จอมทัพมองดูยาที่ลูกสาวเดินไปรินน้ำมารับประทาน กอหวายยังไม่รู้ว่าคนที่บอกบิดากับมารดาเป็นใคร แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม กอหวายไม่ได้สนใจอะไรนัก เพราะสุดท้ายแล้วไม่วันใดก็วันหนึ่งทั้งมารดาและบิดาคงได้รับการบอกเล่าจากตัวเธออยู่ดี
“น้าธูปพาไปหาหมอ หรือ” จอมทัพถามกอหวาย
“ค่ะ” กอหวายไม่รู้ว่า บิดารู้สึกอย่างไรกับเพื่อนของแม่
“จิตใจดีไม่เคยเปลี่ยน”
“เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันนี่นา พ่อคงรู้จักน้าธูป” กอหวายถาม
“รู้จักก่อนแม่เราเสียอีก”
“ใจดีเพราะเห็นหวายเป็นลูกของเพื่อน” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ
“น้ำเสียงแปลกๆ หรืออยากให้ใจดี เพราะเป็นตัวเรา”
“ทำไมแม่ไม่ชอบน้าธูปคะ หรือมีปัญหาอะไรกันตั้งแต่ตอนเรียน”
“ไปถามแม่เราเอาเองสิ” จอมทัพหัวเราะ ก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อได้นึกถึงธูปหอม
“อดหลับอดนอน เช็ดตัวให้หวายจนเกือบเช้าเลยค่ะ เกรงใจมาก”
“คนอย่างธูป ถ้าไม่อยากทำเขาจะไม่ทำ” จอมทัพบอก
“พูดเหมือนกันเลยค่ะ ถ้าคืนก่อนน้าธูปไม่อยู่ด้วยคงหนาวตายไปแล้วห่มผ้ายังหนาวถึงกระดูกเลย” กอหวายมีรอยยิ้มแปลกๆ
บิดาสังเกตเห็น
“เขากอดเอาไว้จนอุ่นเลยหรือ” จอมทัพถามลูกสาว
“พ่อก็” กอหวายทำท่าทางไม่อยากให้บิดาพูดดังไป
“แม่แกไปตลาด เจ้าหวาย เดี๋ยวนี้มีลับลมคมนัยกับพ่อแม่นะ เรา” จอมทัพพูดคล้ายดุ แต่ยังมีรอยยิ้มให้เห็น
“อุ่นใจค่ะ แต่อุ่นใจแปลกๆ” กอหวายเองยังไม่แน่ใจนักทั้งความ รู้สึกของตัวเองและความห่วงหาอาทรของธูปหอม
“ไม่ว่าเป็นแบบไหน พ่ออยากให้หวายซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง การฟังความคิดเห็นของคนอื่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น พ่อ
อยากให้หวายมีความสุขในแบบที่ตัวเองเลือก ถึงได้ปล่อยมาจนอายุป่านนี้” บิดาหัวเราะเมื่อเห็นลูกสาวทำหน้าบึ้ง หลังจากได้ยินการ
กล่าวอ้างถึงวัยของตัวเธอ
“ถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกัน ก็ไม่เป็นไรหรือคะ” กอหวายถามจอมทัพ
“พ่อยังวัยรุ่นอยู่นะเว๊ย เจ้าหวาย” จอมทัพบอกกับกอหวายที่เข้าไปสวมกอดทันที
“แล้วถ้า” กอหวายหยุดคิดนิดหนึ่ง
“น้าธูปเขามีคนอยู่ด้วย หวายคงไม่คิดเข้าไปแทรกหรอก ใช่ไหม”
“พ่อรู้ทุกเรื่องเลย” กอหวายพูดเสียงอ่อย
“ความรักที่ดี เราไม่จำเป็นต้องครอบครองหรอก พ่อคิดว่าหวายคงมีความสุข ถ้าได้เห็นน้าธูปมีความสุข เวลาแม่บ่นพ่อถึงไม่โกรธไง เพราะเป็นความสุขของคนที่เรารักและสักวันเราจะรู้คำตอบด้วยตัวเอง” จอมทัพพูดคล้ายเตือนกึ่งให้กำลังใจลูกสาวที่ไม่ได้ห้ามปรามอะไร เพราะรู้ว่ากอหวายคงไม่ไปสร้างความวุ่นวายใจให้ธูปหอมแน่
“แล้วถ้าเขาขอมี 2 บ้านล่ะคะ พ่อ” กอหวายถาม เพราะอยากรู้ว่าบิดาคิดอย่างไร
“คนอย่างธูปไม่มีทางขอแบบนั้น พนันกันไหมล่ะ” จอมทัพยิ้มๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของลูกสาว
“ดูเป็นคนดีเสียจริง พ่อชมตลอดเลย”
“เขาดีจริงเป็นคนที่น่าชื่นชมคนหนึ่งเลย คำไหนคำนั้น ไม่ก็คือ ไม่”
“อันนั้นก็น่ากลัวไปนะ พ่อ” กอหวายบอก
“กลัวอะไรของเรา กลัวยังไงพามานอนที่บ้านได้ด้วย”
“นอนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” กอหวายรีบออกตัวแทนธูปหอม
“ไอ้ลูกคนนี้ ไม่เอา ไปล่ะมาชวนคุยเรื่องสองแง่สองง่าม” จอมทัพหัวเราะก่อนจะลุกไปชงกาแฟ กอหวายยิ้มมองดูบิดาที่ให้คำ
ปรึกษาอย่างดีโดยไม่มีการห้ามปรามอะไรเลย ชีวิตใครคนๆ นั้นต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง นั่น คือ สิ่งที่บิดาบอกกับลูกสาว ในหลายๆ ครั้งที่ต้องตัดสินใจกับเรื่องราวในชีวิต
กอหวายแจ้งเรื่องการติดต่องานให้กับคนที่ทำงานด้วยกันได้ทราบเอาไว้ว่ามีผู้จัดการส่วนตัวคอยรับงานให้ ซึ่งได้รับคำชมจากหลายคนเรื่องการจัดการตารางงานให้อย่างรวดเร็วฉับไว้ กอหวายยิ้มเพราะหลายวันแล้วที่วุ่นวายเรื่องงานเสียจนไม่ได้แวะไปที่ห้องสมุดเลย แต่มายิ้มออกเพราะ ได้หยุดพักและตั้งใจว่าสายๆ จะแวะไปรับตาบุญที่โทรศัพท์นัดหมายและตกลงกันเอาไว้ว่าจะไปดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟมีชื่อแห่งหนึ่ง ตาบุญรับปากพร้อมด้วยเสียงหัวเราะทำให้นึกถึงคำที่บิดาบอกเอาไว้ การได้พาตาบุญไปดื่มกาแฟทำให้ชายสูงวัยดีใจมากแน่ ซึ่งสามารถสัมผัสได้จากน้ำเสียง
“แต่งตัวเสียหล่อเลยค่ะ ลุง” ธูปหอมยิ้มๆ ให้ชายชราที่นั่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าด้านข้างห้องสมุด
“สาวจะพาไปดื่มกาแฟเลยต้องหล่อหน่อย” ลุงบุญหัวเราะ ธูปหอมยิ้มเมื่อนึกถึงความมีน้ำใจของกอหวายที่คงพอเดาได้ว่า
ชายสูงวัยคงเหงาอยู่พอสมควร เพราะลูกโตกันหมดและแยกย้ายไปมีครอบครัว โดยลุงบุญ อยากอยู่บ้านของตัวเองไม่อยากไปเป็น
ภาระของลูกหลาน
“อิจฉาจังค่ะ” ธูปหอมพูดขึ้น เมื่อเห็นรถยนต์ของกอหวายเข้ามาจอดเลยขอตัวกลับเข้าไปทำงาน
“มาเร็วเสียจริง” ตาบุญเอ่ยทักทายกอหวายที่รอยยิ้มจางลงทันที เมื่อเห็นธูปหอมเดินกลับเข้าไปภายในห้องสมุด โดยไม่อยู่ทักทายกันก่อน
“นัดหนุ่มหล่อต้องรีบมาค่ะ พ่อยังบอกอีกว่า วันหลังให้ชวนตาไปเที่ยวที่บ้านบ้าง พ่อปลูกกล้วยไม้ไว้เยอะเลยค่ะ ได้คุยกันตาม
ประสาหนุ่มๆ”
“ฝากขอบคุณพ่อด้วย แต่เกรงใจไม่อยากไปรบกวน”
“ไม่รบกวนอะไรเลยค่ะ สบายมากเอาไว้แอบนัดกันวันหลังนะคะ”
“ได้ๆ จะไปเลยไหมล่ะ” ตาบุญยิ้มๆ เพราะเห็นกอหวายชะเง้อเข้าไปในห้องสมุด
“เดี๋ยวหวายขอไปทักน้าธูปสักครู่นะคะ” กอหวายบอกและรีบเดินเข้าไปภายในห้องสมุด ซึ่งมองเห็นธูปหอมทำงานอยู่ที่ห้อง
“สวัสดีค่ะ น้าธูป” กอหวายพนมมือไหว้
“อ้าวยังไม่พาหนุ่มไปดื่มกาแฟอีกหรือ” ธูปหอมถาม
“หวายเข้ามาทักทายก่อนค่ะ เดี๋ยวไป”
“มีอะไรหรือเปล่า” ธูปหอมยิ้มให้กอหวาย
“เก็บดอกเข็มหน้าบ้านมาฝาก ไม่รู้อยากได้หรือเปล่าพอเห็นเลี้ยวรถเข้ามาก็เดินหนีเข้าห้องสมุดเลย” กอหวายพูดคล้ายต่อว่า
“มาหาลุงบุญไม่ใช่หรือ” ธูปหอมมองกอหวายที่ยื่นดอกเข็มสีขาวให้
“ถ้าชวนไปกินกาแฟสองคน น้าธูปจะไปไหมล่ะ” กอหวายพูดงึมงำ
“กินที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวน้าชงให้ แต่ตอนนี้พาลุงบุญไปได้แล้วให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีหรอกนะ” ธูปหอมลุกขึ้นเดินมารับดอกไม้จากมือ
กอหวาย
“งอนเหรอ หวายงานเยอะแค่ช่วงนี้แหละ หลังจากนี้ก็ไม่ยุ่งแล้วได้ผู้จัดการเก่ง” กอหวายทำหน้างอ
“งอนนิดหน่อย แทนที่จะขอควงเรา กลับเป็นลุงบุญได้ควงหวาย”
“ชอบพูดได้คิดเพ้อเจ้อ ไม่ต้องมาล้อเล่นแบบนี้นะคะ คิดไปถึงไหนถึงไหนแล้วรู้บ้างไหม” กอหวายพูดต่อว่าอีก
“คิดถึงก็พอแล้ว จะต้องคิดไปถึงไหนกันล่ะ ไปได้แล้วไป รอกินกาแฟที่จะซื้อมาฝากนะ” ธูปหอมหัวเราะเล็กๆ มองดูดอกไม้ที่
ถืออยู่และนำขึ้นมาแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากคล้ายเป็นการจุมพิตก่อนจะนำไปใสแจกันและเอามาวางไว้ที่โต๊ะทำงานเหมือนที่เคยบอกกอหวายไว้
“ใครบอกว่าจะซื้อกาแฟมาฝาก ไปล่ะค่ะ น่ารักให้น้อยๆ หน่อยก็ได้ไม่เห็นต้องน่ารักเยอะขนาดนี้เลย” กอหวายออกอาการเขิน
อายรีบออกจากห้องวิ่งลงบันไดไป
“เอาดอกเข็มมาไหว้ครูหรือไงนะ หลานฉัน” ธูปหอมหัวเราะเล็กๆ มองดูเจ้าดอกไม้ที่พออยู่ในแจกันดูงดงามมากยิ่งขึ้น
รอยยิ้มของชายสูงวัยทำให้กอหวายรู้สึกสุขใจ เมื่อหวนนึกถึงกาแฟยามเช้าระหว่างธูปหอมกับตาบุญทำให้เข้าใจว่า ธูปหอมคง
มีความสุขจากการได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า และแววตาของตาบุญเหมือนที่กำลังเห็นอยู่
“ตอนเด็กๆ น้าธูปเป็นอย่างไรบ้างคะ ตา” กอหวายถาม
“เงียบๆ นิ่งๆ ยิ้มน้อย แต่มีน้ำใจ ถือขนมอยู่เพื่อนขอหรือบอกว่าหิวก็ยื่นให้เสียเฉยๆ แปลกเด็กนะ ตาว่า” ตาบุญยิ้มน้อยๆ และทำท่าคิดคงกำลังนึกภาพของธูปหอมในวัยเยาว์
“อิจฉาตาได้อยู่ใกล้ๆ น้าธูปตั้งแต่เด็กเลย” กอหวายยิ้มอายๆ
“หวายก็อยู่ดูแลธูปต่อจากตาสิ เพราะอีกหน่อยคงเดินมาคุยมากินกาแฟด้วยไม่ไหว ธูปได้ไม่เหงา” ตาบุญบอกกับกอหวาย
“ตาพูดเหมือนน้าธูปขี้เหงา”
“ขึ้นอยู่ว่า เขาจะแสดงออกให้เราเห็นหรือเปล่า” ตาบุญยิ้มน้อยๆ ขณะจิบกาแฟอุ่นๆ ไปด้วย
“คุณธามอยู่ด้วยจะไปเหงาได้ไงคะ” กอหวายพูดขึ้น
“ธามไม่ค่อยมีเวลา แต่ไม่เป็นไร ตาจะอยู่คุยไปเรื่อยๆ ถ้าหวายไม่อยากดูแล หรือไม่มีเวลาพอจะดูแลต่อ” ตาบุญหันมามองสบ
ตากอหวาย
“หนูดีพอที่จะดูแลน้าธูปต่อจากตาหรือคะ” กอหวายถาม
“น่าจะได้ เพราะธูปเขายิ้มสวยขึ้นนะ พักนี้”
“ปกติยิ้มไม่สวยหรือคะ หวายว่าไอ้ยิ้มนั่นน่ะ ตัวร้ายเลย” กอหวายนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับธูปหอม
“เห็นทีเดียว ก็หลงรักเลย” ตาบุญบอกกับกอหวายที่ฟังดูเหมือนชายสูงวัยรู้สิ่งที่เธอคิด
“โห ขนาดนั้นเลย” กอหวายยิ้มอายๆ
“ตาหลงรักตั้งแต่แบเบาะเลยล่ะ ตอนเห็นครั้งแรกหันมามองแล้วยิ้มให้เลยรู้สึกเป็นลุงเป็นหลานกันมาจนถึงทุกวันนี้” ตาบุญยิ้ม
ให้กอหวาย
การสนทนาเป็นการพูดคุยเรื่องราวในอดีตของธูปหอม ซึ่งตาบุญรู้จักเป็นอย่างดี กอหวายนั่งยิ้มและตั้งใจฟังมีคำถามบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะชายสูงวัยที่ชื่อ ตาบุญ มีเสน่ห์ในการเล่าเรื่องที่เรียกได้ว่า ถ้าให้นั่งฟังอยู่ทั้งวันก็คงได้ กอหวายหัวเราะอยู่เป็นระยะ แววตาของตาบุญยามเล่าเรื่องของธูปหอมประกายตาดูมีความสุขคล้ายกับคนแก่ที่ภาคภูมิใจในตัวลูกหลาน นั่นยิ่งทำให้กอหวายรู้สึกดีกับธูปหอมมากยิ่งขึ้น
“มีแค่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่ซึมไป ตอนนั้นตาคิดว่าเป็นช่วงวัยพอมาตอนหลังรู้เข้ายังรู้สึกผิดเลยที่ไม่ได้คุยหรือปลอบโยน”
ตาบุญรอยยิ้มจางลงเมื่อพูดถึงธูปหอมในช่วงหนึ่ง
“ตาดูมีความสุขกับทุกช่วงวัยของน้าธูปเลยนะคะ”
“เดินร้องไห้ผ่านบ้านก็เคย ถามก็ไม่ยอมบอกคงอาย แต่อีกหน่อยเวลาร้องไห้คงมีคนคอยปลอบแล้ว ตาก็หายห่วง ลูกๆ ยังบอกกับตาเลยนะว่าจะยกตาให้เป็นพ่อของธูปไปเสียเลย สนิทกับเพื่อนบ้านมากกว่าลูกๆ อีก”
“ถ้าน้าธูปร้องไห้ หวายคงทำอะไรไม่ถูกแน่เลยค่ะ ตา”
“นั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ ให้อุ่นใจว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวก็พอแล้วล่ะ”
“ตาพูดซะใจคอไม่ดีเลย เหมือนจะมีเรื่อง” กอหวายบอกตาบุญ
“มีก็จะได้รู้วิธีปลอบ ไม่ดีหรอกหรือ”
“อย่ามีเลยค่ะ ตาคงไม่อยากเห็นน้าธูปร้องไห้หรอก หวายเองก็ไม่อยากเห็น ยิ้มสวยๆ มีความสุขดีกว่าค่ะ”
ตาบุญไม่ได้เล่าเรื่องของธูปหอมอีก แต่ชวนพูดคุยเรื่องรสชาติของกาแฟที่หากเลือกได้ขอเลือกบรรยากาศและรสชาติในยาม
เช้าเหมือนทุกวันมากกว่า เพราะทุกการพูดคุยกับธูปหอมเหมือนการได้อ่านหนังสือเล่มใหม่อยู่เสมอ สิ่งที่ได้ยินไม่ได้ทำให้กอหวาย
แปลกใจสักเท่าไรนัก เพราะธูปหอมมีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจเหมือนได้อ่านหนังสืออย่างที่ตาบุญบอกและคงเป็นหนังสือที่อ่านหรือทำความรู้จักทั้งชีวิตไม่หมด กอหวายยิ้มๆ กับการเปรียบคนคนหนึ่งเป็นหนังสือที่น่าสนใจ
“ไว้วันไหนว่างๆ ขับรถมาเป็นหนังสือให้ตาอ่านบ้างดีกว่า ถึงน่า สนใจน้อยกว่าน้าธูปก็ตาม” ชายสูงวัยหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน
“นึกว่าอยากอ่านธูปเขาเสียอีก” ตาบุญหัวเราะ กอหวายนึกถึงบิดาที่ถามเรื่องธูปหอมเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ผู้ใหญ่
สมัยนี้ไม่ได้หัวโบราณเสมอไป เพราะตาบุญเองพูดจาฝากฝังธูปหอมกับกอหวายเหมือน รู้ว่ากอหวายคิดและรู้สึกอย่างไรกับธูปหอม
นั่นคือ สิ่งที่กอหวายคิดระหว่างได้สนทนากับตาบุญ
หลังจากส่งตาบุญที่บ้านเรียบร้อยแล้ว กอหวายไปเลือกดูหนังสือที่ทั้งบิดาและมารดาอยากได้ โดยเจ้าตัวไม่อยากออกจากบ้านเลยฝากให้ช่วยดูให้ ร้านหนังสือมีคนไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงสายๆ ของวันทำงาน ทำให้เดินดูได้อย่างสบาย แต่ไม่พ้นสายตาของคนที่ชื่นชอบกอหวายสักเท่าไรนัก จึงต้องหยุดพูดคุยทักทายและถ่ายรูปกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ กอหวายพบเจอบ่อยครั้ง แม้แต่ตอนเช้าที่พาตาบุญไปดื่มกาแฟก็มีคนมาขอถ่ายรูป ตาบุญนั่งยิ้มมองดูคนที่มาขอถ่ายรูปกับกอหวาย
เมื่อมายืนดูหนังสือสำหรับเด็ก กอหวายคิดว่าควรซื้อไปไว้ที่ห้อง สมุดของธูปหอม จึงเริ่มพิมพ์รายชื่อหนังสือส่งไปให้เจ้าของห้องสมุดช่วยเลือกดู
ธูปหอมอนุญาตให้เลือกซื้อได้ไม่เกิน 10 เล่ม แม้มีเล่มไหนอยู่แล้วยังสามารถบริจาคเพิ่มได้ หากมีหลายเล่มเด็กจะได้มีอ่าน
พร้อมกันไม่ต้องรอนานเกินไป
“ซื้อเกินไปบ้าง โดนบ่นนิดหน่อย ไม่เป็นไร” กอหวายหยิบหนังสือ ไล่เรื่อยไปทีละเล่มหลังจากเปิดอ่านผ่านๆ
“คุณกอหวายซื้อไปบริจาค หรือคะ” พนักงานร้านหนังสือถาม
“ค่ะ” กอหวายยิ้ม
“ดีเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นทางร้านฝากไปบริจาคด้วยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” กอหวายบอกขอบคุณพร้อมกับพนมมือไหว้ ขณะมอง ดูหนังสือที่ทางร้านให้มา รวมกับหนังสือของตัวเองก็มาก
โขอยู่ พนักงานของร้านจึงอาสาไปส่งให้ที่รถ
กอหวายยิ้มกว้างมาก เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรศัพท์เข้ามา จึงรีบกดรับสาย หลังจากพนักงานของร้านหนังสือนำหนังสือใส่ท้าย
รถให้และบอกขอบคุณไปเรียบร้อยแล้ว
“กลับมาทานกลางวันด้วยกันไหม” ธูปหอมถาม
“บ่ายกว่าแล้ว น้าธูปทานก่อนเลยค่ะ หวายหาอะไรทานแถวนี้แล้วจะรีบกลับ” กอหวายพูดจบก็ยิ้มอย่างเขินอายอยู่คนเดียว
“กลับไหน กลับบ้านเลยหรือ” ธูปหอมยิ้ม เมื่อได้พูดแหย่กอหวาย
“โห กลับไปหาน้าธูปไง ถามอย่างนี้เสียใจแย่เลย อยากทานอะไรไหมคะ จะได้หาซื้อไปฝาก” กอหวายถามปลายสายที่เงียบไป ซึ่งคนถามภาวนาว่าคนที่เงียบอยู่กำลังคิดว่าอยากได้อะไรเป็นของฝาก
“ขอขนมเบื้องไส้เค็ม สีแดงๆ ได้ไหมจ๊ะ” คนได้ยินถึงกับยิ้มแป้นออกอาการดีใจที่ได้ยินเรื่องขนม
“ยินดีรับใช้ค่ะ จะรีบกลับไปหานะคะ” เมื่อพูดจบรีบวางสายทันที
“พูดเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน” ธูปหอมรำพึงออกมาเบาๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว โดยไม่ทันสังเกตเลยว่า เจ้าหน้าที่ห้องสมุด
มองดูอยู่และยิ้มตามกันหลายคน
“คุยกับใคร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสียนานสองนาน” เจ้าหน้าที่ห้องสมุดกระซิบกระซาบและยิ้มให้กัน