กอหวายกลับมาพร้อมขนมเบื้องที่ธูปหอมอยากรับประทานและยังมีเผื่อมาสำหรับเจ้าหน้าที่ห้องสมุด แต่ท่าทางของเจ้าหน้าที่ดูแปลกไป
“คุณหวายมาก็ดีแล้วค่ะ ขึ้นไปดูคุณธูปหน่อยได้ไหมคะ ท่าทางไม่ดีเลยหลังจากกลับเข้ามา” เจ้าหน้าที่บอกกับกอหวาย
“น้าธูปออกไปไหนมาคะ” กอหวายถาม
“ออกไปทานข้าว แต่ไปนานเลยค่ะ พอกลับเข้ามาตาแดงๆ เหมือนร้องไห้” กอหวายได้ยินเข้า จึงรีบขึ้นไปหาธูปหอม
ธูปหอมรีบเช็ดน้ำตาทันที เมื่อเห็นกอหวายเปิดประตูเข้ามา แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนที่เพิ่งมาได้รับรายงานมาจากเจ้าหน้าที่
ด้านล่าง
“เป็นอะไรไปคะ” กอหวายถาม ขณะนั่งที่เก้าอี้รับแขกข้างธูปหอมที่เงียบไป แต่ยังคงเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมา
“ไม่มีอะไร” ธูปหอมพูดขึ้น
“หวายโตไม่พอที่จะรับรู้เรื่องเศร้าอย่างนั้นหรือคะ หันหน้ามาหวายแค่เช็ดน้ำตาให้ก็ได้ ถ้าไม่อยากเล่า” กอหวายเอียงตัวเข้าหาธูปหอมมากขึ้น ขณะใช้มือจับที่คางเพื่อให้ธูปหอมเบี่ยงหน้ามาหา จึงเห็นน้ำตาของธูปหอมไหลรินออกมาไม่ขาดสายทำเอาคนที่ช่วยเช็ดน้ำตาให้อยู่ตกใจ เพราะไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเลยสักคำ กอหวายดึงตัวธูปหอมมากอดเอาไว้แน่น
“ปล่อยมาให้หมดเลยค่ะ หวายจะกอดไว้จนกว่าน้าธูปจะหยุดร้อง” กอหวายบอกและทำตามอย่างที่พูด เวลาผ่านไปนานเท่าไรกอหวายไม่ได้สนใจด้วยอยากปลอบโยน จึงใช้มือลูบแผ่นหลังของธูปหอม ถึงแม้ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรสักคำ แต่เชื่อว่า สัมผัสจากอ้อมกอดของตัวเองจะทำให้คนที่ยังคงสะอึกสะอื้นอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
“แย่จัง ร้องไห้ให้หลานปลอบเสียอย่างนั้น” ธูปหอมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขยับออกห่างเล็กน้อย
“ไม่เห็นแย่เลย เวลาดีใจเสียใจคนเราต้องแสดงออกมาค่ะ เก็บเอา ไว้เดี๋ยวอกแตกตาย ถ้าไม่มีใครน้าธูปโทรฯ หาหวายได้ไหม
ถึงช่วยอะไรไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆ เงียบๆ ก็ได้ค่ะ” กอหวายยิ้มมองสบตากับคนที่พยักหน้า
“ลุงบุญเสียแล้ว เมื่อตอนบ่าย” ธูปหอมบอกก่อนจะมีน้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง กอหวายช่วยเช็ดน้ำตาให้โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่า
ตัวเองเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมาเช่นกัน ซึ่งนั่นทำให้ทั้งสองสาวกอดกระชับกันและกันเอาไว้แนบแน่นอีกครั้ง
“ได้ยังไง เพิ่งไปกินกาแฟกันมาเมื่อเช้า ตาบุญยังบอกให้หวายมานั่งกินกาแฟด้วยกัน 3 คนตอนเช้าอยู่เลย” กอหวายพูดทั้ง
น้ำตาและกอดกระชับธูปหอมให้แน่นขึ้นอีก
“น้าไปดูแกมา ลุงบุญนอนยิ้มเหมือนคนนอนหลับธรรมดาเลย”
“หวายไปหาตาได้ไหมคะ” กอหวายถามเสียงอ่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ตัวเองและธูปหอมที่ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
“อย่าเพิ่งเลย ปล่อยให้ลูกหลานเขาจัดการดีกว่า” ธูปหอมพูดขึ้นและสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง กอหวายยังกุมมือธูปหอมเอาไว้
“หวายอยากนั่งอยู่ด้วย น้าธูปอย่าไล่หวายไปไหนนะ” กอหวายบอก ธูปหอมพยักหน้าและเอนศีรษะพิงที่ไหล่ของกอหวาย
ความสูญเสียครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่า เป็นการสูญเสียญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายในชีวิต แม้มีญาติทั้งทางบิดาและมารดา แต่ไม่ได้สนิทสนมสัก
เท่าไร ลุงบุญเป็นเหมือนญาติที่ธูปหอมเคารพนับถือมากที่สุด
“น้าเหนื่อยจัง หวาย” ธูปหอมพูดขึ้น
“หวายจะอยู่ด้วยจนกว่าจะหายเหนื่อย รดน้ำศพเย็นนี้เลยหรือคะ”
“พรุ่งนี้” ธูปหอมบอก
“ไปคอนโดหวายไหม ได้เห็นวิวสวยๆ เผื่อจะช่วยให้สบายใจขึ้น”
“คอนโด หรือ” ธูปหอมรำพึงออกมาเบาๆ
บรรยากาศดีอย่างที่กอหวายบอก แต่ช่วงเวลาของการสูญเสียทำให้ความงดงามลดน้อยลงเพราะจิตใจไม่ผ่องใส กอหวายพา
ธูปหอมมานั่งอยู่ที่บริเวณสวน ซึ่งมองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา
“อยากอยู่ด้วยตลอด อยากดูแล” กอหวายพูดขึ้น ธูปหอมหันมามองสบตา โดยไร้ซึ่งรอยยิ้มบนใบหน้า
“ที่ทำอยู่ก็ดีมากแล้ว เรามีพ่อแม่ที่ต้องดูแล มืดแล้วกลับกันดีกว่า”
“นอนนี่แหละ หวายบอกพ่อกับแม่แล้ว อยู่กับหวายนะ” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ เพราะคาดว่าคงถูกปฏิเสธ ธูปหอมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธทำเพียงแค่เอนศีรษะพิงที่ไหล่ของกอหวายอีกครั้ง บางที
ความเงียบอาจช่วยเยียวยาความรู้สึกเศร้า กอหวายคิดและนั่งเงียบๆ มองดูสายน้ำที่มีแสงไฟกระทบพื้นผิวจนเกิดแสงวิบวับดูงดงาม
“พลูว่า เราอย่าลงไปว่ายน้ำเลย” ใบพลูบอกกับสู่ขวัญที่มองดูจากห้องพักของตัวเอง
“ท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่” สู่ขวัญพูดขึ้น
“ปัญหาใหญ่เลยล่ะ หวายเอ๊ย พี่ธูปมีคุณธามอยู่แล้ว” ใบพลูพูดเพราะรู้สึกเป็นห่วงกอหวาย
เรื่องที่เคยพูดคุยกันก่อนหน้าชัดเจนขึ้น เมื่อใบพลูกับสู่ขวัญเห็นสองสาวอยู่ด้วยกันที่บริเวณสวน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริเวณสระ
ว่ายน้ำนักและด้วยความที่อยากให้เพื่อนบ้านได้ใช้เวลาส่วนตัว ใบพลูกับสู่ขวัญจึงแค่มอง ดูจากระเบียงห้องพักของตัวเอง
“พิงไหล่แบบนั้น พี่ธูปคิดอะไรอยู่กันแน่นะ” สู่ขวัญน้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร เพราะเป็นห่วงกอหวาย
“น้าหลาน ไม่เป็นไรมั้ง” ใบพลูหันมายิ้มให้สู่ขวัญที่ทำหน้างอทันที
“พี่ภัทรู้จักพี่ธูปมานานแล้ว เราควรโทรฯ ไปปรึกษาไหม แต่ยังไงเราก็ไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ ถ้าหวายไม่มาปรึกษา” สู่ขวัญพูด
กับใบพลู
“คุยดูก่อนก็ได้ เผื่อน้องมาปรึกษาเราจะได้มีหนทาง” ใบพลูบอก
“จะว่าไป ก็น่าห่วงทั้งสองคนแหละ เกิดชอบกันขึ้นมาจริงๆ” สู่ขวัญพูดขึ้นและชวนใบพลูกลับเข้าไปในห้องพักเพื่อโทรศัพท์พูด
คุยกับภัทรา
“ไปนั่งดูวิวบนห้องดีกว่าค่ะ ตากน้ำค้างเดี๋ยวไม่สบาย” กอหวายบอกธูปหอมที่ยิ้มจางๆ หันมามองสบตาด้วย
“สวย เก่ง ฉลาด จิตใจดี น่าจะแต่งงานมีหลานให้พ่อกับแม่เสียนานแล้วนะ น้าว่า” ธูปหอมพูดขึ้น
“ป่านนี้แล้ว ไม่มีแล้วล่ะค่ะ อยู่คนเดียวแหละได้อยู่ดูแลน้าธูปด้วย”
“น้าน่ะ ดูแลยากนา” ธูปหอมยิ้มน้อยๆ ให้กอหวาย
“หวายดูแลได้สบายมาก ถ้ายอมจะดูแลตลอดชีวิตเลย” กอหวายพูดจบก็ลุกขึ้นออกเดินนำหน้าไปก่อน ธูปหอมยิ้มจางๆ มอง
ตามกอหวายและรีบเดินตามไป
ธูปหอมนอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืด กอหวายหันมาเห็นเข้าเลยคิดว่า ควรหาเรื่องชวนคุยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ แต่ไม่
รู้ว่าธูปหอมอยากคุยกับตัวเองหรือไม่
“คุณธามอยู่ด้วยคงดีกว่า” กอหวายนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดออกไปอย่างนั้น
“เห็นว่าจะรีบกลับมา อย่างช้าวันมะรืน” ธูปหอมบอก
“ค่ะ จะได้มีคนดูแล” กอหวายพูดขึ้น
“หวายก็ทำอยู่” ธูปหอมพลิกตัวมาทางด้านที่กอหวายนอนอยู่
“อือ”
“ต้องพูดว่า ค่ะ สิคะ”
“เราไม่ควรมานอนอยู่แบบนี้ด้วยกันบ่อยๆ นะ ว่าไหม” กอหวายถาม
“อยากให้น้ากลับไหม” ธูปหอมถามทั้งๆ ที่รู้ว่ากอหวายคิดอย่างไร
“ไม่หรอกค่ะ กลับไปหวายเป็นห่วงไม่ได้หลับได้นอนพอดี แค่นี้ก็ดีมากแล้วล่ะสำหรับหวาย” กอหวายยิ้มจางๆ มองสบตากับธูป
หอมที่ขยับใกล้เข้ามาอีกเล็กน้อยเอานิ้วชี้มาจิ้มที่จมูกและยิ้มสวยๆ ให้ รอยยิ้มนั้นทำให้กอหวายสบายใจขึ้น
“ให้จิ้มจมูก 100 ครั้งเลย ถ้าจะยิ้มสวยขนาดนี้” กอหวายยิ้มอายๆ
“ได้จริง หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า” ธูปหอมหยุดนับเมื่อกอหวายขยับเข้าหาและเบียดริมฝีปากให้แนบชิด กอหวาย
ค่อยๆ เผยอริมฝีปาก โดยไม่คิดเลยว่า จะได้รับการตอบรับสัมผัสจากธูปหอมที่กำลังเบียดริมฝีปากเข้าหาอีกเล็กน้อย แต่จู่ๆ คนที่ขยับ
เข้าหาก่อนกลับรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงเป็นฝ่ายถอยห่างออกมาก่อน
“ทำไมต้องจูบตอบด้วย” กอหวายถามเสียงอ่อย
“ไม่อยากให้จูบตอบหรอกหรือ” ธูปหอมถามและจ้องมองตาแป๋ว
“ยังไงกันแน่ อะไรของน้าธูปเนี่ย” กอหวายพูดต่อว่า
“นอนได้แล้ว ง่วงแล้ว” ธูปหอมขยับเข้าใกล้ จนปลายจมูกสัมผัสกับปลายจมูกของกอหวายก่อนจะหลับตาลง
กอหวายยังคงมองดูธูปหอมที่เงียบไปได้พักใหญ่ ซึ่งคงหลับไปแล้วเพราะคงรู้สึกเหนื่อยเหมือนที่บอกเอาไว้ คำถามของธูป
หอมทำให้กอหวายกลับเอามาคิด การเป็นฝ่ายจูบก่อน ก็ต้องอยากได้การตอบรับ แต่เมื่อหวนนึกถึงสัมผัสตอบรับเล็กๆ ทำให้กอหวายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในความมืด
“ตกลงชอบหวาย หรือเปล่าเนี่ย”
“แล้วหวายควรทำไง ในเมื่อ”
“หรือเพราะแม่ น้าธูปเลยไม่กล้าแสดงออก”
“แล้วตัวเองก็มี คุณธามอยู่ด้วย ยังมาจูบตอบเขาอีกน่าหยิกนัก” กอหวายมีคำถามมากมายที่ยังคงพรั่งพรูอยู่ในความคิด
“หลอกเด็กอยู่หรือเปล่าเนี่ย” กอหวายคิดยกมือทำท่าจะหยิกแก้มของธูปหอม จนได้ยินเสียงงึมงำ
“ธูปจะอยู่กับใครล่ะคะ ลุงบุญ” คำพูดของธูปหอมทำเอากอหวายถึงกับดึงตัวมากอดเอาไว้ คนเราไม่ว่าจะอายุมากสักเท่าไร ก็
อ่อนแอได้ เมื่อเกิดการสูญเสีย ถึงจะได้เห็นรอยยิ้มก่อนธูปหอมจะหลับไป แต่กอหวายเชื่อว่าลึกๆ ในใจคงเป็นความรู้สึกเหมือนที่เจ้า
ตัวละเมอออกมา
“น้าธูปยังมีหวายอยู่ไง ตาบุญฝากน้าธูปไว้กับหวายก่อนจากไป”
คนมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพเป็นจำนวนมาก เพราะลูกของ ลุงบุญมีหน้ามีตาทำให้มีเพื่อนร่วมงานมาช่วยงานค่อนข้างมาก กอหวายเพิ่งมีโอกาสได้พูดคุยจริงจังเพียงครั้งเดียว ยังรู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่ใจดีของ ตาบุญ ซึ่งทำให้ไม่แปลกใจนักกับท่าทางของธูปหอมที่เงียบไป
“ถ้าอยู่กับลูกหลาน ก็คงอยู่อีกนาน แกแข็งแรงออก” เสียงพูดคุยจากคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าดังขึ้น
“ทำไม แกถึงไม่ไปอยู่กับลูกๆ ล่ะ” ผู้หญิงที่นั่งอยู่คู่กับคนที่พูดไป เมื่อสักครู่ถามด้วยความสงสัย
“เห็นลูกๆ เขาว่า แกเป็นห่วงเพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของห้องสมุดโน่น”
“บ้าหรือไงห่วงคนอื่นมากกว่าลูกหลานตัวเอง” กอหวายได้ยินเข้าหันมามองดูธูปหอมที่นั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไร สายตาจ้อง
มองไปยังหีบบรรจุศพของตาบุญ กอหวายเอื้อมมือไปจับมือของธูปหอมที่ยิ้มจางๆ โดยไม่ได้หันมามอง จนกระทั่งธามมานั่งข้างๆ ธูปหอมหันไปมองแล้วยิ้มทั้งน้ำตา
“ลุงแกออกเดินทางไปอยู่ที่ๆ มีความสุขแล้วล่ะ” ธามบอกธูปหอมหลังจากโอบไหล่เพื่อเป็นการปลอบโยน เสียงพระสงฆ์เริ่ม
สวดพระอภิธรรมทำให้เสียงพูดคุยเงียบไป กอหวายยิ้มจางๆ มองดูมือและแขนของธามที่ยังโอบอยู่ที่ไหล่ของธูปหอม ธามได้รับการ
ต้อนรับอย่างดีจากทั้งลูกสาวและ ลูกชายของลุงบุญ เพราะเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและมีคนนับหน้าถือตา มาร่วมงาน จึงได้รับความ
สนใจถูกเชื้อเชิญให้ไปนั่งร่วมกับผู้ใหญ่ที่ทำงานร่วมกับลูกของลุงบุญ โดยธูปหอมไม่ได้ตามธามไป
“มาวัดก็อย่าพูดนินทาคนอื่นเลยครับ บาปเปล่าๆ ไอ้ที่พูดเรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้” ธามพูดหลังจากกลับมานั่งข้างๆ ธูปหอม
และได้ยินการพูดพาดพิงถึงธูปหอมที่เหมือนเป็นสาเหตุทำให้ลุงบุญไม่ยอมไปอยู่กับลูกๆ หลานๆ กอหวายยิ้มจางๆ เมื่อเห็นธามออกหน้าปกป้องธูปหอม
“ไม่เอาน่า” ธูปหอมพูดห้ามธาม
“เราไปลาลุงบุญกันดีกว่า จะได้กลับบ้าน ลุงบุญได้เห็นธูปใกล้ๆ คงดีใจ” ธามช่วยประคองธูปหอมที่ลุกเดินตามไปอย่างว่าง่าย
แต่หยุดชะงักหันไปหากอหวายที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ธามหยุดและหันไปมองกอหวายเช่นกัน
“มาด้วยกัน หวาย” ธูปหอมยื่นมือให้ กอหวายยิ้มจางๆ มองสบตากับธามที่ยิ้มและพยักหน้าทำให้กอหวายกล้าที่จะจับมือของ
ธูปหอม
ธามกลับมาดูแลธูปหอม กอหวายเลยกลับบ้าน โดยธูปหอมมาส่งทั้งๆ ที่ปฏิเสธไป เพราะอยากให้พักผ่อนและรีบเข้านอน
“ถึงบ้านแล้วโทรฯ มาบอกน้าด้วยล่ะ” ธูปหอมพูดเสียงเรียบเป็นการกำชับคนที่เพียงแค่พยักหน้าให้
“ไม่ต้องโทรฯ หรอกมั้ง น้าธูปรีบเข้านอนดีกว่า ไปได้แล้วค่ะ คุณธามรออยู่” กอหวายจับตัวธูปหอมให้หันหลังกลับเข้าบ้านไป
“ขึ้นรถไป เดี๋ยวน้าจะเดินไปปิดประตูรั้ว” ธูปหอมพูดขึ้น
“คือ หวาย” กอหวายถอนใจ
“มีอะไร” ธูปหอมถาม
“หวายจะไม่จูบน้าธูปอีก” กอหวายพูดเสียงอ่อย
“มานี่มา” ธูปหอมจ้องมองกอหวายที่ยังคงยืนนิ่ง จึงเดินเข้าไปกอดและจูบเล็กๆ ที่หน้าผาก
“ตอนนี้หวายอาจจะรู้สึกดี แต่วันข้างหน้าอาจไม่รู้สึกเหมือนตอนนี้ น้าเจ็บมาเยอะ ไม่อยากให้หวายต้องมาเจ็บด้วย น้าเองที่ไม่ยอมหักห้ามใจ ถ้าหยุดได้ ก็หยุดซะ” ธูปหอมพูดในฐานะผู้ใหญ่ทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้สึกโหว่งๆ อยู่ไม่น้อยที่เอ่ยเตือนให้กอหวายหยุดความ
รู้สึกที่มีอยู่
“น้าธูปรู้สึกเหมือนที่หวายรู้สึก ใช่ไหมคะ” กอหวายถาม
“แต่น้าแก่เเล้วนะ จะอยู่อีกนานสักเท่าไรก็ไม่รู้ ถ้าหวายมีคนดีๆ คอยดูแล น้าก็จะมีความสุขไปกับหวายด้วย” ธูปหอมบอก
“ถามว่ารู้สึกอะไรกับหวายหรือเปล่า ตอบให้ตรงคำถามด้วยค่ะ”
“น้าว่า น้าตอบหวายไปแล้ว ไปได้แล้วดึกแล้ว” ธูปหอมพูดเพียงแค่นั้น แล้วดันหลังกอหวายให้ไปขึ้นรถ กอหวายหันมามองสบ
ตา เพราะเข้าใจสิ่งที่ธูปหอมบอก
“พรุ่งนี้หวายมีงาน ไปเจอกันที่วัดเลยนะคะ” กอหวายบอกก่อน จะเดินเข้ามาสวมกอดแน่นๆ ก่อนขึ้นรถและขับออกไป