ตอนที่3 พระราชวังหยางเป่ย

1927 คำ
ภายในพระราชวังหยางเป่ยที่ใหญ่โตหรูหราวิจิตรตระการตาอลังการเหลือคณา มีตำหนักเล็กใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงรายอยู่หลายตำหนัก แต่ละตำหนักช่างเลอค่ามากมายหาใดเปรียบ ตำหนักสวยงามเหล่านี้ตั้งตระหง่านเป็นสง่าอยู่หลังกำแพงสูงชันที่สูงขึ้นไปจนต้องแหงนมองคอแทบหัก ทั้งยังมีความยาวมากมายจนไม่สามารถวัดได้ว่ากว้างและยาวเท่าไหร่ ม่านนีได้เดินผ่านกำแพงใหญ่หนาแห่งนี้เข้ามาได้หลายวันแล้วโดยที่ไม่ต้องเข้ารับการสอบคัดเลือกอันหนักหน่วงหรือการคัดกรองอย่างละเอียดถึงขั้นตรวจภายในส่วนสงวนอิสตรีอันใดให้วุ่นวาย ถึงแม้ว่านางจะยังไม่เคยต้องชายใด แต่การถูกล่วงเกินส่วนนั้นนางไม่จำเป็นต้องยอม และเนื่องจากนางได้ใบเบิกทางจากบิดาบังเกิดเกล้าของนางจากในป่าวันงานล่าสัตว์มาแล้วเป็นอย่างดีมันจึงทำให้นางได้เข้ามาในนี้ได้อย่างง่ายดาย ในยามนี้ ม่านนีกำลังอยู่ในอาภรณ์ของนางกำนัลชั้นล่างที่ปกปิดมิดชิดยิ่งกว่าอาภรณ์ที่นางใส่เป็นประจำยามเมื่ออยู่ในป่า ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงอาภรณ์ของบ่าวรับใช้ระดับต่ำสุดแต่ทว่ามันช่างดูดีเหลือเกินในความคิดของม่านนี สีของมันเป็นสีขาวล้วนพาดทับกันหลายชั้นหนาแน่นจนมิดชิดตรงลำคอนางถึงกับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมากมายเพราะว่ามันช่างผิดกับอาภรณ์ที่นางเคยสวมใส่เมื่ออยู่ในป่าใหญ่ อาภรณ์ทั้งเก่าทั้งขาดและมักจะหนาวเหน็บหาได้ปกป้องนางจากความเย็นเฉียบของอากาศแต่อย่างใด ชุดของนางกำนัลชุดนี้มีแขนเสื้อยาวและกว้างจนปิดเรียวมือและนิ้วทุกนิ้วได้มิดชิดชายกระโปรงพลิ้วไหวลากยาวแต่ไม่รุ่มร่ามมีกางเกงใส่เอาไว้ด้านในอย่างดี รองเท้าก็เป็นอย่างดีเดินได้ถนัดถนี่ยิ่งนัก นางชักจะชอบเสียแล้ว เป็นนางกำนัลก็ดีไม่น้อย ม่านนีคิดอย่างนั้นพลางเดินทอดน่องมากับคณะของเหล่านางกำนัลทั้งหลายเพื่อที่จะเดินขบวนไปตระเตรียมงานต่างๆ ในพระราชวังตามปกติวิสัย ม่านนีเพียงก้มหน้าก้มตาเดินไม่สนใจใคร เนื่องจากตามกฎแล้วนางกำนัลตัวน้อยไม่มีสิทธิ์เงยหน้าขึ้นแต่อย่างใด โดยเฉพาะเวลาที่มีบุคคลอันสูงศักดิ์อยู่เบื้องหน้าของเหล่านางกำนัล ซึ่งนั่นล่ะที่ม่านนีต้องการ ถึงแม้ว่าม่านนีจะก้มหน้าแต่สายตาเรียวสวยของม่านนีไม่ได้หลับลงทั้งยังมองได้อย่างถ้วนทั่วแบบรอบทิศทางไม่มีตกหล่นคล้ายกับดวงตาเสือจ้องล่าเหยื่อก็ไม่ปาน เมื่อขบวนของนางกำนัลชั้นผู้น้อยเดินมาเจอกับขบวนของนางกำนัลชั้นผู้ใหญ่ก็ต้องหยุดเดินให้นางกำนัลชั้นผู้ใหญ่ได้เดินไปก่อน และเมื่อได้เจอกับขบวนของเชื้อพระวงศ์ก็ต้องหยุดเดินและคุกเข่าก้มหน้าลงต่ำทำความเคารพคนพวกนั้น