ฉินซือเฉิงกระตุกยิ้มมุมปาก “เจ้าออกไปทำตามสัญญาได้แล้ว”
สุรเสียงเร่งเร้า พระพักตร์ที่เคร่งขรึมขึ้นตามลำดับของฉินซือเฉิงทำให้จางชิงหลินใจเต้นแรงด้วยความไม่แน่ใจ “ฝ่าบาทจะให้หม่อมฉันออกไปยืนตากหิมะในเวลานี้จริงๆหรือเพคะ เวลานี้ยามซวี (19.00-20.59 น. )แล้วนะเพคะ” นางชักไม่แน่ใจแล้วว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่นของพระสวามีผู้สูงศักดิ์ของนางหรือไม่
ดวงตาคมดุเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว “ข้าไม่ได้พูดเล่น คำพูดของข้าเจ้ากล้าเห็นเป็นเรื่องเล่นเช่นนั้นหรือ”
จางชิงหลินตกใจกับน้ำเสียง จิตใจไม่สู้ดีนัก นางเพ่งมองดวงตาคมกริบของคนพูดก็ไม่เห็นแววล้อเล่น ดวงใจนางกระตุกรุนแรง ถ้าหากนางคลุมผ้าผืนเดียวออกไปยืนท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ร่างกายนางคงทนไม่ไหวต้องแข็งตายแน่
เสียงขันทีด้านนอกดังขึ้น ทำให้จางชิงหลินหันไปมอง คนที่เข้ามาใหม่ไม่รอให้นางอนุญาต ก็เดินกรีดกรายเข้ามา
“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ”
“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา” จางชิงหลินถามเสียงแข็ง จ้องหน้าคนมาใหม่ราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ นางคือเซียวลี่อิน ดำรงตำแหน่งกุ้ยเฟย และตอนนี้ก็เป็นที่โปรดปรานอย่างมาก
“พี่หญิงอารมณ์ไม่ดี หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันกลับออกไปก็ได้”
จางชิงหลินโมโหแต่ก็ข่มกลั้นอารมณ์ไว้ ตำหนักเย่วซินเป็นตำหนักของนางให้ใครเข้าออกได้ตามอำเภอใจหรือ นางมองหน้าคังกงกงที่ปล่อยให้เซียวลี่อินเข้ามาโดยพลการก็กำมือแน่น
“เจ้าไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้นลี่อิน ข้ามีเรื่องสนุกจะให้เจ้าดู” ฉินซือเฉิงพูดขึ้น สะบัดชายแขนเสื้อแล้วดึงร่างอรชรของเซียวลี่อินมาใกล้ๆ
“เรื่องอะไรเพคะ”
คำถามของเซียวลี่อินทำให้จางชิงหลินเองก็อยากรู้เหมือนกัน นางจ้องหน้าโอรสสวรรค์ที่เป็นพระสวามีร่วมผูกผม นางเห็นเขามองนางกลับมาด้วยแววตาเคร่งขรึม จริงจัง ร่างทั้งร่างของนางพลันสั่นยะเยือก
“ชิงหลินเจ้ายังไม่รีบเปลี่ยนชุดไปทำตามสัญญาอีก ที่ด้านนอกตอนนี้อากาศกำลังดี ข้ากับลี่อินอยากชมทิวทัศน์งดงามที่มีเจ้ายืนตากหิมะอยู่ข้าอยากดูว่าเจ้ากับหิมะอะไรจะขาวกว่ากัน คังกงกงสั่งให้ใครไปเตรียมสุรากับอาหารให้พร้อม ข้าจะร่ำสุราชมราตรีกับเซียวกุ้ยเฟย”
เซียวลี่อินยิ้มหวานชดช้อย ขณะที่จางชิงหลินเบิกตาแทบถลน ตอนแรกนางไม่เข้าใจพระสวามีของนางว่ากำลังทำอะไร แต่ตอนนี้นางเข้าใจดีแล้ว เขามอบผ้าดิ้นทองลายดอกบัวให้นางเพื่อให้นางชื่นชมในตอนแรกก่อนจะมอบความอัปยศอดสูที่สุดให้กับนางภายหลัง
พระสวามีของนาง ต้องการให้นางไปยืนตากหิมะให้เขากับเซียวลี่อินชื่นชมเปรียบเทียบความขาว เขาจะให้นางทำเช่นนั้นจริงๆหรือ
จางชิงหลินกำมือแน่น น้ำตารื้นขึ้นมา ร้อนไปทั้งทรวงอก คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่นางอภิเษกเข้ามาเป็นฮองเฮา นางพยายามแล้วที่จะตามใจพระสวามี เมื่อวานโอรสสวรรค์ให้นางเล่นหมากรุกโดยมีข้อแม้ว่าหากนางแพ้ นางต้องสวมผ้าผืนเดียวไปยืนตากหิมะ
นางต้องการเอาใจพระสวามีจึงยอมเล่น ตอนแรกนางจะชนะอยู่แล้ว แต่นางไม่อยากให้โอรสสวรรค์เสียหน้า นางจึงแกล้งแพ้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะให้นางไปยืนตากหิมะจริงๆ
‘ใจร้ายยิ่งนัก’
“ในเมื่อเป็นพระบัญชา หม่อมฉันก็จะทำตามรับสั่ง” จางชิงหลินตอบเสียงแผ่ว นางกัดฟันลุกขึ้นยืน นางไม่ใช่คนโปรด ทำอะไรก็ผิด ครั้งแรกที่เข้าหอเขาก็ไม่แตะต้องนาง นางก็ไม่ว่า แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าเขาไปเข้าหอกับนางกำนัลของนางแทน จนมาถึงบัดนี้นางกับเขาก็ไม่เคยร่วมเตียงฉันท์สามีภรรยาสักครั้งเดียว
ตอนแรกที่นางแต่งมาเป็นฮองเฮา นางยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าสักวันหนึ่ง ฉินซือเฉิงต้องเห็นความรักภักดีที่นางมีต่อเขาจนเขาใจอ่อนเมตตามอบความรักให้นางเอง แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าฉินซือเฉิงกำลังลุ่มหลงพระสนมคนโปรดอย่างมาก “ตอบได้ดี ฮองเฮาพูดแล้วไม่คืนคำ รีบไปทำเถอะ อย่าให้ข้ากับลี่อินต้องคอยนาน” ฉินซือเฉิงกระตุกยิ้มเหี้ยม มองฮองเฮาที่ได้มาเพราะถูกยัดเยียดด้วยความจำใจ ก่อนจะโอบรอบเอวสนมคนโปรดออกไป
จางชิงหลินขอบตาแดงก่ำกัดริมฝีปากแน่นดวงตาที่เคยส่องประกายงดงามตอนนี้กลับมีน้ำตาคลอหน่วย สองมือกำแน่น
ลู่เจียวกับจิวฮุ่ยนางกำนัลคนสนิทจึงค่อยๆคลานเข่าเข้ามากอดขานาง “ฮองเฮาเพคะอย่าออกไปเลยเพคะ หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวงมาแล้วบอกว่าฮองเฮาป่วย จะออกไปยืนตากหิมะไม่ได้”
มาบัดนี้จางชิงหลินเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว ฉินซือเฉิงต้องการเอาใจเซียวลี่อิน และต้องการทำให้นางอาย ถ้าหากวันนี้รอดชะตากรรมครั้งนี้ได้ ก็ต้องมีครั้งหน้าที่พวกเขาต้องการให้นางอายจนถอดถอนตัวเองออกจากตำแหน่งฮองเฮาเพราะฮองเฮาที่ไหนจะไปยืนตากหิมะเหมือนคนสติวิปลาส
“ข้าจะทำตามพระบัญชา พวกเจ้าไปหยิบผ้าลายดอกบัวผืนนั้นมา” นางสั่งเสียงต่ำแต่หนักแน่น นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามที่ฉินซือเฉิงต้องการ เพราะถ้าหากนางไม่ทำ เขาก็ต้องหาเรื่องอื่นมากลั่นแกล้งนางอยู่ดี เกือบหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันมา นางถูกเขาทำร้ายจิตใจนับไม่ถ้วน
ตอนนั้นนางต้องการนำรังนกไปให้แต่พอเขาเห็นหน้านางเท่านั้น ก็ทำหน้าบึ้ง พอนางเข้าไปใกล้ก็ผลักนางล้มจนกระดูกเคลื่อนเพราะอารมณ์เสียมาจากขุนนางใหญ่ในการประชุมที่ท้องพระโรง นางเจ็บจนต้องอยู่แต่ภายในตำหนักถึงหนึ่งเดือนแต่เขาก็ไม่เคยมาเยี่ยมสักครั้ง หรือบางครั้งก็ตำหนินางในเรื่องไม่เป็นเรื่องต่อหน้าสนมนางใน แต่ทุกครั้งนางก็อดทนได้เสมอมา
ลู่เจียวกับจิวฮุ่ยค่อยๆ เดินนำผ้าลายดอกบัวมาเปลี่ยนให้นางอย่างเชื่องช้า จางชิงหลินมองภาพตัวเองในกระจกแล้วหัวใจร้าวราน สวามีที่นางรักเทิดทูนกลับต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนางต่อหน้าสนมคนโปรด นางก็จะทำให้สมใจเขา
จางชิงหลินรู้ว่าอีกไม่ช้าตำแหน่งฮองเฮาคงหลุดลอยไปจากนาง แต่นางไม่สนใจจะยื้อไว้อีกแล้ว ความจริงนางต้องการแค่ความรักจากสวามีแต่เหมือนสิ่งนั้นจะหาไม่ได้ในตัวของฉินซือเฉิงแม้แต่น้อย
นางก้าวเยื้องย่างออกไปยืนหน้าลานตำหนักด้วยท่วงท่าราวนางพญา ทุกอิริยาบถแช่มช้อย ไม่มีหลุดท่าทางหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกให้บ่าวไพร่ที่รอชมเรื่องสนุกได้เห็น
ใต้ต้นท้อที่กำลังผลิดอกสีสวยมีร่างของจางชิงหลินยืนเศร้าอยู่
เซียวลี่อินมองร่างอรชรที่ยืนตากหิมะตัวหนาวสั่นด้วยสายตาพึงพอใจ ก่อนเข้าวังนางเคยเป็นสาวใช้ของจางชิงหลินพอเข้าวังมา จางชิงหลินก็พานางมาด้วย และในคืนวันเข้าหอ โอรสสวรรค์ได้ยินเสียงนางขับร้องเพื่ออวยพรให้ก็เกิดพึงใจจนขอนางไปเป็นสนมและร่วมอภิรมย์กับนางในวันเข้าหอแทนที่จะเป็นฮองเฮานั่นเอง
‘สะใจข้าน้อยยิ่งนักคุณหนู ตัดไผ่อย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าเหลือลูก คิดทำการใหญ่ ใจต้องเหี้ยม ข้าอยากเป็นฮองเฮาไม่กำจัดท่านแล้วจะขึ้นไปได้อย่างไร’
โอรสสวรรค์ผู้มักมากในกาม ชอบความตื่นเต้นในกามรส ยกร่างนางสนมคนโปรดขึ้นนั่งบนตัก ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของจางชิงหลิน นางปวดใจจนทนดูอีกไม่ได้จึงจะวิ่งหนีไป