Chapter 11
ปรเมษฐ์ถือว่าเขาได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแผ่นหลังบางที่จงใจนอนหันก้นให้จึงแค่นยิ้ม แทรกกายเข้าซุกในผ้านวมหนาข้าง ๆ กัน วางงานของเธอไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง นอนแหงนหน้ามองไปที่เพดานสีขาว
“พุด... ไว้ตอนซัมเมอร์ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เราไปกันสองคนดีไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาพูดมันขึ้นมา ขณะที่มือของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพราะความประหม่า... ตื่นเต้น.. อา.. นั่นสิ เธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
“พุดว่าไปหลายคนสนุกกว่า”
“แน่ใจนะว่าพุดไม่เป็นไร ถ้าไปกันหมด พี่ปองไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใช่มั้ย?”
ครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันปีละครั้ง ปองกานต์ชอบที่จะพาผู้หญิงไปด้วย ก็นอนรวม ๆ กันเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบังกะโลแล้วแต่โอกาส
“พ่อไม่สนใจพุดอยู่แล้วนี่ พุดไม่ใช่ลูกพ่อปอง... พุดเป็นลูกพ่อเลี้ยงไง ฮะ ๆ” หัวเราะเจื่อน ๆ กระชับผ้าขึ้นซุกตัวอย่างรันทดใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน แม่ของเธอไม่อยู่แล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยจะเหลียวแลเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อ
“พี่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดซะหน่อย ถ้าพี่เป็นพ่อเรา แม่อนงค์ไม่ต้องเป็นพ่อเราด้วยอีกคนหรือไง? แม่เลี้ยงพุดมามากกว่าพี่อีก เราประชดพี่เพราะพี่ชอบทิ้งเรา...” น้ำเสียงแฝงแววทอดถอดหายใจ พลิกตัวตะแคงมองคนข้างกายด้วยความรู้สึกมากประมาณเป็นคำพูด ถึงจะยังน้อยอกน้อยใจ เขาอยากพูดมันออกมาสักถ้อยคำหนึ่ง...
“พุด... พี่...”
เสียงโทรศัพท์สั่นดังสนั่นด้วยริงโทนเพลงรักหวานขัดขึ้น ไม่ต้องบอกเลยว่าปลายสายเป็นใครถ้าไม่ใช่คนที่ถูกบล็อกไลน์ไปเมื่อสักครู่
ปรายลดาพริ้มตาปิดลงนอน ปล่อยให้มันดังไปเรื่อย ๆ เธอไม่รู้ว่าจะตอบธามไทยังไงหากเขาถามเรื่องที่เธอนอนเตียงเดียวกันกับพ่อเลี้ยงหรือเรื่องอื่น ก็เลยทำอย่างที่เคยทำ...
เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจผิด...
เสียงโทรศัพท์ที่เงียบไปแทนที่ด้วยน้ำเสียงกร้าวโกรธ “พุทรานอนแล้ว... ไม่จำเป็น ไม่ต้องโทรมารบกวนดึกดื่น เวลาไหนก็ไม่ต้องโทรมา”
นั่นคือที่เธอลุกพรวดขึ้นมองตามคนข้างหลัง โทรศัพท์ของเธอซึ่งถูกหยิบไปจากหัวเตียงตอนไหนไม่รู้ถูกกำไว้ราวกับว่าจะบีบมันให้แตกคามือ และเขาต้องมีความอดทนมากมายขนาดไหนที่จะไม่ขว้างมันฝ่าหน้าต่างคอนโดฯออกไปแล้วซื้อเครื่องใหม่ให้!
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งโกรธหน้าแดงก่ำสาดประกายกร้าวทางสายตา
“มันโทรมาทำไม? นี่มันกี่โมงกี่ยาม ถ้าพี่ไม่กลับมา พุดก็คงจะคุยโทรศัพท์กับผู้ชายดึก ๆ แบบนี้ทุกวัน?”
“พี่เปา... ใจเย็น ๆ สิ เป็นอะไรเนี่ย? บางทีเพื่อนคนอื่นในห้องก็โทรมาดึก ๆ เด็ก ๆ คุยกัน พี่จะมาหวงอะไรพุดเล่า?”
“ปริมบอกพี่ว่าไอ้นี่มันเป็นพี่รหัส มันจะต้องโทรมาเรื่องอะไร ถ้าไม่โทรมาจีบพุดทุกคืน”
หญิงสาวหลุบตาลงมองต่ำ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง “ก็... เป็นเพื่อนกัน พุดบอกพี่ไปแล้วนี่ พี่ให้พุดเรียนให้จบก่อน พุดไม่ผิดคำพูดหรอก”
ความเงียบงันเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ปรเมษฐ์พยายามเข้าใจอีกฝ่ายที่คงจะหาทางเอาตัวรอดมากกว่า แต่จนแล้วจนรอดสลักหลังแห่งความอดกลั้นของเขาถูกกระตุกให้ขาดผึง! มือหนาคว้าหมับเข้าข้อมือเรียว ดึงตัวเธอเข้ามาบดเบียดริมฝีปากอย่างบ้าคลั่ง
“อื้ม!” ทุกถ้อยคำประท้วงหายลงไปในลำคอแห้งผาก เมื่อริมฝีปากร้อนวาบเต็มไปด้วยโทสะ ถึงเป็นเช่นนั้น เธอกลับไม่สามารถขัดขืน แต่เพียงอ่อนระทวยไปทั้งตัวทั้งใจจนต้องยอมห่อตัวไว้ในอ้อมอกอุ่นของผู้ชายที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนหยาบคาย หรือเจตนาจะทำร้ายเธอแม้แต่น้อย
ปรเมษฐ์เป็นคนเอาแต่ใจมานานแล้ว โดยเฉพาะเวลาที่เธอมีเพื่อนชาย แต่ก็ไม่มีครั้งไหนทำให้เขาหงุดหงิดได้เท่าครั้งนี้
มือหยาบตรึงเอวคอดกอดรัดไว้ให้ทำอะไรได้ถนัดใจ แทรกปลายลิ้นเข้าตามหาความหวาน เขาคอยแต่ช่วงชิงอากาศอันน้อยนิดของเธอไป พาลิ้นเล็กไม่ประสีประสาเข้าไปพัลวัน ซึ่งเธอก็ตอบรับกลับไปได้ดีเพราะมีคนสอนว่าควรต้องขยับปากและลิ้นไปพร้อม ๆ กับเขา หรือแค่จะต้องเป็นผู้ตามที่ดีในบางจังหวะ
ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่อิงแอบกายแนบชิดกันและกันอย่างเสน่หา เขาจูบครั้งหนึ่ง มือของเธอจะคอยไต่ขึ้นโอบรอบคอ วางล้อมกรามแกร่งไว้ ด้วยเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียว เขาเอาอกเอาใจเธอด้วยจุมพิตดูดดื่ม ปานว่าจะฆ่ากันให้ตายโทษฐานที่คุยกับผู้ชายดึก ๆ ดื่น ๆ
กว่าเรียวปากหนาหนุบหนับที่ส่งเสียงน่าอายจากช่องว่างของอากาศระหว่างกันจะยอมปล่อยกลีบปากบางนุ่มก็หลายสิบนาที ปากแดงเจ่อเพราะพิษจูบห่อกันแน่น ปรายลดามองวงหน้าหล่อเหลาใต้แสงสีนวลสลัวด้วยแววตาฉ่ำปรือ
“พี่หนีพุดมาทั้งชีวิต... พี่จะไม่ทนอีกแล้ว.. รับความรักพี่ให้ไหวละกัน”
คำพูดนั้นปลุกเธอจากห้วงมนต์สะกด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลเริ่มสั่นไหวหวั่นกลัว พอถูกผลักให้นอนลงดื้อ ๆ ขณะที่เขาเท้าลำแขนยันกายไว้เหนือเรือนร่างของเธอ
“พี่เปา... จะทำอะไร?”
“พูดก็น่าจะรู้ พี่นอนกอดพุดเฉย ๆ มากี่ปี...”
ในแก้มอมตุ่ยในความหมายว่าเธออาจจะโกรธเขาจริง ๆ ก็ได้ เธอกลัว... “ใครบอกนอนกอดเฉย ๆ มาจับนิดจับหน่อยทุกที”
“แล้วทำไมวันนี้พุดไม่แกล้งหลับ หลับสิ หลับตา นอน” ไม่พูดเปล่า เสื้อนอนลายเส้นขวางบนเรือนกายกำยำถูกถอดทิ้งไปบนพื้นไว ๆ
ปรายลดาเบิกตากว้างมองทุกส่วนสัดบนเรือนกายแกร่งกำยำ ไล่เรียงเป็นระเบียบเครียดบนหน้าท้องแม้กระทั่งสีข้าง ใช่ว่าไม่เคยเห็นเสียเมื่อไร เวลาที่พ่อเลี้ยงชักชวนไปเข้าฟิตเนส ออกกำลังกาย บรรดาสาวน้อยใหญ่ได้แต่เอาลูกกะตาสิงเข้าไปในความแซ่บของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปี!
“พะ... พี่เปา.. พุดว่า.. เรานอนดีกว่านะ พุดมีเรียนเช้า..”
“ยัง... พี่จะคุยกับพุดว่าพุดทำอะไรบ้าง พุดทำตัวเหลวไหลหรือเปล่า เวลาที่พี่ไม่อยู่... รับรองว่าคุยไม่นาน” เสียงเข่นเขี้ยวจากลำคอพาคนใต้ร่างสั่นสะท้านขึ้นมา นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามที่เย็นชาในบางครั้งเร่าร้อนขึ้นเป็นเท่าตัว
เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก เธอจำได้ด้วยซ้ำว่าพ่อปองกานต์เคยพาผู้หญิงมาทำเรื่องอะไรบนโซฟา เสียงครวญครางของสาว ๆ ลอดดังมาจากช่องประตูของห้องพ่อเลี้ยงในสมัยที่เขาชอบพาผู้หญิงมาบ้าน และที่เพื่อนสาวบางคนพูดกัน มันผุดเข้ามาในหัวสมองน้อย ๆ
“พี่... จะคุยอะไรคะ?”
“เรื่องผู้ชาย... พุดไม่ควรไว้ใจใครง่าย ๆ ผู้ชายมันก็คิดอยู่เรื่องเดียว ถ้าไม่ใช่พี่ พี่อยู่กับพุดมากี่ปี พี่ดูแลพุดดีแค่ไหน? พี่จะทำอะไรพุดตอนไหน พี่ก็ทำได้ แต่พี่ไม่ทำ พุดคิดว่ายังไง?”
ใบหน้าร้อนผ่าวเบือนหนีไปอีกทาง มันเป็นคำตอบที่เป็นมาตลอด “พี่... รักพุดแบบลูกหลาน.. ไม่ก็... สงสาร... ลูกหมาลูกแมว”
“ไม่ใช่เลย... พี่มองพุดแบบผู้หญิงคนหนึ่ง” เขาตอบ ยกปลายนิ้วขึ้นลากไล้ไปตามสันหน้านวลที่กลายเป็นสีแดงระเรื่อด้วยแววตาหลงใหล... เธอปิดตาลงสนิทแน่น กัดปากตัวเองแรง ๆ ด้วยความคาดหวังอะไรบางอย่าง
ปรายลดาไม่ได้เปลี่ยนไป... หากว่าเขาจะเปิดพื้นที่ในหัวใจให้เธอบ้างสักนิด เธอฝันที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลี้ยงมาตลอด ทีแรกเธอคิดว่าเขาแค่มาฉวยโอกาสจากเรือนร่างของเธอในบางค่ำคืนจนพอใจแล้วจากไปในรุ่งเช้า... จากนั้นเธอก็ต้องนอนกอดหมอนเปียกชุ่มน้ำตา
เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังคิดอะไร...
“พี่รักพุดนะ...”
ความตื้นตันใจปรากฏในดวงตาคู่สวยเปิดขึ้นมองเขาอีกครั้ง เธอนอนนิ่งอยู่ภายใต้สายตาคมปลาบที่เคลื่อนเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มค่อย ๆ กดริมฝีปากลงบนลำคอทั่วทั้งบริเวณ ปัดป่ายมือเข้าไปในกระโปรงนอนตัวบาง มือซุกซนอุ่นและร้อนพอ ๆ กับจูบแต่ละคราวทำเอาขนลุกชูชัน ยิ่งเป็นเวลานอนของผู้หญิงที่ไม่ได้ใส่ชั้นในแม้สักชิ้น ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับอีกคน
“พี่เปา... อย่า... ค่ะ” เสียงสั่นปราม ทว่าเธอกลับปล่อยใจเตลิดไปกับห้วงอารมณ์เสน่หา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือจับจูงไปที่ไหน กระทั่งปลายจมูกโด่งไปสันคมหยุดลงที่ปลายสาบเสื้อซึ่งถูกเลิกขึ้นกองไว้ข้างบนตอนไหนไม่รู้ได้ วงหน้าคร้ามคมจรดถ้อยคำลงข้าง ๆ หูด้วยเสียงสั่นพร่า
“คืนนี้... พี่ขอนะ พุทรา”