ม่านนีถึงกับยกยิ้มตรงมุมปากเมื่อได้เดินมาเจอกับขบวนขององค์หญิงผู้หนึ่ง ท่าทางขององค์หญิงผู้นี้หยิ่งยโสไม่เบา เชิดหน้าขึ้นฟ้า วางมาดดั่งนางพญา เท้าไม่ติดดิน หึ! หากเท้าไม่ติดดินให้ใบหน้าไถไปกับดินเลยเป็นไร ม่านนีคิดอย่างนั้นในใจพร้อมยกยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากหาได้มีใครสังเกตเห็นไม่ เมื่อขบวนขององค์หญิงผู้นั้นกำลังก้าวเท้าเดินผละไปจากขบวนของม่านนีเล็กน้อย นางเพียงแอบเอื้อมฝ่ามือน้อยๆ ของนางล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของตนแล้วหยิบเอาก้อนหินก้อนเล็กจากในสาบเสื้อมาถือเอาไว้ในมือ เพียงอึดใจนางจึงดีดก้อนหินก้อนเล็กนั้นออกไป และเมื่อก้อนหินก้อนนั้นถูกดีดไปจนเจอกับเท้าขององค์หญิงผู้นั้น ทำให้ผลที่ตามมาขององค์หญิงผู้เชิดหน้าขึ้นรั้นถึงชั้นฟ้าถึงกับล้มหน้าทิ่มอย่างเสียจริตกิริยาจนใบหน้างดงามแนบพื้นดินพาเอาขบวนนางกำนัลที่เดินตามพาล้มกันระเนระนาดไม่เป็นท่า อา...ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่ง งดงามจริงๆ ม่านนีคิดอย่างนั้นขณะใบหน้ายังคงก้มลงต่ำย่างเท้าก้าวเดินเนิบนาบไปตามทางโดยที่เบื้องหลังของขบวนที่ม่านนีกำลังเดินไปนั้นบัดนี้ได้เกิดความวุ่นวายเป็นการใหญ่ด้วยเพราะว่าองค์หญิงผู้เลอโฉมกำลังจะเสียโฉมเนื่องจากใบหน้าไถพื้นดิน หึหึ! ม่านนีหัวเราะอยู่ในใจ “จะเป็นอย่างไรนะ” จู่ๆ เสียงของนางกำนัลคนหนึ่งพลันเอ่ยกระซิบกระซาบขึ้น “นั่นสิ อาจจะเป็นแผลแล้วเสียโฉมเป็นแน่แท้” นางกำนัลอีกคนหนึ่งกระซิบกระซาบตอบกลับ “อา...ช่างน่าเห็นใจ” ม่านนีกระซิบกระซาบว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าเห็นใจเป็นอย่างมาก “อืม...” เสียงของนางกำนัลคนอื่นๆ เอ่ยเห็นด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งเหล่าขบวนนางกำนัลของม่านนีไม่อาจเข้าไปยุ่งวุ่นวายหรือช่วยเหลืออันใดองค์หญิงผู้นั้นได้เนื่องจากไม่มีคำสั่งจากผู้สูงศักดิ์ จึงไม่อาจทำการใด หากเข้าไปช่วยเหลือเกรงว่านางจะแอบซ้ำเติมเสียมากกว่า ม่านนีคิดด้วยใบหน้ายังคงก้มลงต่ำ “พวกเจ้า! ไม่มีสิทธิ์วิจารณ์เชื้อพระวงศ์ อยากตายกันใช่หรือไม่” เสียงของหัวหน้านางกำนัลชั้นล่างผู้อยู่เหนือขบวนเดินเท้าของม่านนีหันมาปรามทุกคนเสียงเข้ม ทำเอาทุกคนต้องหยุดพูดพล่ามก่อนพากันก้าวเดินไปตามทางดั่งเช่นปกติ เพียงอึดใจ รูปขบวนนางกำนัลของม่านนีพลันหยุดชะงักและต้องหยุดเท้าก้าวเดิน เมื่อเบื้องหน้าของพวกนางเป็นขบวนของราชองครักษ์หลายนายกำลังเดินสวนทางกัน กิริยาของเหล่านางกำนัลพลันเปลี่ยนไป จากที่สงบเงียบเรียบนิ่งกลับกำลังส่งสายตาระยิบระยับวิบวับกันเป็นการใหญ่ ม่านนีเพียงเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่เหล่านางกำนัลทั้งหลายมองไป จึงได้เห็นเป็นขบวนเหล่าของราชองครักษ์หลายนาย ราชองครักษ์พวกนี้เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่งามสง่าแต่ทว่าน่ายำเกรง โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเดินอยู่เหนือขบวน ถือได้ว่ารูปงามกว่าผู้ใด ทันใดนั้น เหล่าองครักษ์ทั้งหลายพลันหยุดเดินคล้ายกับต้องการจะหยั่งเชิงเหล่านางกำนัลทำเอาเหล่านางกำนัลทั้งหลายถึงกับต้องเก็บอาการบางอย่างกันแบบปางตาย ม่านนีถึงกับกลอกตามองบนกับกิริยาเข้มข้นเหล่านั้นของเหล่าบุคคลเบื้องหน้าของนาง ทันใดนั้นพลันมีขบวนของสนมนางหนึ่งรีบนวยนาดเดินมาตามทาง เหล่าราชองครักษ์และเหล่านางกำนัลในขบวนของม่านนีจึงรีบทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง แต่สนมนางนั้นก็หาได้สนใจการทำความเคารพของเหล่าผู้น้อยทั้งหลายไม่ ด้วยเพราะว่าพระนางกำลังเดินแกมวิ่งไปยังทิศทางที่องค์หญิงผู้หนึ่งกำลังนั่งกุมใบหน้าร่ำไห้อยู่ไม่ไกล ซึ่งมันก็เป็นอันเข้าใจได้ไม่ยาก ม่านนีเพียงก้มหน้ายกยิ้มตรงมุมปากอย่างพึงพอใจ เมื่อมองไปยังเมียน้อยของบิดากับน้องสาวผู้น่าสมเพชของนางผู้นั้น ถึงแม้องค์หญิงผู้นั้นจะไม่ถึงขั้นที่จะเสียโฉมตลอดชีวิต แต่ก็คงจะเป็นแผลอยู่นานหลายเดือนนางคงไม่สามารถเดินเชิดหน้าชี้ฟ้าอีกเป็นนาน หึหึ! ม่านนีหัวเราะในใจได้อีกครั้ง “ท่านราชองครักษ์เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” จู่ๆ เสียงหวานๆ ของหัวหน้านางกำนัลพลันเอ่ย ม่านนีเพียงเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงของหัวหน้านางกำนัล หญิงสาวเห็นหัวหน้านางกำนัลเอ่ยไปทางราชองครักษ์ผู้อยู่เหนือขบวนผู้นั้น เขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ งามสง่าเหนือใคร ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เรียวคิ้วเข้มหนา สายตาคมดุนุ่มลึก ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงสด ผิวพรรณขาวผ่อง เขาดูดีใช้ได้ ม่านนีจึงไม่แปลกใจว่าทำไมหัวหน้านางกำนัลถึงหลงใหลได้ปลื้มอย่างไม่อาจห้ามใจจนต้องส่งเสียงหวานๆ ออกไปอย่างนั้น และคำตอบที่ได้รับกลับมายังหัวหน้านางกำนัลก็คือความเงียบงันพร้อมใบหน้าเฉยเมยท่าทางเย็นชาจากหัวหน้าราชองครักษ์ผู้นั้น เขาเพียงปรายสายตาคมดุมองกลับมาดังพญาเหยี่ยวที่ไม่สนใจเหยื่อตรงหน้าแต่อย่างใด แต่ทว่าความเฉยชานั้นก็หาได้มีผลกับหัวหน้านางกำนัลในวัยสาวสะพรั่งอายุย่างเข้ายี่สิบปีนางนี้ไม่ นางคงอยากจะมีสามีเต็มที นางจึงยังคงส่งเสียงหวานๆ ออกไป “ท่านต้องดูแลสุขภาพนะเจ้าคะ” นางว่าอย่างนั้นโดยไม่สนใจสายตาของใครๆ ในยามนี้ทุกคนต่างเมียงมองและสนใจอยู่กับหัวหน้านางกำนัลผู้กล้าหาญชาญชัย และกำลังเมียงมองไปยังหัวหน้าราชองครักษ์ผู้นั้นอย่างไม่วางตา ม่านนีเห็นอย่างนั้นจึงสบโอกาสค่อยๆ ย่องออกมาอย่างใจเย็นเพื่อหมายจะหนีออกมาจากขบวนในยามนี้ การที่เป็นเพียงนางกำนัลชั้นต่ำตัวเล็กๆ ไม่โดดเด่นจึงทำให้ไม่เป็นที่น่าสนใจและจดจำ ทั้งยังมิได้ขึ้นตรงกับฝ่ายใดหรือตำหนักใด และยังมิได้เป็นบ่าวรับใช้องค์หญิงองค์ชายคนใด เช่นนั้นแล้วการที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแม้เพียงนิดเช่นม่านนีนับว่าเป็นเรื่องที่ดี ม่านนีเพียงหลบมานั่งอยู่หลังพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบไม่ไกลจากขบวนของนางกำนัลมากนัก เพื่อสังเกตการณ์ว่าไม่มีผู้ใดรู้ตัวว่ามีนางกำนัลตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งหายไปจากขบวน นางสังเกตเห็นว่าราชองครักษ์หนุ่มรูปงามผู้นั้นยังคงมีท่าทางเย็นชาเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าเขากำลังมองไปยังทิศทางหนึ่งทำให้เหล่านางกำนัลต้องมองตามกันอย่างพร้อมเพรียงโดยที่ไม่มีใครสังเกตว่ามีนางกำนัลคนหนึ่งหายไป นั่นจึงทำให้ม่านนีได้ทีสบโอกาสหลบเร้นซ่อนกายออกมาได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เพียงอึดใจ นางจึงใช้ความปราดเปรียวรวดเร็วหนีออกมาได้ เนื่องจากขบวนของนางกำนัลหยุดอยู่ใกล้ๆ กับพุ่มไม้ชูช่อสวยงามภายในอุทยานหลวงที่เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น ก้อนหินหลากหลาย มีสระบัว มีม่านน้ำตก คล้ายกับอยู่ในป่าสวยงามในภาพฝัน มันจึงมิใช่เรื่องยากที่ใช้ประโยชน์จากป่าเนรมิตเยี่ยงนี้ นางฝึกความเร็วแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้เมื่อครั้งที่ต้องหนีสัตว์ร้ายในป่าใหญ่อยู่เป็นนิตย์ในเวลาที่ต้องออกไปหาอาหาร และเพียงไม่นานม่านนีจึงออกมาจากกำแพงวังจากช่องเล็กๆ ขนาดเท่าสุนัขลอดได้ตรงมุมพุ่มไม้ลับตาคน นางลุกขึ้นยืนเพื่อยืดเส้นยืดสายเพียงนิดก่อนพลิ้วกายหลบมุมไปเรื่อยๆ มิให้ทหารยามพบเห็น หลายวันมาแล้วที่มารดาของนางต้องทนเหงานอนอยู่ในหลุมศพอย่างเดียวดาย เนื่องจากนางมิได้ไปทักทายเหมือนดังเช่นทุกวันก่อนหน้าที่ผ่านมา นางต้องไปนั่งคุยเล่นกับท่านแม่เสียหน่อย อา...นางแอบขโมยเหล้าชั้นดีมาจากในโรงครัวของวังด้วย ท่านแม่คงจะชอบอยู่ไม่น้อย นางจะต้องร่ำสุรากับท่านแม่เสียหน่อย รีบไปดีกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม