หลินหลินกลับมาจากอารามเต๋าก็เข้านอนพักผ่อน พอตื่นเช้าขึ้นมา ก็รีบลุกไปกินอาหารเช้าแล้วพูดกับทุกคน
“ท่านยาย ท่านลุงท่านป้าเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะบอกให้พวกท่านทราบ”
หลวนซูฮวาเห็นสีหน้าจริงจังของหลานสาวก็อยากรู้ รีบพยักหน้าเป็นเชิงให้พูดต่อ
หลินหลินมองใบหน้าทุกคนที่มองนางด้วยความรักความหวังดีจากใจ ก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปพำนักที่อารามเมฆขาว เพื่อไปศึกษาคำสอนของเต๋าให้ถ่องแท้ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าคิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับอดีตฮองเฮาอย่างข้า ข้าจึงต้องมาบอกให้ทุกคนทราบ”
หลินหลินพูดทิ้งท้ายให้ทุกคนคิด และตัวนางเองก็ทบทวนมาทั้งคืนแล้ว การไปอยู่ที่อารามโดยอ้างว่าจะไปเพื่อศึกษาธรรมจะทำให้ทุกคนในสกุลหลวนพ้นภัยได้ ตัวนางเองก็อาจจะลำบากนิดหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าให้ทุกคนต้องมาตายหมดเพราะนาง
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยคิดว่าต้องหันหน้าเข้าอารามตั้งแต่ยังสาว แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เพราะตอนเด็กอาม่าที่เลี้ยงนางมาก็พาเข้าวัดนั่งสมาธิบ่อยๆ
“เจ้าคิดดีแล้วหรือชิงหลินหลานยาย หรือว่าอยู่ที่จวนนี้ไม่สบาย”
“ข้าสบายกายดีเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่สบายใจ ข้าอยากไปสงบใจที่อาราม”
หลินหลินพูดมาถึงตรงนี้ทุกคนก็พลันเข้าใจโดยกระจ่าง เพราะเรื่องเลวร้ายที่เพิ่งผ่านไปอาจทำให้สตรีคนหนึ่งหมดกำลังใจจนอยากหันหน้าเข้าอาราม
“ถ้าเจ้าอยากศึกษาธรรมจริงๆ ยายก็ไม่ขัด”
“ลุงกับป้าก็แล้วแต่เจ้า”หย่งสือพูดขึ้น
“ชิงหลิน พี่ขอพูดกับเจ้าสักสองสามประโยคได้หรือไม่ แต่ขอให้ไปพูดด้านนอกกัน”
หลินหลินมองผู้อาวุโสที่อยู่ในโต๊ะนั้น เห็นว่าทุกคนพยักหน้าอนุญาต จึงเดินตามหลวนหย่งเล่อไปเงียบๆ
หย่งเล่อหยิบกำไลหยกออกมาจากอกเสื้อแล้วส่งให้ “พี่ให้เจ้า”
“ให้ข้าทำไมเจ้าคะ”
เขาเองทั้งสงสารและดีใจในการกลับมาของนาง ครั้งนั้นก่อนนางเข้าวังเขาเจ็บเจียนตาย แต่หากขวางนางเข้าวังเท่ากับกบฎต่อตระกูลและฮ่องเต้จะนำพาไฟแผดเผาตระกูล
“พี่มีความในใจจะสารภาพ พี่คงเก็บงำไว้ไม่ได้อีกต่อไป หากว่าเจ้าไม่รังเกียจพี่ เจ้ายินดีจะแต่งเป็นฮูหยินของพี่แล้วติดตามพี่ไปที่ชายแดนได้หรือไม่ เจ้าไปอยู่ชายแดนกับพี่เจ้าจะปลอดภัย”
หลินหลินเบิกตากว้าง มองหย่งเล่อด้วยความงุนงงที่แท้ญาติผู้พี่ของนาง พ่อรองแม่ทัพ หล่อล่ำ แอบอยากขย้ำน้องสาวบุญธรรม เอาละหวา เอาไงดีละทีนี้
“แต่ข้าเป็นหญิงม่ายนะเจ้าคะ ผู้ชายที่เพียบพร้อมไม่คู่ควรกับหญิงม่าย พี่ชายเคยได้ยินไหมเจ้าคะผู้หญิงที่ดีไม่จิบชาสองบ้าน”
หลินหลินบ่ายเบี่ยง ด้วยสถานะของเจ้าของร่างทำให้นางจะทำอะไรก็อึดอัดไปหมด ต้องคิดทบทวนให้ดี เป็นอดีตฮองเฮา เป็นหญิงม่ายที่ถูกขับไล่ออกจากวัง
“พี่จะไม่สนผู้ใดอีก พี่คิดอะไรกับเจ้าหรือเจ้าไม่รู้”
เฮ้อ ทำไมโชคชะตาเล่นตลกแบบนี้ จะว่าโชคดีก็ใช่ เพราะสวรรค์ส่งลงมาอยู่ในดงคนหล่อ แต่เจ้าของร่างเป็นหญิงม่ายจะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลัง
‘ว่าแต่นาง ถูกฮ่องเต้เคลมไปกี่ครั้งแล้วนี่’
“ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าไม่บริสุทธิ์ ข้ารักเจ้าที่หัวใจ หากว่านี่คือสิ่งที่เจ้ากังวลใจเจ้าก็เลิกคิดมากได้เลย ข้ารักเจ้า พร้อมจะปกป้องดูแลเจ้า ไม่ทำให้เจ้าเสียใจ” หย่งเล่อจับข้อมือบางขึ้นมาหมายใจจะมอบกำไลหยกให้
กายหงส์นี้เขาเคยหมายปองอยากแต่งนางเป็นภรรยา แต่วาสนาของเขาไม่ถึง เมื่อนางได้แต่งเป็นฮองเฮา เขาจึงขอออกไปรบที่ชายแดนเพราะทนมองนางแต่งเป็นภรรยาผู้อื่นไม่ได้ แต่ตอนนี้นางไม่ใช่ฮองเฮาแล้ว ฮ่องเต้ไม่ต้องการนางอีกต่อไป
หลินหลินดึงมือกลับแล้วส่ายหน้า หากนางคิดจะแต่งงานกับใคร นางจะต้องรักเขาคนนั้นและมั่นใจว่าเขาคนนั้นรักและจริงใจ แต่สำหรับบุรุษตรงหน้า มองอย่างไรก็คิดได้แค่พี่ชายแล้วตัดสินใจพูดตรงไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ข้าไม่ได้รักท่าน ท่านเก็บกำไลนี้ไปมอบให้กับสตรีที่รักท่านเถอะ ส่วนตัวข้านั้นข้ามีทางเดินของตัวเองแล้ว ท่านอย่าได้เป็นห่วง” หลินหลินพูดจบหมดจดในครั้งเดียว ไม่ต้องการให้หย่งเล่อผู้แสนดีต้องพบจุดจบที่ไม่สวย หากว่าแต่งนางไปเป็นภรรยาเขาคงตายเร็วขึ้นก็เท่านั้น หย่งเล่อคงแอบรักเจ้าของร่างนี้มานานจนลืมความปลอดภัยของตัวเอง ฮ่องเต้ถึงแม้จะไม่สนใจเจ้าของร่างนี้ แต่หากผู้ใดคิดเก็บไปชื่นชมคนผู้นั้นย่อมตกในอันตราย ฮ่องเต้เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่มีวันยอมถูกลูบคมหรอก
หากนางแต่งกับเขา เขาจะต้องมีจุดจบไม่ดีแน่นอน หย่งเล่อเป็นรองแม่ทัพมีอำนาจทหารในมือมาก นั่นคือสิ่งที่ฉินซือเฉิงต้องไม่ชอบใจแน่
หลินหลินหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้หลวนหย่งเล่อมองตามด้วยความเสียใจ หลินหลินกลับไปที่ห้องพัก
“ลู่เจียว จิวฮุ่ย ข้าจะไปพำนักที่อารามเต๋าเพื่อศึกษาธรรม พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะขอร้องท่านยายให้รับพวกเจ้าไว้”
“ไม่เจ้าค่ะ พวกบ่าวขอตามไปด้วย”
“พวกเจ้าแน่ใจหรือที่จะตามข้าไป”
“พวกบ่าวแน่ใจเจ้าค่ะ” ทั้งลู่เจียวกับจิวฮุ่ยมองหน้ากันและขานรับออกมาพร้อมกัน
“ดีมาก เราจะหลบเคราะห์กรรมนี้สักพัก หากสวรรค์เมตตาข้าอีกหน จะต้องทำให้ข้ามีหนทางได้กลับไปที่วังหลวงอีกครั้งเพื่อแก้แค้นให้จางชิงหลินให้ได้”
อารามเมฆขาว
หลินหลินมองความเงียบสงบร่มรื่นภายในอารามด้วยความพอใจ ขึ้นชื่อว่าอารามไม่ว่าแห่งไหนก็จะมีความร่มเย็นทำให้ใจสุขสงบไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม
หลินหลินเดินทางมาพักที่อารามเมฆขาวได้หลายวันแล้ว นางกับบ่าวทั้งสองพักอยู่ที่ปีกทางใต้ของอาราม และด้วยความช่วยเหลือของสกุลหลวนที่ออกหน้าให้จึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ภายในอารามไม่ลำบากมากนัก หลินหลินเริ่มปรับตัวได้แล้ว นางใช้เวลาว่างที่มีนั่งคิดหาหนทางต่อไปที่จะดำรงชีพ แม้หลวนซูฮวาจะมอบเงินให้ติดตัวมาจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าหากต้องอยู่ที่นี่ต่อไปก็ต้องมีอาชีพ