bc

ฮองเฮาเขย่าบัลลังก์

book_age18+
68
ติดตาม
1K
อ่าน
จบสุข
เบาสมอง
นักสืบ
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

หลินหลิน เด็กหญิงกำพร้าถูกนำมาวางทิ้งไว้หน้าบ้าน อาม่าเฉินเมตตาเลี้ยงดูนางและคอยเป็นแรงบันดาลใจ เมื่อโตขึ้นนางจึงยึดอาชีพเขียนบทละครตามความใฝ่ฝัน ชีวิตของหลินหลินต้องพลิกผันเมื่อซุปตาร์คนดังปฏิเสธบทที่นางเขียนขึ้น และส่งนางย้อนกลับไปในยุคต้าชิง เพื่อแก้ไขทั้งบทละครและเรื่องราวบางอย่าง ที่นั่นหลินหลิน ได้พบกับบุรุษรูปงามที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ท่านอ๋องเก้า ฉินจิ้นเหอ โอ้สวรรค์ ไยต้องแกล้งกัน ส่งนางลงมายืนงงๆ ในดงคนหื่นเช่นเขา!

“หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้วเพคะ อยู่ที่บ้านเกิดต้องนั่งเขียนบทกว่าจะได้เงินแต่ละครั้งเมื่อยจะตาย มารับจ้างเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทดีกว่า รายได้คงดีกว่ามาก”

“กล้าล้อเล่นกับข้าเหรอ ข้าเป็นฮ่องเต้ ไม่ใช่เพื่อนเล่นเจ้า มองข้าแบบนี้หรืออยาก...”

“อยากเพคะ มาครั้งนี้ หม่อมฉันมีแผนการ”

“เจ้ามันร้ายนัก คิดจะมาเขย่าบัลลังก์ข้าหรืออย่างไร”

“ไม่ใช่เช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ที่ดี นำพาแผ่นดินสู่ความเจริญ หม่อมฉันจะทำแบบนั้นทำไม”

“แล้วเจ้ามีแผนการอะไร จงบอกข้ามา” เสียงหวานสดใสมีเสน่ห์ชวนให้ลุ่มหลงก้มลงกระซิบเบาๆ ฉินจิ้นเหอมุ่นคิ้วพักเดียวก็หน้าแดงไปหมด

“จริงหรือ เจ้าจะกลับมาเขย่าแท่นบรรทมของข้า”

“เพคะ” นางออดอ้อนเสียงหวาน กล่าวจบแล้วซบลงบนแผ่นอกกำยำที่อบอุ่นจนนางไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดแคลนความรักแม้แต่น้อย

“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอดูฝีมือของเจ้าหน่อยว่าเจ้ามีฝีมือแค่ไหนกัน ขาเตียงของข้าแข็งแรงยิ่งนัก สงสัยเจ้าต้องเหน็ดเหนื่อยมากทีเดียว”

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
1
อาชีพไหนๆ มันก็เหนื่อยหมดทุกอาชีพนั่นแหละ คนที่ไม่เหนื่อยคือคนไม่ทำงาน ‘หลินหลิน’ ได้ยินคำนี้ออกจากปากใครคนหนึ่งซึ่งเธอเรียกมาตั้งแต่จำความได้ว่า ‘อาม่าเฉิน’ เสียดายที่เวลานี้ท่านเดินทางไปสวรรค์ได้หลายปีแล้วจึงไม่รู้ว่าเด็กกำพร้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าใครมาวางลืมไว้ที่หน้าบ้านอาม่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเวลานี้ไม่ได้เป็นเพียงเด็กสาวช่างฝันที่มักจะแต่งนิทานเพื่อนำมาเล่าให้คนสูงวัยอย่างอาม่าฟัง เวลานี้หลินหลินทำความฝันของเธอสำเร็จแล้วส่วนหนึ่งนั้นหญิงสาวยกให้เป็นความดีของคนติดละครอย่างอาม่า อาม่าเฉินชอบดูละครเรียกว่าหากเผลอตัวติดตามละครเรื่องไหนแล้วคงถอนตัวได้ยาก ไม่เคยพลาดสักตอน ไม่เพียงแต่ดู แต่อาม่ามักคาดเดาเนื้อหาไปข้างหน้าแล้วมักจะเดาทางถูกเสียด้วย อย่างว่าอาม่าของเธอผ่านโลกมามากจึงมักเดาได้ถูกเสมอ หลายครั้งทำให้หลินหลินที่นั่งดูละครอยู่ใกล้ๆ ต้องหันไปมองพร้อมกับตั้งคำถาม “ไอหยา หลินเพิ่งรู้ว่าอาม่าแอบไปเขียนบทเอง” พอถูกสาวน้อยตรงหน้าทักว่าอาม่าเป็นคนเขียนบทเองหรือไง นางฟ้าผู้ใจดีของหลินหลินมักจะมีใบหน้าแต้มรอยยิ้มแห่งความสุขอยู่เป็นนิจแล้วเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงแกมเอ็นดู “โตขึ้นหลินหลินเขียนบทละครนะ อาม่าจะรอดูละครที่หลินเขียนบทไง” ดวงตากลมโตสุกใสของสาวน้อยส่งยิ้มหวานไปถึงดวงตา เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอย่างชอบใจ“แล้วหลินจะทำได้เหรอคะอาม่า” มือเหี่ยวย่นที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนเอื้อมมาจับมือเล็กๆ แล้วบีบกระชับราวกับส่งทอดกำลังใจ “หลินจำคำของอาม่าไว้นะลูก ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้หรอก หลินมีสองมือเหมือนคนอื่นมี ทำไมถึงทำไม่ได้เชื่ออาม่าสิ ความสำเร็จสวรรค์ไม่ได้มอบให้กับทุกคน แต่สวรรค์มอบให้กับคนที่ก้าวผ่านความพยายามไปได้เท่านั้น” “ค่ะอาม่า” เด็กหญิงรับคำมันอย่างเรื่อยเปื่อยที่จริงความสนใจอยู่ที่ขนมมากกว่า มือเล็กๆ เอื้อมไปจิ้ม ‘ขนมจุ๊ยก้วย’ ซึ่งเป็นขนมชนิดหนึ่งที่ใช้แป้งข้าวเจ้าอย่างดีผสมกับน้ำใส่ถ้วยขนาดเล็กแล้วนำไปนึ่งให้สุก ราดหน้าด้วยหัวไชโป๊ผัดตามสูตร เป็นของว่างแสนอร่อยฝีมืออาม่าเฉิน ความอร่อยลิ้นทำให้หลินหลินจิ้มใส่ปากไม่หยุด รอยยิ้มบางๆ คลี่ขึ้นอย่างมีความสุข “ขนมของอาม่า อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ” อาม่าเฉินมองต้นกล้าอ่อนที่รดน้ำพรวนดินมาตั้งแต่เล็กจนเวลานี้ต้นกล้านั้นเริ่มเติบใหญ่เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเห็นต้นกล้านี้เติบโตได้อีกยาวนานเท่าไหร่ “หลินโตขึ้นให้ตั้งใจทำงาน ให้เหมือนตั้งใจกินนะ” เด็กหญิงชะงักค้างเมื่อเห็นขนมเหลือชิ้นเดียวในจานแล้วนึกละอายใจที่กินอยู่คนเดียวจนเหลือชิ้นสุดท้าย อาม่ายิ้มให้เด็กหญิงอย่างปราณีแกมเอ็นดู “ชิ้นสุดท้ายแล้ว ถ้ากินไม่หมด แสดงว่าอาม่าฝีมือตก” หลินหลินกลัวอาม่าเสียใจหากไม่กินให้หมดอาม่าคงผิดผวังแล้วเข้าใจผิดคิดว่าฝีมือตก มือขาวสะอาดยืดแขนไปตรงหน้าแล้วรีบจิ้มขนมจุ๊ยก้วยชิ้นสุดท้ายส่งเข้าปาก พร้อมับผลิยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในขณะที่ดวงตาทั้งสองหันกลับไปจ้องที่จอสี่เหลี่ยมหนาทึบไม่ได้แบนเรียบเหมือนทีวีจอแบบนในยุคปัจจุบัน โดยไม่คิดเลยว่านั่นคือแรงบันดาลใจให้เธอเลือกทำอาชีพเขียนบทเมื่อเรียนจบ ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ ยามค่ำคืนที่ทุกตำหนักทั่วทั้งฝ่ายในต่างเงียบสงัดแต่ละตำหนักต่างลุ้นระทึกกันอยู่ว่าฮ่องเต้จะเสด็จไปตำหนักใดหรือเจ้า ‘เสี่ยวหลงเปา’ จะเลือกวิ่งไปที่ใด เสี่ยวหลงเปามันไม่ใช่ซาลาเปาสูตรพิเศษที่มีน้ำซึมออกมาให้ดูดได้แต่เป็นเจ้ากระต่ายน้อยขนปุยแสนเชื่องสัตว์เลี้ยงขององค์จักรพรรดิ ร่างกำยำของบุรุษเพศต้องการได้รับความสำราญแต่บางคืนพระองค์ก็นึกสนุกเพราะเลือกไม่ถูกว่าจะให้นางใดเป็นผู้ปรนนิบัติดังนั้นจึงเป็นภารกิจของเจ้าสัตว์เลี้ยงน่ารักอย่างเสี่ยวหลงเปา มันวิ่งไปตำหนักใด พระองค์ก็จะเลือกเจ้าของตำหนักเป็นผู้ปรนนิบัติในค่ำคืนนั้นๆ เสียงหัวใจของฮองเฮาจางชิงหลินก็เต้นระส่ำเมื่อคนจากโรงอาภรณ์คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า “ทูลฮองเฮาเพคะ ยอดแห่งงานทอดิ้น คือผ้าลายดอกบัวผืนนี้ฝ่าบาทให้นำมาถวายฮองเฮาเพคะ” สีพระพักตร์บึ้งกรุ่นโกรธ ดวงเนตรงามประดุจนางพญาเข้มขึ้น นางรู้แก่ใจว่าฮ่องเต้ประทานผ้าไหมทอดิ้นผืนงามให้นางเพื่ออะไร นางยังไม่ทันเอื้อนเอ่ยสิ่งใด เสียงฝีเท้าหนักพร้อมเสียงเหล่านางกำนัลน้อยใหญ่กำลังใกล้เข้ามา คิ้วเรียวสวยเลิกสูงขึ้นอย่างใช้ความคิด “ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปีเพคะ” เสียงหวานใสของนางกำนัลในชุดงามแปลกตาหลากสีสันดังกังวานขึ้น จางชิงหลินไม่ต้องหันกลับไปมองก็รับรู้ได้ว่าใครมา หากประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับฮ่องเต้และพิธีในราชสำนักที่มีขั้นตอนมากมายในการปรากฏตัวแต่ละครั้ง นางจะเถียงว่ามันไม่จริงเสมอไปสำหรับฮ่องเต้พระองค์นี้ ‘ฉินซือเฉิง’ ‘ฮ่องเต้วิปริต’ ‘ฮ่องเต้ไบโพลาร์’ โรคทางจิตที่มีความฟุ้งซ่านและซึมเศร้าปะปนกันไป แม้ได้ยินชื่อของโรคชนิดนี้บ่อยในโลกใบเดิมของนาง แต่จางชิงหลินเชื่อว่าโรคนี้เกิดขึ้นมานานแล้วในยุคประวัติศาสตร์ อย่างน้อยฉินซือเฉิงคือคนหนึ่งที่เป็นโรคนี้เพราะประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย “พวกเจ้าไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฮองเฮาข้าจะดูแลนางเอง ถึงยามเฉิน (เวลา 07..00 น-08.59 น.)ข้าจะส่งฮองเฮาของพวกเจ้ากลับตำหนัก” เสียงขานรับและทำความเคารพค่อยๆ ถอยห่างออกไปใครจะกล้าขัดคำสั่งโอรสสวรรค์ คงถูกจักรพรรดิสั่งลากไปตัดคอ ฮองเฮาในชุดฉลองพระองค์สีทองเหลืองอร่ามกำลังมองที่ครอบนิ้วทำจากทองฉลุลายดอกไม้อย่างพึงพอใจหากนางทำได้จะหันไปตะกุยพระพักตร์ฮ่องเต้ใจร้ายให้เสียโฉมแต่นางเองคงหนีไม่พ้นถูกลากไปประหารอย่างโหดเหี้ยม “พวกนางกำนัลถูกข้าไล่ไปหมด คราวนี้เจ้าคงถอดชุดออกได้แล้ว เจ้าบอกเองถ้าเจ้าแพ้ข้า จะห่มคลุมด้วยผ้าลายดอกบัวเพียงผืนเดียวยืนกลางอุทยานดอกท้อ” พระพักตร์ของจางฮองเฮาซีดขาวไม่สู้ดีนัก “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” เมื่อแหงนพระพักตร์งดงามประกอบกับชุดที่สวมใส่ ฉินซือเฉิงอดคิดไม่ได้ร่างอรชรตรงหน้าเป็นฉางเอ๋อเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ในนิทานปรัมปราหรือฮองเฮาคู่บัลลังก์ที่พระองค์พยายามเลื่อยขาเก้าอี้ให้นางตกบัลลังก์ลงมาคอหักตาย น่าเสียดายรูปโฉมของนางที่งดงามล่มเมืองแต่สติปัญญาโง่เง่าเท่ากับไข่ปลา

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.3K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
8.0K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.2K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook