บทที่ 5

1119 คำ
“เย้!!! ขอบคุณพ่อบลูกับแม่หมูมากค่ะ” กันติศาแทบกระโดดขณะร้องเสียงดังด้วยความดีใจกับคำอนุญาตจากบิดา และก็ไม่ลืมเอ่ยขอร้องบุพการีทั้งสองต่อว่า “พ่อบลูกับแม่หมู ห้ามบอกพี่บลูนะคะว่าชมพู่จะบินไปหาที่ประเทศคานาร์” “โอเคลูก แม่หมูไม่บอกหรอก ไม่ยังงั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” ปรีชยาพรหัวเราะขณะบอกลูกสาวในประโยคท้าย และผู้เป็นบิดาก็แสร้งกำชับเสียงเคร่งขรึมว่า “ห้ามป่วนพี่บลูมาก ห้ามทำให้ท่านชีคดาจิมและเจ้าหญิงอลิยาปวดหัวเพราะหนูชมพู่” “เพราะแม่หมูขี้เกียจฟังคำบ่นเป็นหมีกินผึ้งจากพี่ชายของหนู ที่โทร.มาฟ้องแม่ไม่เว้นแต่ละวัน” ปรีชยาพรเอ่ยต่อท้ายสามี เรียกเสียงหัวเราะร่วนได้จากสามีและตัวลูกสาวคนสวย ซึ่ง ต่างก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะตอนเรียนอยู่ที่อเมริกาด้วยกันกับพี่ชาย เธอสร้างเรื่องวุ่นๆ ให้พี่ชายต้องปวดหัวและโทร.ไปรายงานให้บิดามารดาทราบแทบจะทุกวัน “สัญญาค่ะว่าจะไม่ทำให้พี่บลู ท่านชีคและเจ้าหญิงอลิยาต้องปวดหัวมากมายเพราะหนูชมพู่” กันติศาชูนิ้วทำท่าสัญญาผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือให้บุพการีทั้งสองได้เห็น ซึ่งท่านทั้งสองต่างก็มองสบตากัน ก่อนจะส่ายหัวเพราะไม่เชื่อในคำสัญญาของลูกสาวคนนี้สักเท่าไร เพราะกันติศามีความสามารถทำให้พี่ชายปวดหัวได้ในทุกวัน ทว่า...ภูมินิทไม่เคยเบื่อหน่ายหรือดุน้องสาวคนนี้มากมาย เพราะภูมินิทรักและหวงน้องสาวของเขามาก...มากกว่าโดมินิทผู้เป็นบิดาซะอีก “โอเค ถ้าหนูชมพู่สัญญาแล้วพ่อบลูก็วางใจได้นิดหน่อย แม้มั่นใจว่าพี่บลูต้องปวดหัวอย่างแน่นอนก็ตาม” ผู้เป็นบิดาเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อทุกอย่างลงตัวทั้งเรื่องของลูกชายและลูกสาว จึงบอกกับลูกสาวว่า “ถ้ายังงั้นแค่นี้นะลูก พ่อบลูต้องไปทำงานก่อน พี่บลูบินไปประเทศคานาร์แล้ว พ่อต้องไปดูแลงานแทนพี่บลูสักพักใหญ่ๆ เอาไว้เจอกันที่ประเทศคานาร์เลย พ่อกับแม่จะบินตามไปเร็วๆ นี้เหมือนกัน” “ค่ะพ่อบลู” กันติศารับคำ และก่อนจะกดวางสายการสนทนาก็ไม่ลืมบอกรักบุพการีทั้งสอง “ชมพู่รักพ่อบลู แม่หมูค่ะ และก็คิดถึงมากๆ ด้วยค่ะ” “พ่อกับแม่ก็คิดถึงหนูจ้ะ” ปรีชยาพรตอบรับ และก็ต้องหัวเราะด้วยความขบขำเมื่อลูกสาวได้ฝากความคิดถึงถึงคนอื่นๆ ด้วย “ฝากความคิดถึงถึงน้าข้าวปุ้น อาคาเมลและน้องข้าวฟ่างด้วยนะคะ ไม่ได้เจอกันนานแล้วไม่รู้ว่าทุกคนคิดถึงชมพู่หรือเปล่า” “ยิ่งกว่าคิดถึงจ้ะ โดยเฉพาะข้าวฟ่างบ่นทุกวันว่าเมื่อไรชมพู่จะกลับประเทศไทย รายนั้นมีแผนเต็มหัวที่จะพาชมพู่ไปเดินป่าด้วยกัน” กันติศาอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นลูกสาวของน้าสาวของเธอ ‘ข้าวฟ่าง’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของน้าณิชาดาและอาคาเมล ซึ่งข้าวฟ่างก็แก่นแก้วพอๆ กับเธอ แถมยังมีสไตล์การใช้ชีวิตที่เหมือนกันมากจึงเข้าขากันได้ดี และหากคราใดที่เธอกับข้าวฟ่างได้อยู่ด้วยกัน ทุกคนในครอบครัวต่างก็บ่นอุบแทบไม่เว้นแต่ละวัน “บอกข้าวฟ่างด้วยนะคะว่าให้จัดโปรแกรมไว้เลยค่ะ ชมพู่กลับประเทศไทยเมื่อไรพวกเราจะไปเดินป่าท่องลำเนาไพรด้วยกันสักหนึ่งเดือน” “เฮ้อ...ถ้าข้าวฟ่างได้ยินคงกระโดดตัวลอยแน่ๆ” ผู้เป็นมารดาแสร้งถอนหายใจเสียงดัง จนกันติศาต้องหัวเราะร่วนด้วยความขบขำ และก็เอ่ยต่อท้ายมารดาว่า “และน้าข้าวปุ้นกับคุณอาคาเมลก็บ่นอุบเป็นหมีกินผึ้ง ตบท้ายด้วยการแอบส่งบอดี้การ์ดให้ตามไปดูหนูชมพู่กับข้าวฟ่างอยู่ห่างๆ” “รายนั้นหวงหนูชมพู่กับข้าวฟ่างซะยิ่งกว่าพ่อบลูอีก” คราวนี้โดมินิทอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อพูดถึงความห่วงและหวงของลูกน้องมือขวาของตนคือคาเมล ซึ่งได้แต่งงานกับณิชาดา น้องสาวของภรรยาของเขา กระทั่งให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าชังและแก่นแก้วคือ ‘ณัฐธิดา’ หรือ ‘ข้าวฟ่าง’ ซึ่งมีอายุเท่ากันกับกันติศาลูกสาวของตน แต่ข้าวฟ่างอายุน้อยกว่าแค่แปดเดือนเท่านั้น “โอเค แค่นี้นะลูก พ่อบลูขอไปทำงานก่อน” โดมินิทบอกลูกสาวอีกครั้งหลังจากหลุบมองเวลาเห็นว่าสายมากแล้ว “ส่วนแม่หมูก็จะไปวัดไปเยี่ยมหลวงพ่อ หลังจากไม่ได้ไปเยี่ยมท่านนานแล้ว” ปรีชยาพรเอ่ยบอกลูกสาวบ้าง “ค่ะแม่หมู...ชมพู่รักพ่อกับแม่ค่ะ” กันติศาคลี่ยิ้มหวานให้กับบิดามารดา ก่อนที่ท่านจะตัดสายวีดีโอคอล เมื่อวางสายจากบุพการีทั้งสองแล้ว ก็นั่งมองกระเป๋าเดินทางอยู่ชั่วครู่ จากที่คิดว่าต้องรื้อเสื้อผ้าเก็บไว้ในตู้เสื้อ ผ้าเหมือนเดิมก็ไม่ต้องแล้ว สามารถจัดกระเป๋าเดินทางต่อได้เลย เพราะเธอก็เปลี่ยนแผนแบบกะทันหันเหมือนกัน เธอจะบินไปประเทศคานาร์เพื่อไปเซอร์ไพรส์พี่ชายสุดหล่อ... เมื่อวางแผนจะไปเซอร์ไพรส์พี่ชายถึงประเทศคานาร์ กันติศาก็จัดกระเป๋าเดินทางต่อพร้อมกับฮัมเพลงอย่างมีความสุขระคนตื่นเต้น ที่จะได้แกล้งให้พี่ชายให้ตกใจเล่นกับการปรากฏตัวของเธอ และตั้งใจว่าจัดกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้วค่อยจัดการเรื่องหาตั๋วเครื่องบินไปประเทศคานาร์ แต่! จัดกระเป๋าเดินทางยังไม่เสร็จดี ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดจังหวะอีกครั้ง และก็รีบคว้าโทรศัพท์มากดรับสายโดยไม่ได้มองหมายเลขที่โทร.เข้ามา และเพราะคิดว่ามารดาคงไปถึงวัดแล้ว และได้โทร.มาบอกเธอ จึงเอ่ยถามออกมาว่า “แม่หมูไปถึงวัดและพบหลวงพ่อแล้วใช่ไหมคะ” “เปล่าครับ ผมเพิ่งมาถึงลอสแอนเจลิสครับ” คำตอบที่ได้รับเป็นเสียงห้าวทุ้มของผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของบิดาของเธอ และต้นทางที่โทร.มาก็พูดเป็นภาษาอังกฤษด้วย ทำเอากันติศาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง พร้อมกับลดโทรศัพท์ลงเพื่อดูหมายเลขที่โทร.เข้ามาว่าใช่หมายเลขของมารดาหรือไม่ เมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.เข้าซึ่งเธอไม่รู้จัก ก็เอ่ยถามอีกฝ่ายกลับคืนเป็นภาษาอังกฤษบ้าง “ขอโทษค่ะ คุณโทร.ผิดหรือเปล่าคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม