Chapter 15
เรื่องส่วนตัวของครอบครัวเธอนั้นไม่มีใครรู้นอกจากเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ ในห้องเรียน ที่มีไลน์กลุ่มไว้พูดคุยกัน และค่อนข้างสนิทสนม
ส่วนข่าวล่ามาแรงล่าสุดเรื่องของหนุ่มพี่รหัสรูปหล่อพ่อรวย ลูกชายเจ้าของเรือสำราญดินเนอร์ สัมปทานน่านน้ำเจ้าพระยา ที่บรรดาสาว ๆ หมายปองนั่งรถเมล์ไปรับส่งปรายลดาทุกวัน เพราะเธอไม่ขึ้นรถยนต์ของใครนอกจากพ่อเลี้ยง นัชชา และแท็กซี่เท่านั้น
คนไม่รู้เรื่องกุ๊กกิ๊กของดาวมหาวิทยาลัยคงเป็นพวกไม่แคร์โลก หรือไม่ก็คงจะตกข่าวจริงๆ
“พี่ธามมาหาแกอยู่ตั้งหลายวัน พวกเราเลยชวนพี่เขามา ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะพุด” เป็นนับดาวที่บอกขึ้นมา นายปิงหนุ่มไม่แท้อีกคนยังช่วยกอบกู้สถานการณ์
“คือพวกเราหวังดี เห็นทะเลาะอะไรกับพี่ธาม มีอะไรคุยกันดี ๆ อ่ะ เอ้อ... งานออกบูธเดือนหน้านี้ พี่ธามไปด้วยป่ะ?”
“ไปสิ อาจารย์ให้พี่จัดบูธเอกับน้อง ๆ ปีสาม แกจัดล็อกเอาไว้แล้ว”
ธามไทกำลังพูดกับเพื่อนของปรายลดาแต่กลับมองตรงไปที่ใบหน้าสดสวย เธอมีแววตาและท่าทีแตกต่างไปจากคนเมื่อหลายวันก่อน ดูไร้เยื่อใยราวกับเป็นคนละคน
“พุดขอโทษนะพี่ธาม... คือ...”
“ถ้าเป็นเพื่อนกันก็คุยได้ พี่ให้เวลาทำรายงานสองชั่วโมง... พอไหม?” เสียงเข้มขัดหลังจากที่จอดรถยนต์เรียบร้อยจึงตามมาทีหลัง ปรเมษฐ์ไปรับลูกเลี้ยงด้วยตัวเองยังอาสาพาเพื่อนนักศึกษาที่บอกว่าจะมาทำรายงานด้วยกันกลับมาด้วย
“พอค่ะ...”
“พี่ไม่อนุญาตให้มีแฟนเข้าใจนะ?” นั่นนับว่าเขาให้เกียรติหญิงสาวในความดูแลมาก ๆ แล้ว ตอนนี้เธอยังอยู่ในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง...
ปรเมษฐ์มองคนทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจ สะกดกลั้นอารมณ์เดือดพล่านเอาไว้เพื่อเดินปึงปังขึ้นห้องไป
“พ่อเลี้ยงแกดุอ่า... เมื่อกี้ยังยิ้มหวานอยู่เลย”
“พี่เปาแกเป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางวันดีก็ดี เวลาหงุดหงิดที... อืม” เธอเงียบไปเพราะไม่อยากนินทาผู้มีพระคุณว่าเขาน่ะเหมือนคนวัยทอง! เขาเพิ่งจะพูดจาดีกับเธอและเพื่อนในรถยนต์แต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนพอถึงบ้าน
“แกได้ไปช่วยแม่อนงค์เลี้ยงหลานบ้างป่ะ อายุเท่าไรละ?”
“สามขวบ ห้าขวบ เจ็บขวบ อีกคนแปดขวบ น่ารักมาก ๆ ถ้าพวกแกเห็นพวกแกจะอยากหยิกแก้มหลานฉัน น้องตาล คนเล็กสุดนะ ผิวขาวแก้มแดง ตาสีฟ้า น่ารักยังกับตุ๊กตาบาร์บี้”
พูดถึงเด็กน้อยที่ทำให้นึกถึงเจ้าของนัยน์ตาคู่สวยสีฟ้าคราม ปรายลดาสีหน้ามีความสุข หนึ่งหนุ่มไม่แท้คงอดแซวไม่ไหว
“พ่อเลี้ยงแกหล้อ หล่อ มีแฟนยังอ่ะ..?”
“มีเมียแล้วย่ะนังปิง ห้ามจีบ ห้ามยุ่งเด็ดขาด ไปทำรายงานกันสักทีเหอะ” บ่นตาขวางจนเพื่อน ๆ หัวเราะกับอาการหวงพ่อเลี้ยงของเธอ พากันไปในมุมสงบหลังบ้านที่ทำงานประจำ
บริเวณม้านั่งหลังบ้าน บรรยากาศร่มรื่นเย็นตาในบ้านที่เธออาศัยอยู่กับเขามาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ เล็กเสียจนจำความอะไรไม่ได้มาก รู้แค่ว่าเขาเป็นคนออกแบบทุกอย่างเอง ยังเหลาไม้ทำโต๊ะนั่งเล่นให้กับมือ แค่เด็กสาวคนหนึ่งบอกว่าชอบสีเทาเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่กับพ่อเลี้ยง และอยากมีโต๊ะไว้นั่งดูปลาคาร์ฟในบ่อ
ปรเมษฐ์ตอนนั้นเพิ่งสร้างเนื้อสร้างตัว มีธุรกิจเป็นของตัวเองใหม่ๆ แทบจะเหมาปลาทั้งฟาร์มมาให้ลูกเลี้ยงดูเล่น...
หลังจากที่เจ้าของบ้านปลีกตัวไปให้เธอนึกเป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ ปรายลดาใช้เวลาทำรายงานเพียงชั่วโมงกว่า
กลุ่มของเธอได้รับรายงานในหัวข้อการส่งเสริมการตลาดอาหาร นักศึกษาหกคนแบ่งงานกันทำ มีนักเรียนระดับหัวกะทิอย่างธามไทที่จะต้องไปออกบูธ ในนิทรรศการแสงสีเสียงของทางมหาวิทยาลัยที่กำลังจะจัดขึ้น อาสามาให้ความช่วยเหลือรุ่นน้องอย่างเต็มที่ จึงกินเวลาในช่วงเย็นไม่นานก็เสร็จ
ถึงรุ่นพี่จะไม่พอใจกับการกระทำห่างเหินของเธอ คงไม่มีโอกาสได้ถามอะไรมาก เพราะเพื่อน ๆ แต่ละคนหน้าตาคร่ำเครียด พูดคุยกันแต่เรื่องงาน
ปรายลดาได้รับหน้าที่ในการคำนวณราคาสินค้า ตัวเลขมากมายเต็มกระดาษ ข้างเครื่องคิดเลขเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือก็ยังทำให้ตาลายอยู่ นักศึกษารุ่นพี่จึงนั่งลงข้างๆ กุมมือเล็กไว้แผ่วเบา วนไปมาเป็นวงกลม
“พุดต้องเอาตัวนี้ตั้งก่อน... ถึงจะได้ค่า...”
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ด้วยความที่เธอยังใช้สมาธิอยู่ ก่อนจะกลับมามีรอยยิ้ม “ออ... พุดเข้าใจละ”
คนที่นั่งข้าง ๆ กันได้แต่ลอบมองใบหน้านวลอย่างคิดถึง แต่ก็เพียงไม่นาน เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพบสบตาคมกริบ รีบสะบัดมือให้หลุดออก รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาต้องการจะพูดอะไร
“พุทรา...”
เสียงทุ้มสองเสียงซ้อนกันขึ้นมา มันทำให้รู้สึกตกใจแม้บนดวงหน้างามยังคงไม่แสดงอารมณ์แต่หันหลังกลับไปมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียว
หนุ่มวัยสี่สิบสองแทบจะต้องนับหนึ่งถึงล้าน! เดินไปเดินมาในห้องนอนด้วยใจร้อนรนกระวนกระวายนับตั้งแต่วินาทีที่เห็นหน้าแฟนหนุ่มของเธอ เพื่ออดทนไม่ให้ทำตัวเป็นวัยรุ่นหัวร้อน จนกระทั่งทนไม่ไหวกับกิริยาสนิทสนมกันเสียเหลือเกินของสองหนุ่มสาวในบ้านของเขา
“พุด...”
“พุดจะเลิกกับพี่ใช่ไหม?” พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สนใจ นัยน์ตาคู่คมหวาดหวั่นกับคำตอบที่ยังไม่หลุดจากริมฝีปากคู่งาม โดยไม่ได้รู้ตัวว่ามันเป็นการกระตุ้นอารมณ์ร้อนๆของเจ้าของบ้านให้ร้อนลุกเป็นไฟ
“เรียนหนังสือเก่งเสียเปล่า มึงไม่มีสมองหรือยังไง? นี่เด็กกู... เมียกู” ปลายเสียงหลุดรอดมาตามไรฟัน พลันเข้าไปกระชากคอเสื้อเชิ้ตสีขาวให้ชายร่างสูงใหญ่เหวี่ยงกระเด็นไปอีกทาง
“เข้าบ้านเดี๋ยวนี้ พุทรา”
“พุด... ยังทำงาน... ว้าย!” หวีดร้องตกใจ สองขาลอยโหวงเมื่อถูกรวบตัวจากเก้าอี้ม้านั่งยาว ยกบั้นท้ายพาดบ่าตามอารมณ์เกรี้ยวกราดของคนอุ้ม
“พี่เปา! ปล่อยพุดลงนะ”
ปรเมษฐ์ไม่สนใจเสียงประท้วงของคนที่ดีดดิ้นไปมาหรืออะไรทั้งนั้น สายตาตื่นตะลึงของเด็ก ๆ เขาก็ไม่แคร์ โดยเฉพาะไอ้หนุ่มหน้าจืดนี่!
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว มึงอย่ามายุ่งกับเมียกูอีก!” ตวาดกร้าวแล้วก้าวพรวดเข้าบ้าน พร้อมร่างบางที่ไม่มีน้ำหนักอะไรสำหรับเขา
“พี่เปาเป็นอะไรเนี่ย มาหึงอะไรพุด? พุดทำรายงานกับเพื่อนอยู่นะ” เธอพูดอย่างใจเย็น แต่ดูแล้วว่าอีกคนกำลังโกรธเสียจนไม่ยอมฟังอะไร โทสะลูกใหญ่ปรากฏทั่วทั้งใบหน้าหล่อเหลาและแววตา
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแค่ไหนเพราะความหึงหวง ปรเมษฐ์ก็พยายามที่จะเป็นผู้ใหญ่ พอวางร่างบางลงบนเตียง และเห็นว่าเธอกำลังป่าวประท้วงเขาทางสายตา เขาจำเป็นต้องตักเตือน
“พุดทำไมไม่ระวังตัว ปล่อยให้ผู้ชายมานั่งใกล้ๆ มาถูกเนื้อต้องตัว แทบจะสิงกันเข้าไปในบ้านพี่ แม่อนงค์ไม่เคยสอนหรือยังไง?” ตะคอกด้วยเสียงโกรธขึ้งออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะกักเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในเสียงสั่นๆ “พุดไม่ให้เกียรติพี่เลย...”
ดวงตาคู่สีฟ้าครามวูบไหวทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก เวลาพ่อเลี้ยงดุหรือแม้แต่แม่อนงค์เองก็ตาม ปรายลดาไม่เคยเถียงผู้ใหญ่
“ถ้าพี่มีแฟน พี่ไม่บอกเลิกแฟนพี่ พี่มาทำเรื่องแบบนี้กับพุด พุดจะรู้สึกยังไง?”
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอยังคงอยู่ในการกระทำ ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นประนมแนบอก และน้ำเสียงว่าสำนึกผิด “พุดขอโทษค่ะ คราวหน้าพุดจะระวัง”
“ไหว้ทำไม.. พุดยกมือไหว้พี่ทำไม...? พี่ไม่ใช่พ่อเลี้ยงพุดแล้ว!” เสียงตวาดพาร่างบางสะดุ้งเฮือก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาไม่รู้ว่าดังไปถึงไหน แต่พอรู้ว่าตัวเองยืนในห้องนี้ต่อไปไม่ไหว สองขาไร้เรี่ยวแรงกลับก้าววิ่งออกไป
ปรเมษฐ์ไม่ได้เป็นคนเอาแต่ใจอย่างเดียว เขาไม่เคยทำร้ายใคร แต่โมโหร้ายมาก...! พอๆกับปองกานต์คนพี่
เพล้ง! เสียงข้าวของแตกกระจายจากฝ่ามือหยาบที่ปัดมันหล่นไปตามรายทางของชั้นสองของบ้านซึ่งไม่มีใครอยู่นอกจากปรายลดามาเป็นเวลาหลายเดือน แม่อนงค์ถึงได้เอาของสวย ๆ งาม ๆ แจกัน เครื่องจานกลับมาวางไว้ที่เดิม
ร่างบางก้าวเดินออกไปอย่างระวัง ไม่ให้เศษแก้วแตกกระจายบาดเท้า หรือสะดุดอะไรเข้า
“พี่เปา! พี่จะไปไหน?” เสียงตะโกนคงดังไม่ถึงชายอีกคน ต่อให้เขาได้ยินเขาก็ไม่สนใจ
และที่เห็นดวงไฟสีแดงท้ายเมอร์เซเดสเบนซ์สีขาว กับเสียงเหยียบคันเร่งแรงของคนที่บึ่งรถยนต์ออกจากบ้านไป
ปรายลดาไม่รอช้าที่จะตามไป ซึ่งคนในครอบครัวอย่างเธอรู้ว่าเขาควรไปที่ไหน ยังไม่ลืมไปบอกลาเพื่อน ๆ บางคนตกใจอยู่ด้วยนาน ๆ ครั้งจะเห็นคนทะเลาะกัน ธามไทรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเดือดร้อน เป็นห่วงกลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย
“พุดไม่เป็นไรใช่ไหม พ่อเลี้ยงทำอะไรพุดหรือเปล่า?” เขาพูดทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวกลับมาด้วยท่าทางวิตกกังวล มองไปที่ประตูรั้วตลอด กว่าจะหันมาทางเขา
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ธาม พี่เปาไม่เคยตีพุด พี่กลับไปก่อนเถอะ ไว้ค่อยเจอกันที่มอดีกว่า” เธอพูดเร็ว ๆ หันไปโบกมือบอกเพื่อน “เจอกันนะแก”
“มีอะไรโทรมาอ่ะ จะให้ตามปริมให้ก็บอก เพื่อน ๆ เป็นห่วงนะ”
ช่วงนี้นัชชานั้นติดต่อไม่ค่อยจะได้เพราะมัวยุ่งอยู่กับการฝึกงานบริษัท ต่างคนเก็บของใส่กระเป๋า แล้วแยกย้ายกันไป
ปรายลดาจึงกลับเข้าบ้านไปต่อสายหาชายหนุ่มที่คงไม่สนใจใยดีเธออีก จนเธอต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดกางเกงยีน หยิบกระเป๋าใบโปรด เรียกแท็กซี่ออกจากบ้านตามเขาไปให้เร็วที่สุด