทำให้เกิดช่องโหว่เป็นช่องทางให้ศัตรูทำตามแผน ชายฉกรรจ์จำนวนสี่คนสวมชุดดำทั้งชุด ใบหน้าอำพรางด้วยผ้าสีดำเห็นเพียงดวงตา พวกเขาทั้งสี่ดักสุ่มอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ พอขบวนเกี้ยวพระสนมมู่เซียนมาใกล้ ทั้งสี่ได้แสดงตัวเป็นโจรตามแผน “หยุดนะ พวกเจ้าเป็นใคร” ทหารที่คอยอารักขาพระสนมมู่เซียนถามเสียงดัง ใช้หอกที่ตนถือมาตั้งท่าป้องกันพระสนม “ข้ามาปล้นพวกเจ้าไงละ พวกเราจัดการเลย” หนึ่งใส่ตอบกลับ ก่อนจะกรูเข้าไปยังขบวนเกี้ยว ทหารอารักขาต่อสู้กับโจรทั้งสี่อย่างไม่เกรงกลัว “เกิดอะไรขึ้นซือเหมี่ยว” มู่เซียนที่ได้ยินเสียงคนพูดเสียงดัง และตามด้วยเสียงต่อสู้ นางจึงเอ่ยถามนางกำนัลคนสนิท และเปิดม่านออกมาดูเหตุการณ์ มู่เซียนทำหน้าตกใจที่เห็นทหารกำลังต่อสู้กับชายชุดดำ “รีบพาพระสนมหนีก่อนเร็วเข้า” ซือเหมี่ยวเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งคนหามเกี้ยวให้พาเจ้านายของตนหนีออกจุดนี้ก่อนจะได้รับอันตราย ระหว่างนั้นทหารอารักขาที่มีเพียงสองคน ไม่อาจสู้ทหารฝีมือดีของเสนาบดีได้ ในที่สุดทหารสองนายก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ ลงไปนอนสลบบนพื้น “ตามมันไป” ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าสั่งลูกน้องอีกสามคนให้ตามเกี้ยวของพระสนม ซึ่งทั้งหมดตามทันในไม่กี่อึดใจต่อมา คนที่เป็นหัวหน้าใช้ดาบฟันลำแขนคนแบกเกี้ยวสองคนหลัง ส่งผลให้คนที่โดนฟันแขนปล่อยมือจากเกี้ยวโดยปริยาย ทำให้เกี้ยวไม่สมดุล เกี้ยวจึงตกลงสู่พื้นคนแบกเกี้ยวสองคนที่เหลือมองด้วยความกลัวจึงวิ่งหนีตาย ไม่สนใจพระสนมมู่เซียนกับนางกำนัล มู่เซียนเมื่อรู้ว่าเกี้ยวตกลงบนพื้น นางจึงออกมาจากเกี้ยวด้วยท่าทางหวาดกลัว โดยมีซือเหมี่ยวและชิวเหมยยืนบังร่างพระสนมไว้ไม่ให้โจรเข้ามาทำร้าย “พวกเจ้ารู้ไหมว่า คนที่อยู่ในเกี้ยวคือใคร ถ้าพวกเจ้าไม่อยากถูกตัดหัวล่ะก็ รีบหนีไปให้พ้นหน้าซะ” ซือเหมี่ยวแม้ว่าจะกลัว แต่เพื่อปกป้องคนที่นางรักและเคารพ นางจึงใจกล้าสู้โจร “พวกข้าไม่รู้หรอก แล้วไม่อยากรู้ด้วย สิ่งที่ข้าต้องการคือทรัพย์สินเงินทอง พวกเจ้ามีเท่าไหร่เอามาให้หมด ไม่งั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าตายให้หมด” หัวหน้าโจรขู่ “ข้าไม่ได้พกเงินมาเยอะ มีแค่สิบตำลึงกับหยกอีกสองชิ้น ถ้าเจ้าอยากได้เอาไปเลย แต่อย่าทำอะไรพวกข้า” พระสนมมู่เซียนไม่หวงสมบัติที่ติดกายมา นางเป็นห่วงชีวิตของตนและนางกำนัลมากกว่า ซือเหมี่ยวรับทรัพย์สินที่เจ้านายยื่นให้ ก่อนจะนำไปให้โจรที่รีบรับไว้ ทว่าเป้าหมายของพวกเขาหาใช่ทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นอย่างอื่น หัวหน้าโจรจึงดำเนินแผนขั้นต่อไป “ข้าไม่อยากได้เพียงเท่านี้ ข้าอยากได้ตัวเจ้าด้วย” ความตกใจเกิดขึ้นบนใบหน้ามู่เซียน รวมถึงนางกำนัลที่ติดตามมาด้วย ทั้งหมดยังไม่ทันก้าวเท้าหนี โจรทั้งสี่ก็บุกเข้าประชิดตัว หัวหน้าโจรฉุดข้อมือมู่เซียนที่ไม่มีทางต่อสู้และขัดขืน ก่อนจะลากเข้าไปในพงป่าข้างทางส่วนนางกำนัลที่เหลือก็ถูกมัดมือมัดปาก โดยมีโจรกำมะลออีกสามคนยืนคุมเชิง “ปล่อยข้านะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” มู่เซียนพยายามร้องขอความช่วยเหลือ “ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก” พูดจบ มันก็เหวี่ยงร่างพระสนมลงไปบนพื้น มู่เซียนรีบขยับตัวหมายจะลุกหนี ทว่าก็ถูกโจรตรึงแขนทั้งสองข้างไว้เสียก่อน “อย่านะ อย่าทำอะไรข้า เจ้าอยากได้อะไรบอกข้า ข้าให้เจ้าทุกอย่าง” มู่เซียนต่อรองเสียงสั่น น้ำตารินไหล ในใจหวังว่า ขอให้โจรยอมรับข้อเสนอนาง “ก็ตัวเจ้านี่ไงที่ข้าอยากได้” คำตอบที่ได้ยิน เรียกความตกใจที่มาพร้อมกับความขยะแขยง มู่เซียนรู้สึกว่า โลกที่เคยสว่างไสวกำลังกลายเป็นสีดำ จากฝีมือโจรถ่อยนางเบิกตากว้าง ดิ้นรนสุดตัวเมื่อเห็นโจรโน้มหน้าลงมาใกล้ “โอ๊ย!” เสียงโจรร้องลั่นเมื่อมีของแข็งกระทบกลางหลัง เขาผุดลุกขึ้นยืน หันมามองทางด้านหลัง มองคนที่ทำให้เกิดเสียงร้องเจ็บ โจรกระพริบตาส่งสัญญาณให้จางม่านอวี้ นางจึงฟาดไม้บนแขนของโจรตามแผน “ไปนะ ไปให้ห่างๆ แม่นางคนนี้เดี๋ยวนี้นะ” จางม่านอวี้ตวาดไล่ก่อนจะตะโกนบอกมู่เซียน “แม่นางหนีไปก่อนเร็วเข้า หนีไป” มู่เซียนละล้าละหลัง อยากหนีก็อยากหนี แต่ก็เป็นห่วงคนที่มาช่วยเหลือตน นางเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีท่อนไม้เป็นอาวุธ จะสู้ชายร่างใหญ่ได้อย่างไร แถมชายคนนี้ยังมีอาวุธอีกด้วย “เจ้ามาขวางข้าทำไม อยากเจ็บตัวมากใช่ไหม” โจรตอบกลับ ชักมีดความยาวหนึ่งเชี้ยะที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมา “แม่นางหนีเร็วเข้า หนีสิ” จางม่านอวี้บอกมู่เซียนที่คราวนี้รีบทำตาม จังหวะนี้เองจางม่านอวี้พยักหน้าให้หัวหน้าโจรที่ปรี่เข้ามาหา “ขวางข้าดีนัก อย่างนี้ต้องสั่งสอน” หัวหน้าโจรกำมะลอใช้มีดฟันไปที่ท่อนแขนของจางม่านอวี้ ใช้ความชำนาญลงน้ำหนักมีดไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป “โอ๊ย!” เสียงอุทานร้องเจ็บของจางม่านอวี้ ทำให้มู่เซียนที่กำลังวิ่งหนีชะงัก หันมามองหญิงสาวที่ช่วยเหลือตนไว้ ที่ตอนนี้ลงไปนั่งกุมแขน มีเลือดไหลซึมเสื้อผ้า “หยุดนะ” โจรกำมะลอเงยหน้ามองเสียงที่ดังมาก่อนตัว ก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่า มู่เซียนเมื่อเห็นว่าทหารตรวจตราสามนายวิ่งมาทางตน นางจึงวิ่งไปหาจางม่านอวี้ ที่ขณะนั้นซือเหมี่ยวกับชิวเหมยวิ่งมาหามู่เซียนพอดี “พระสนมเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” ซือเหมี่ยวรีบถาม “ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าสองคนรีบดูแม่นางคนนี้ก่อนเถอะ นางช่วยข้าไว้” มู่เซียนสั่ง “เพคะพระสนม” ซือเหมี่ยวทำตามคำสั่ง แต่เพียงแค่นางทรุดตัวหมายจะดูอาการคนได้รับบาดเจ็บ จางม่านอวี้ก็สลบไม่ได้สติ เนื่องจากมีดของหัวหน้าโจรกำมะลออาบด้วยยาสลบตามแผนของจางม่านอวี้ “พระสนมเพคะ นางสลบไปแล้วเพคะ” “ทำอย่างไรดีเพคะพระสนม นางสลบไปแล้ว” ชิวเหมย นางกำนัลคนสนิทหันมาถามมู่เซียน “ชิวเหมย เจ้าไปตามคนของแม่ข้ามาที่นี่ ข้าจะพาแม่นางคนนี้ไปพักบ้านแม่ข้าก่อน” ระยะทางจากจุดนี้ไปบ้านมารดาห่างกันประมาณสองลี้ ซึ่งใกล้กว่าเข้าเมืองหลวง ชิวเหมยรีบวิ่งไปบ้านเทียนเซียงทันที พระสนมมู่เซียนทรุดกายนั่งข้างจางม่านอวี้ นางช่วยซือเหมี่ยวประคองร่างผู้มีพระคุณที่มาช่วยเหลือตนได้ทันด้วยความรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก น้อยครั้งนักที่มู่เซียนจะรู้สึกเช่นนี้กับคนแปลกหน้า นางไม่เข้าใจตัวเองว่า เกิดความรู้สึกนี้ได้อย่างไร ทว่านางพักความรู้สึกนี้ไว้ก่อน ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ อาการของจางม่านอวี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม