ตอนที่ 7

2545 คำ
ทิวลิปสีแดงถูกนำมาส่งให้กับเจ้าของห้องสมุด ถึงแม้ไม่มีชื่อผู้ส่งแต่ธูปหอมรู้ดีว่า ดอกไม้ดอกนี้มาจากไหน เพราะเห็นรอยยิ้มของคนที่ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ ซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน ธูปหอมนำมาดมและจุมพิตเล็กๆ ขณะกอหวายเงยหน้าขึ้นไปมองและเห็นเข้าพอดี “ส่งดอกไม้ให้ผู้หญิงด้วยกัน แถมยังเป็นเพื่อนของแม่ แล้วมานั่งแอบยิ้มอยู่ตรงนี้ ตอนเขาจูบดอกไม้ ฉันควรจะคิดอย่างไรและทำอย่างไรต่อไปล่ะ” กอหวายคิดอยู่ในใจ “ขอลายเซ็นได้ไหมคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น กอหวายหันไปยิ้มๆ ให้ ขณะมองดูนิตยสารที่ผู้หญิงคนนั้นถืออยู่ “ยินดีค่ะ” กอหวายรับหนังสือมาพร้อมกับปากกาและจัดการตามที่ได้รับการร้องขอ ธูปหอมมองลงมาแล้วยิ้มๆ กับสิ่งที่ได้เห็น เพราะทราบมาก่อนว่า ห้องเสื้อภัทราที่กอหวายเป็นแบบและมาถ่ายที่ห้องสมุด แคตตาล็อกถูกออกแบบคล้ายนิตยสารทางห้องเสื้อไดนำมาส่งให้จำนวนหนึ่ง โดยแจกให้ฟรี เมื่อหลายคนหันไปเห็นกอหวาย จึงเริ่มผลัดกันเข้าไปหาพร้อมด้วยนิตยสารของห้องเสื้อภัทรา “ขอบ้างค่ะ” ธูปหอมมายืนอยู่ใกล้ๆ และยื่นนิตยสารให้กอหวาย “เอาไปทำไมคะ เอาตัวไปเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นน้าธูป” กอหวายยิ้มไม่กล้าเงยหน้าไปมองสบตาด้วย ขณะหยิบปากกามาเซ็นชื่อลงในนิตยสาร “ห้องเสื้อภัทราผลิตเสื้อเซตนี้ไม่ทันแน่” ธูปหอมเปลี่ยนเรื่อง โดยไม่พูดถึงสิ่งที่กอหวายพูดไปเมื่อสักครู่ “ถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ ในฐานะที่โตกว่า” กอหวายพูดขึ้น “ถามอะไรล่ะ ถ้าตอบได้หรือให้คำปรึกษาได้ น้าก็จะทำ” “ถ้าชอบใครสักคนอยู่ข้างเดียว หรือรักข้างเดียว เราควรทำตัวยังไง แค่ชื่นชมชื่นชอบอยู่ห่างๆ อย่างนั้นหรือเปล่าคะ” กอหวายถอนใจ เพราะรอยยิ้มของธูปหอมจางลงทันที “ได้รักดีออก ส่วนสมหวังหรือไม่ขึ้นอยู่กับอีกคน ถ้าเขาไม่รักตอบ เราก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเราเองว่า จะทำอย่างไร การ เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็ควรมีความสุขไปกับเขาไม่ใช่หรือ” ธูปหอมถามกลับ “โลกสวยไปไหม” “แล้วหวายจะทำยังไง” ธูปหอมถาม “เจ้าตัวเขารู้แล้วล่ะ แต่เขาคงไม่ชอบหวาย” กอหวายพูดเพียงแค่นั้นทิ้งเรื่องราวเอาไว้ให้ธูปหอมคิด แล้วขอตัวขึ้นไปพักผ่อน “รักอย่างเดียวมันไม่ได้สิ โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกัน” ธูปหอมหันไปดูดอกทิวลิปสีชมพูที่อยู่ในแจกันถึงกับถอนใจออกมา เพราะหากเดาไม่ผิดน่าจะมาจากอดีตคนรัก ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่เหตุผลของการส่งมานั้น ธูปหอมยังหาสาเหตุไม่ได้ “น้าธูปอยู่กับคุณธามมานานหรือยังคะ” กอหวายถาม ธูปหอมเงยหน้ามามองสบตาด้วย แต่แววตาดูเป็นปกติทำให้คิดว่าเป็น การชวนพูดคุยเรื่องทั่วไประหว่างมื้อกลางวันที่สั่งอาหารมาทานที่ห้องอาหารชั้นล่าง “สิบกว่าปีได้มั้ง” ธูปหอมพูดขึ้น “โหนานจัง ทำไมเราไม่รู้จักก่อน” กอหวายพูดบ่นให้ได้ยิน “ถ้ารู้จักก่อน เราคงอายุ 10 ขวบกว่าๆ หรือ 20 เองนะจ๊ะ” “ก็จริง คงงอแง งี่เง่า ง้องแง้งไม่น่ารักเหมือนตอนนี้เนอะ” “คิดว่าตอนนี้โตแล้ว น่ารักแล้ว ไม่งอแงแล้วงั้นสิ” ธูปหอมถาม “แล้วน่ารักปะล่ะ” กอหวายใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ระหว่างรอคำตอบ “ยังตอบตอนนี้ไม่ได้ รอให้รู้จักมากกว่านี้อีกสักหน่อย” ธูปหอมยิ้ม “เค้าออกจะน่ารัก ใครๆ ก็ชม มีแต่น้าธูปนี่แหละ ไม่รู้จะรออะไร ชมให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้” กอหวายบ่นเสียยืดยาว แต่คนที่ตัว เองบ่นกำลังเดินกลับไปที่ห้องทำงานหลังจากได้ยิน แต่แอบยิ้มไม่ให้คนที่บ่นเห็น การได้เห็นหน้า การได้พูดได้คุยกัน รอยยิ้มกับแววตาที่แสนอบอุ่นทำให้กอหวายมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบกับธูปหอม โดยไม่รู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยยอมตอบอะไร กอหวายหวนนึกถึงคำถามของตัวเองที่ถามกับธูปหอมไปว่า ต้องทำอย่างไรหากไปหลงรักข้างเดียว แต่แทนที่จะกังวลใจกลับยิ้มให้กับคนที่อยู่ในห้องทำงานชั้นบน หรือควรพอใจกับสิ่งที่ธูปหอมเป็น กอหวายคิด ยามมีความสุขเวลามักผ่านไปรวดเร็วเสมอ กอหวายรู้สึกอย่างนั้น หลังจากอาการป่วยดีขึ้นทำให้ไม่รู้สึกง่วงสักเท่าไรนัก มื้อค่ำแบบเรียบง่าย ธูปหอมซื้อก๋วยเตี๋ยวราดหน้ามาพร้อมกับนมสดอุ่นกำลังดี โดยคนเตรียม ให้บอกว่า จะช่วยให้หลับสบายขึ้น เพราะเมื่อคืนก่อนกอหวายตื่นบ่อย “อิจฉาคุณธามจัง” กอหวายคิดอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงการดูแลเอาใจใส่ของธูปหอมที่มีให้ตั้งแต่ตอนมีอาการป่วย จนถึงตอนนี้ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงในหัวใจทำให้ไม่แปลกใจนักที่ได้ยินว่า ธูปหอมรู้จักธามมาเป็น 10 ปี เลยเชื่อว่า คงไม่มีใครยอมปล่อยมือจากคนอย่างธูปหอมแน่ “ตัวไม่ร้อนแล้ว รับงานเยอะไปหรือเปล่าถึงได้ป่วย” ธูปหอมถาม “ตอนถ่ายแบบต้องลงแช่น้ำนาน ถ่ายชุดว่ายน้ำ” กอหวายบอก “แม่ไม่ว่าเอาหรือ” ธูปหอมถามเสียงเรียบ “น้าธูปว่าปะล่ะ ถ้าว่าคราวหน้าไม่รับแล้ว” กอหวายพูดยิ้มๆ ไม่ได้หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองดูวิวที่อยู่ตรงหน้าผ่าน หน้าต่าง วิวธรรมดาของเมืองใหญ่ แต่กลับสวยงามในยามค่ำคืน กอหวายยิ้มๆ เพราะรู้เหตุผลที่ทำให้วิวดูสวยงามขึ้น ซึ่งคงเป็นเพราะ คนที่นั่งอยู่ด้วย “ถ้าถามน้า ไม่อยากให้ถ่าย ถ้าเคยถ่ายแล้ว มีประสบการณ์แล้ว ถ่ายงานทั่วไปก็พอแล้วล่ะ โป๊มากหรือเปล่าที่ถ่ายไปน่ะ” ธูป หอมถามคนที่แอบยิ้ม แต่ทำเป็นเฉยๆ “ทูพีช” กอหวายแกล้งพูดเสียงอ่อยๆ แค่คนได้ยินหันมาทันที “ถามจริง ถ่ายของเล่มไหนเนี่ย” ธูปหอมถาม กอหวายถึงกับต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะน้ำเสียงที่ได้ยินเหมือนหวงหรือว่าห่วงไม่แน่ใจนัก “ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวโดนดุยาวนอนไม่หลับ สัญญาจะไม่ถ่ายอีก” “อย่าเลย เวลาคนเราสัญญากันพอทำไม่ได้จะทำให้ไม่สบายใจกันไปเปล่าๆ เดี๋ยวมาวางขายที่ร้านจะซื้อให้หมดเลย” น้ำเสียงแปร่งๆ ทำเอากอหวายนั่งยิ้มมองดูแสงไฟกับตึกรามบ้านช่องที่อยู่ตรงหน้า “รับงานให้สิคะ เป็นผู้จัดการจะได้เลือกงานให้เลย” “ปกติรับเองหรือ” ธูปหอมถาม “ค่ะ บางงานเกรงใจ ไม่อยากรับก็ต้องรับ น้าธูปรับงานให้หน่อยสินะ เวลามีงานไหนที่ไม่อยากรับ หวายจะได้ไม่ต้องรับ” กอหวายพูดอ้อน ธูปหอมทำท่าคิด “ได้อยู่นะ งานน้าไม่ได้ยุ่งมากจนรับโทรศัพท์ไม่ได้” “โลกของหวายกำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี” กอหวายบอก “ก่อนหน้าไม่ดีหรืออย่างไรกัน” ธูปหอมหันมามองกอหวายที่ยังคงนั่งจ้องมองไปยังบรรยากาศยามค่ำคืน “มีค่ะ แต่ไม่ใจฟูเท่านี้ ไม่รู้ทำไมถึงได้ฟูขนาดนี้” กอหวายพูดอ้อมค้อมแต่รู้ดีว่าธูปหอมเข้าใจ “ไปนอนได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวไข้กลับ” ธูปหอมบอก กอหวายหันมายิ้มให้คนที่หาทางบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย เมื่อถูกหว่านล้อมให้พูดเรื่องความรู้สึก “นอนห้องไหนได้ล่ะคะ ห้องเล็กก็ได้มั้งคะ น้าธูปจะได้นอนสบาย” “นอนห้องเดิมดีแล้ว” ธูปหอมบอกแล้วยื่นมือไปเพื่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้นเดินตามเข้าไปภายในห้องนอน กอหวายยิ้มมองดูคนที่หลับไปอย่างง่ายได้ เรียกว่า หัวถึงหมอนหลับทันที ความอุ่นใจก่อเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นรอยยิ้ม ของธูปหอม จนกระทั่งมีโอกาสได้พบเจอกันโดยบังเอิญ ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาพบกัน แต่สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือ ผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ กำลังทำให้รู้สึกได้ว่า ชีวิตได้พบกับสิ่งที่รอคอยมานาน เพราะจอมทัพเคยถามเรื่องแต่งงาน แต่กอหวายบอกกับบิดาเสมอว่า ยังไม่พบใครที่ทำให้รู้สึกได้เลยว่า ตัวเองได้พบเจอความรักเข้าให้แล้ว กอหวายนอนยิ้มหันไปมองดูคนที่พลิกตัวหันหน้ามาทางด้านที่นอนอยู่ ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ไม่เคยมีเหตุผลหรือคำอธิบายใดๆ เอาเสียเลย เพราะจู่ๆ ทำให้รู้สึกดีกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของแม่เสียอย่างนั้น กอหวายคิด ถึงแม้จะไม่สมหวัง แต่กอหวายยังอยากมีความรักกับผู้หญิงที่ชื่อ ธูปหอม แม้เป็นการตกหลุมรักเพียงข้างเดียวก็ตาม “นอนได้แล้วจ้ะ” ธูปหอมพูดพึมพำ “นอนเยอะมากเลยไม่ง่วง น้าธูปนอนเถอะค่ะ หวายขอนอนดูหน้า น้าธูปไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลับเองแหละ ฝันดีนะคะ” กอหวาย ยิ้มๆ จ้องมองดวงหน้าของธูปหอมจนแทบไม่อยากให้ความง่วงเข้ามาในความรู้สึกเลย “ฝันดี” ธูปหอมยิ้มน้อยๆ และหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เพราะคืนก่อนนั้นพักผ่อนน้อย การเฝ้าดูอาการคนป่วยทำให้เป็นกังวล เพราะไข้ขึ้นสูง จึงเฝ้าดูอาการจนเกือบรุ่งสางถึงได้นอน กอหวายขยับเข้าใกล้ด้วยอยากได้ไออุ่นจากตัวของธูปหอมที่นอนนิ่งไม่ขยับถอยห่าง หรือขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ศีรษะของกอ หวายสัมผัสเบาๆ ไปที่หน้าอกของธูปหอม “หนูรักน้าธูปอยู่เงียบๆ ก็ได้” กอหวายคิด ดอกทิวลิปสีชมพูช่อใหญ่ถูกส่งมาให้กับเจ้าของห้องสมุดอีกครั้ง กอหวายยิ้มจางๆ มองดูจากด้านล่างเริ่มอยากรู้เหมือนกันว่า ใครกันที่ส่งเจ้าดอกไม้แสนแพงและช่อใหญ่มาให้ธูปหอม รอยยิ้มของคนที่ได้รับดอกไม้ทำให้กอหวายยิ้มจางลง แต่เมื่อเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของห้องสมุดนำดอกไม้กลับลงมา กอหวายกลับมายิ้มกว้างได้อีกครั้งและยิ้มแก้มแทบฉีกเมื่อเห็น ธูปหอมมองมาและยิ้มให้อยู่ “เอาค่าดอกไม้มาบริจาคเป็นหนังสือน่าจะดีกว่า” กอหวายพึมพำ ขณะรับประทานอาหารกลางวันกับธูปหอม “คนส่งคิดแบบเราคงดี” ธูปหอมพูดขึ้น “ตกลงชอบทิวลิปสีชมพูหรือคะ” กอหวายถาม “เคยชอบ แต่ตอนนี้ชอบดอกไม้ทุกดอกที่คนแถวนี้ให้” “นั่งกันอยู่สองคน วันหลังจะเด็ดดอกหญ้าหน้าบ้านมาฝาก” “น้าจะเอาใส่แจกันตั้งไว้ที่โต๊ะทำงาน ถ้าเราให้” “ถ้าวันหนึ่ง หวายทำตัวไม่น่ารัก น้าธูปดุหวายเลยนะ เผื่อเผลอแสดงออกอะไรมากเกินงาม” กอหวายพูดเผื่อไว้ เพราะตอนที่ ได้พบธามรู้ว่าตัวเองทำตัวไม่น่ารักสักเท่าไรนัก “ชอบไม่ชอบ ไม่พอใจอะไร เราก็บอกน้าสิจะได้ไม่ต้องขุ่นเคืองกัน” “พูดง่าย ถึงเวลาทำไม่ได้น่ะสิคะ” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ “น้าพร้อมรับฟังนะ ถ้าเราอยากบอก” ธูปหอมคีบลูกชิ้นจากชามของกอหวายที่ร้องโวยวายทันที “เหลือลูกสุดท้ายยังจะมาแย่งอีก” กอหวายพูดต่อว่า “รักกันก็ต้องแบ่งกันสิ” คำพูดของธูปหอมทำเอากอหวายแก้มแดง “คราวหน้านะ จะแอบกินลูกชิ้นให้หมดชามเลยคอยดู” “เดินไปซื้อเอาใหม่ก็ได้” ธูปหอมเอามือทาบทับที่ศีรษะของกอหวายอย่างเอ็นดู ซึ่งเจ้าตัวสัมผัสได้จากแววตาที่จ้องมองมา “แกล้งโวยวายไปอย่างนั้นแหละ หวายให้ได้ทุกอย่างสำหรับน้าธูป” “ขออะไรดีนะ เดี๋ยวขอเวลาคิดก่อน” ธูปหอมหัวเราะ กอหวายกลับถึงบ้านเกือบค่ำ เมื่อมองเข้าไปภายในบ้านเห็นไฟเปิดตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับตั้งแต่บ่าย แต่อยู่ช่วยธูปหอมจัดรายการหนังสือ จนลืมเวลา บิดามารดาจึงกลับมาถึงบ้านก่อน “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยคะ” กอหวายถามเกื้อกูล “ของชอบเราทั้งนั้นแหละ” เกื้อกูลบอกกับลูกสาว น้ำเสียงเรียบนิ่งทำเอากอหวายรีบหันไปมองสบตากับจอมทัพทันที เมื่อเห็น รอยยิ้มเจื่อนๆ ทำให้รู้เลยว่า น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง “ไปอาบน้ำจะได้มากินข้าวกัน” จอมทัพพูดขึ้น “กินข้าวก่อนก็ได้ค่ะ อาบตอนนี้ เดี๋ยวก่อนนอนอยากอาบอีก ไข้เพิ่งหายด้วย” กอหวายเผลอพูดออกมา เมื่อมารดาหันมา จึงรีบ เอามือปิดปาก “เป็นอะไรไม่เห็นโทรฯ บอก” เกื้อกูลหันมาดุลูกสาว “ถ่ายแบบตากแดดนานไปหน่อยค่ะ เลยไข้ขึ้น แต่ไม่เป็นอะไรมากเลยไม่ได้บอกพ่อกับแม่ หวายกลัวจะเป็นกังวลค่ะ” กอหวาย บอก “เลยมีคนมานอนเป็นเพื่อน” เกื้อกูลพูดโดยไม่ได้หันไปมองลูกสาว “แม่รู้ได้ไง” กอหวายถาม “มีคนมาค้างด้วย ใช่ไหมล่ะ” เกื้อกูลทำเสียงเข้มใส่ลูกสาว “ก็มาพาไปหาหมอ ดึกแล้วเลยนอนเป็นเพื่อน” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ ซึ่งฟังดูผิดปกติ มารดารู้สึกอย่างนั้น “ป่วยไม่มาก แต่มีคนมานอนเฝ้า ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยพาเพื่อนมานอนที่บ้าน” เกื้อกูลพูดหว่านล้อม “กลับจากโรงพยาบาลดึกแล้ว หวายเลยชวนนอนที่บ้าน” “ไม่ได้เอาผู้ชายมานอนสักหน่อย คุณจะดุลูกทำไมกัน” จอมทัพบอกกับภรรยา “ไว้พามากินข้าวที่บ้านสิ แม่จะได้เลี้ยงข้าวขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยอยู่ดูแลลูกสาว” น้ำเสียงของเกื้อกูลฟังดูไม่ค่อยพอใจสัก เท่าไรนัก “แม่มีสายรายงาน หรือแอบติดกล้องไว้ในบ้านเนี่ย” กอหวายถาม “ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เธอจะกลัวอะไร หรือทำอะไรผิดไว้” “ไปกันใหญ่แล้วคุณก็ กินข้าวกันดีกว่ามาๆ ผมหิวแล้ว” จอมทัพพูดตัดบท กอหวายเดินไปล้างมือและรีบกลับมานั่งร่วมโต๊ะกับ บิดามารดา “หรือแม่รู้ว่าเป็น น้าธูป” กอหวายคิด เพราะสังเกตว่ามารดาเงียบไปไม่พูดคุยเหมือนดั่งเช่นทุกครั้งที่รับประทานอาหารร่วมกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม