เสียงกัปตันบอกว่าเครื่องบินมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างสวัสดิภาพ แอร์โฮสเตสสาวมาทำหน้าที่เปิดประตู แต่ยังไม่มีผู้โดยสารลงไป เพราะคามินกำลังยืนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นว่าพี่เลี้ยงสาวทำท่าราวกับว่าจะเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ
“คุณจะนั่งอยู่ในนี้จริงๆ หรือ”
“ก็ฉันลุกไม่ขึ้นนี่คะ ขาฉันชาไปหมดเลย”
“ให้ผมช่วยไหม ยื่นมือมาสิ”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้อาการหนักขนาดนั้น แค่ชาตามมือตามเท้า เดี๋ยวเดียวก็หาย คุณลงไปก่อนก็ได้”
“น่าจะชาที่ปากด้วย จะได้เลิกพูดมาก ถ้าไม่ให้ช่วยก็รีบลุกขึ้นมาแล้วตามผมลงไป”
แต่อาการเหน็บชาและปวดขาไปหมด จากน้ำหนักตัวของจาคอป ที่นั่งทับเธอมาหลายชั่วโมงก็ยังทำให้นัทมนลุกไม่ขึ้น
นัทมนยังอิดออดจนคามินรู้สึกรำคาญ “ก็บอกแล้วให้ผมช่วย อวดดีแล้วเป็นยังไง”
เด็กน้อยที่ยังไม่ตื่นเต็มตา มองหน้านัทมนทำตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เลี้ยงสาวต้องนั่งติดหนึบกับเก้าอี้เพราะขาตึงและชาจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน
นัทมนนั่งร้องคราง พยายามจะลุกขึ้นขณะที่ยังอุ้มจาคอป แต่จาคอปพลิกตัวสะบัดไปมาเหมือนกำลังฝันร้าย เธอพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ซวนเซล้มลงกับเก้าอี้ดังเดิม
“โอ๊ย”
“ทำอะไรเชื่องช้า เสียเวลาคนอื่น อย่าบอกนะ ต้องให้ผมอุ้มลูกและอุ้มคุณลงจากเครื่องด้วย”
“คนบ้า! ใครจะให้คุณทำแบบนั้น ฉันลุกเองได้”
แต่ท่าทางที่เหมือนจะล้มทั้งยืนของยัยจอมงกก็ทำให้คามินส่ายหน้าแกมระอา
“นี่คุณ จะดันทุรังฝืนตัวเองทำไมอีก ไม่ไหวก็คือไม่ไหวสิ แค่บอกผม”
“ก็คุณรออยู่ แล้วก็เร่งฉันด้วยนี่คะ จะให้ฉันนั่งเฉยได้ยังไง” เธอเถียงกลับ เพราะสายตาท่าทางเขาบอกว่ารำคาญเธอมาก ในฐานะลูกจ้าง ใครจะกล้าปล่อยให้นายจ้างช่วยเหลือตั้งแต่วันแรก
“น่ารำคาญจริงๆ ผมไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่าที่จ้างคุณมาเป็นพี่เลี้ยงลูกชายผม” คามินว่าแล้วก็เดินดุ่มๆ มาอุ้มจาคอปจากเธอส่งต่อให้บอดี้การ์ดที่รีบตามเขามาติดๆ นัทมนเห็นท่าทางขึงขังของเขา ก็ร้องด้วยความตกใจเพราะเขาหันกลับเข้ามาหาเธอ
ยังไม่ทันได้ถาม ร่างเล็กของเธอก็ถูกเขาอุ้มขึ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แต่นัทมนก็ต้องรีบเอามือทั้งสองข้างคล้องคอเขาไว้เพราะกลัวตก
“คุณคามิน!”
“ผมขี้เกียจยืนรอคุณ หรือคุณจะเปลี่ยนใจกลับบ้านไปกับเครื่องบินลำนี้ แล้วชวดเงินค่าจ้างสิบล้าน”
ดวงตากลมโตขึงกว้างใส่เขา เธออยากจะข่วนหน้าหล่อๆ นี่เสียจริง “ฉันไม่กลับ มาถึงที่นี่แล้ว ยังไงฉันก็จะอยู่ให้ครบตามสัญญา”
“ดี ถ้างั้นก็ทำตัวนิ่งๆ ให้ผมอุ้ม” เมื่อนัทมนหยุดดิ้น คามินจึงหันไปหาเดมอนที่อุ้มลูกชายของเขาอยู่
“เดมอน นายดูแลจาคอปด้วย”
เดมอนพยักหน้ารับ “ครับ”
“พี่นัทดื้อมากครับแด๊ดดี้ แย่งขนมผมกินด้วย” จาคอปพอตื่นมาก็แผลงฤทธิ์ทันทีจนพี่เลี้ยงสาวต้องดุเบาๆ
“จาคอป!” นัทมนถลึงตาใส่ ลูกแมวเปอร์เซียตัวน้อยน่ารัก พอตื่นลืมตามาก็กลายเป็นลูกหมาป่าดังเดิม
“ไปครับ คุณหนูจาคอป” เดมอนรีบช่วยแก้ไขสถานการณ์ แต่หมาป่าน้อยก็ยังทิ้งท้ายไว้
“แด๊ดดี้อย่าดุพี่นัทเลยครับ ผมสงสารพี่นัท เธอคงหิวมากเลย ถึงได้แย่งขนมผมกิน”
“แด๊ดสัญญาครับ แด๊ดจะไม่ดุพี่นัทแน่นอน”
เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อ จาคอปจะเป็นเด็กดีเสมอ เด็กน้อยยิ้มน่ารัก ปล่อยให้เดมอนอุ้มไปอย่างว่าง่าย คามินมองตามลูกชายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหันมามองคนตัวเล็กในอ้อมแขน
“ทำตัวให้พูดง่ายเหมือนจาคอปด้วย ผมไม่ชอบผู้หญิงพยศ เรื่องมาก”
“แต่ฉันไม่ใช่ลูกคุณนะ” นัทมนแหวกลับ
คามินยิ้ม “เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เด็กโข่งอย่างคุณ อายุขนาดนี้คงต้องเป็นแม่ของลูกผมแล้วล่ะ แต่ผมคงไม่คิดสั้นแบบนั้น” เขาหัวเราะในขณะที่นัทมนหัวร้อน
“ฉันก็ไม่มีความคิด ที่จะเอาชีวิตตัวเองมาฝังไว้ในทะเลทรายเหมือนกัน สบายใจได้ค่ะ”
คามินยิ้มมุมปากแล้วไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก เขาอุ้มเธอเดินออกไปราวกับอุ้มปุยนุ่นเบาๆ
เมื่อเขาอุ้มเธอมาวางบนเบาะหลังรถ นัทมนเผลอเกี่ยวคอเขาตามมาด้วย ริมฝีปากหยักลึกแตะผ่านริมฝีปากเธออย่างบังเอิญหรือจงใจก็สุดรู้ รู้แต่ว่าเลือดในกายตอนนี้สูบฉีดแรง ดวงตากลมโตเบิกกว้างโดยอัตโนมัติ เคราครึ้มที่ยังเป็นตอแข็งนั้นครูดผ่านกลีบปากให้ความรู้สึกเจ็บนิดๆ แต่นั่นเป็นการยืนยันว่าเธอกับเขาได้จูบกัน แบบนั้นเรียกจูบหรือเปล่า นัทมนยังงุนงง
“คนบ้าออกไปห่างๆ นะ ไหนคุณบอกว่า...”
“ดีมาก ผ่านการทดสอบ เมื่อกี้ผมก็แค่อยากทดสอบความอดทน ว่าคุณจะทนเสน่ห์ของนายจ้างรูปหล่ออย่างผมไหวไหม ผมเป็นนักธุรกิจ บางครั้งต้องไปกินไปดื่มกับเพื่อนร่วมธุรกิจบ่อยๆ หากวันไหนกลับเข้าบ้านมาแล้วเจอคุณเข้า อารมณ์ของผู้ชายที่ไม่มีเมีย คุณน่าจะเข้าใจ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น จึงอยากให้คนที่มาทำงานด้วยมีสติ อดทนอดกลั้น ยับยั้งอารมณ์ตัวเองได้ จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง”
‘หืม แบบนี้ก็มีด้วย คนอะไร หลงตัวเองมากๆ’
นัทมนกัดฟันกรอด “ถ้าคุณเมาแล้วจะปล้ำฉัน ฉันจะเอาไฟแช็คเผาขนคุณ” ดวงตากลมโต ดำขลับมองตามขนยาวของเขา ท่าทางเขาจะขนดกไม่เบา ตามฝ่ามือและข้อแขนที่โผล่มาพ้นแขนเสื้อ เธอเห็นไรขนยาวเรียงตัวเป็นระเบียบ
“ตกลงไหม” นัทมนถามย้ำ