Chapter 3

1905 คำ
Chapter 3 พักหลัง ๆ มานี้ลูกน้องหนุ่มเล่นโทรศัพท์บ่อยขึ้น ปรเมษฐ์คาดหวังไว้ว่ามันควรเป็นเรื่องงานในเวลางาน เพราะเขาจ่ายเงินเดือนสูงลิบ พร้อมโบนัสพิเศษ ดวงไฟอีกดวงหนึ่งลุกไหม้ในเรือนกายชายแกร่งที่ขบกรามแน่นเป็นสันนูน เมื่อพบภาพถ่ายมากมายในพื้นที่ส่วนตัวของเลขาฯ “นี่แก... เซฟรูป... พุทราไว้เป็นหน้าโปรไฟล์...?” “รูปดารา... น่ะครับ” คนตอบฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อนคำโกหก จากที่ไม่กลัวก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้ ขณะร่างสูงตวัดกายแกร่งเดินไป ถือวิสาสะเปิดดูทุกอย่างเหมือนเป็นโทรศัพท์ของตัวเอง นอกจากหน้าจอที่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยฉีกยิ้มหวานให้อย่างเต็มใจ เหมือนไปถ่ายมากับมือ ยังมีรูปถ่ายอีกมากมายเป็นอัลบั้ม ทั้งกินไอศกรีม เดินเล่นในสวนสาธารณะตามลำพัง บางครั้งก็อยู่กับเขา มันคือรูปเก่า ๆ ในวันวาน เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องงานซึ่งเขาได้สั่งให้อลันคอยติดตามลูกเลี้ยงคนสวยอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้บรรดาหนุ่มน้อยใหญ่มาแจกขนมจีบ แฟ้มภาพดันอยู่ในอีกที่หนึ่ง... มีตัวอักษรกำกับไว้ว่า ‘น้องพุทราคนสวย’ “ขออุปกรณ์การทำงานของผมคืนนะครับ... บอส” “ได้สิ...” เขาตอบเมื่อขายาว ๆ ที่ก้าวไปสุดท้ายเรือหยุดก้าวลง พลันหันหลังกลับไปส่งยิ้มให้อย่างเคย เพื่อส่งของคืนแต่ก็ไม่ถึงมือ... โครม! ชายร่างกำยำในเชิ้ตสีขาวสะอาดลงไปลอยคออยู่กลางทะเลด้วยลูกถีบของเจ้านายที่โบกแท็บเล็ตในมือไปมา วงหน้าหล่อเหลายิ้มเริงร่า พอได้ระบายอารมณ์เดือดพล่านไปกับทะเล และเลขาฯทรยศ! “พูดกับลมกับทะเลไปนานๆนะ อลัน ฉันไม่รีบ แต่ถ้าแกทำงานช้า เงินเดือน ๆ นี้ไม่ต้องเอา” “ขอบคุณที่เลี้ยงพุดมานะคะ พ่อเลี้ยง พุดลาพ่อนะ...” ปรายรดาระบายลมหายใจสั่น ๆ หยดน้ำใสบดบังวิสัยทัศน์เบื้องหน้าให้พร่าเลือนลง ยามเชยหน้าขึ้นมองตู้ไม้สักที่เต็มไปด้วยของสะสมโบราณ ข้างบนนั้นมีภาพถ่ายครอบครัว เด็กสาววัยห้าขวบดูสดใสร่าเริงยืนหัวเราะร่าเคียงข้างหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาสีฟ้าครามรับจมูกโด่งเป็นสันคม รูปร่างกำยำเป็นล่ำสัน เพราะรักการออกกำลังกายและเข้าฟิตเนสเป็นประจำ ต้นตระกูลของปรเมษฐ์ผสมปนเปไปหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย อังกฤษ จีน แขกมอญ ผิวพรรณของหนุ่มวัยสี่สิบสองปีจึงออกไปทางสีน้ำผึ้ง สูงชะลูดหุ่นนายแบบกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ถึงเขาออกจะเป็นคนเงียบขรึมสักหน่อย ในหมู่เพื่อนฝูงก็ยังป๊อบปูลาร์ เรียกได้ว่าพ่อเลี้ยงชี้สาวคนไหนในยามท่องราตรี ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างยินยอมพร้อมใจที่จะกระโจนกายขึ้นเตียงของเขา... เมื่อนานมาแล้วในสมัยที่ยังเป็นเด็กสาววัยสิบกว่าขวบ เธอเคยเห็นเขาพาผู้หญิงมาบ่อย ๆ หายเข้าไปในห้องหลายนาน... ห้องที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแม้กระทั่งทำความสะอาด เสียงสุขสมของผู้หญิงเหล่านั้นที่ดังลอดผ่านประตูออกมาสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสให้เธอทุกครั้ง ขอบตาแดงช้ำบนใบหน้าซีดขาว ร่างกายที่ผ่ายผอมลงและอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นเมื่อความรักของเขาห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งอาจไม่มีเหลือแม้เยื่อใย 58 วัน 5 ชั่วโมง... ไม่มีสักวันที่เธอจะนั่งกินข้าวบนโต๊ะในบ้านได้โดยไม่ร้องไห้ ไม่มีแม้สักครั้งที่เธอจะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องมันอย่างลังเล แล้วจบลงที่ดูรูปของเธอและเขา เพราะคิดถึง... ต่อแต่นี้ไปเธอจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่... ที่ ๆ เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายเหลือเกิน เกินกว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะรับไหว วันนี้เธอลุกมาเก็บกระเป๋าแต่เช้าตรู่ ซักผ้า รีดผ้า เก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อยดี ทำอาหารจานโปรดของพ่อวางไว้บนโต๊ะ พ่อเลี้ยงที่เป็นเหมือนพี่ชาย เป็นเพื่อน เป็นคุณอาที่น่ารัก เป็นโลกทั้งใบของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเธอเลยก็ตาม “พุดไปนะคะ พี่เปา” นัยน์ตาชอกช้ำเจิ่งนองหยดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มไม่ขาดสาย กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ในมือถูกลากออกไปด้วยย่างก้าวที่มั่นคง เมื่อบีเอ็มดับบลิวสปอร์ตสีขาวมาจอดรถอยู่หน้าบ้าน นัชชารับรู้อาการอกหักช้ำรักของเพื่อนเป็นอย่างดี ยกมือขึ้นวางบนบ่าอย่างให้กำลังใจ “แกยังมีฉันนะ พุด... ต่อให้คนทั้งโลกทิ้งแก ฉันจะไม่ไปไหน” “ขอบใจมากนะ ปริม...” ตอบพลันปรี่เข้าไปกอดเอวของเพื่อนเอาไว้อย่างแสนรัก ใบหน้าระทมทุกข์จับจ้องไปที่ประตูรั้วสีดำสนิทอีกครั้ง ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถยนต์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ดีที่สุด “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแก ช่วยเก็บของทุกอย่างเลยไม่ต้องห่วง” “ช่วยเก็บหรือช่วยรื้อยะ” เธอบ่นแต่ก็ก้าวไปขึ้นรถยนต์ โดยไม่หันหลังกลับไปมองบ้านที่ห่างคล้อยออกไป เธอจะต้องเข้มแข็ง... รักตัวเองให้มาก ๆ ปรายลดาบอกกับตัวเองอีกครั้ง เมื่อการกระทำของเขาบอกชัดเจนว่าต้องการตัดเนื้อร้ายอย่างเธอออกไปมีชีวิตของตัวเอง “ฉันตื่นเต้นแทนเพื่อนอ่ะ บ้านหลังแรกตอนอายุยี่สิบเอ็ดปี เก่งเวอร์ ฉันยังแบมือขอเงินแม่อยู่เลย” คนพูดเหยียบคันเร่งเบา ๆ เพื่อที่จะสนทนาได้สะดวก วงหน้าหวานระรื่นมองคนข้าง ๆ สลับมองทาง ภาคภูมิใจในตัวเพื่อน ขณะที่อีกคนกลับคิดว่ามันไม่ใช่ความสำเร็จของเธอคนเดียว “ถ้าฉันไม่มีแก ฉันคงจะกู้คอนโดฯไม่ผ่าน ฉันเก่ง ยัยปริมก็เก่ง ไม่รู้จะขอบคุณแกกี่ร้อยล้านรอบดี” คอนโดมิเนียมริมชานเมืองในราคาล้านต้น ๆ ถึงจะเป็นห้องสตูดิโอแค่ยี่สิบแปดตารางเมตร ปรายลดาก็หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง เก็บหอมรอมริบเงินทีละเล็กทีละน้อยมาด้วยความขยัน ทำงานหามรุ่งหามค่ำในเวลาเลิกเรียน ทีแรกนั้นแค่ตั้งใจว่าจะปล่อยเช่าหรือไว้เก็งกำไรเป็นทรัพย์สินส่วนตัว หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ไหว “แกใช้วิชาการตลาดที่เรียนมาหาเงินได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรฉันหรอก” “ไม่ขอบคุณก็ไม่ขอบคุณ แต่ห้องนี้ของเราสองคนนะ กุญแจพวงนี้ของแก มาได้ตลอด” ปรายลดาล้วงหากุญแจน่ารักเล็ก ๆ ในกระเป๋าสะพายผ้า วางไว้ตรงกลาง คนขับรถส่วนตัวก็รีบหยิบมันไปเก็บเอาไว้ในทันที ในรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันจะย่องไปดึก ๆ ระวังให้ดี” “กลัวที่ไหน... มาสิ จะใช้แกเฝ้าเพจตอบคำถามลูกค้า รับออเดอร์แทนแอดมินซะให้เข็ด” คนได้ยินมองขวับหน้าตื่นตะลึงเพราะเคยทำอยู่ มันเป็นงานที่แสนน่าเบื่อและนัชชาไม่ชอบมันเลยสักนิด “ไม่ไหว ฉันไม่ชอบคุยกับลูกค้า จุกจิกเรื่องมาก ยิ่งมนุษย์ป้าบางคนนะ ถามไซซ์อยู่ได้ บอกแล้วบอกอีก ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือยังไง บางคนยัดตัวเข้าไปไม่ลงชุด บอกไปก็ไม่ยอมฟัง สรุปต้องเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนไปเป็นมา เสียค่าส่งอีก” “มันก็เป็นงานป่ะ เงินดีด้วย เราสองคนซื้อบ้านได้หลังเลยนะ” เสียงหวานแย้ง เป็นเวลาสามปีกว่า ปรายลดาใช้วิชาที่เรียนมาเปิดตลาดด้านธุรกิจออนไลน์ ขายเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ นาฬิกา มีหน้าร้านในโลกโซเชียล จากหน้าร้านเล็ก ๆ กลายเป็นที่โด่งดังในหมู่สาว ๆ เพราะมีไฮโซตัวแม่ยอดฟอลโล่วหลักหมื่น รวมกับตัวของเธอเองที่ใช้ความสวยในการขายของสวย ๆ งาม ๆ “ก็แน่ล่ะ แกขาดฉันไม่ได้หรอก หึหึ” หัวเราะในลำคอ นัชชานึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ “แล้วแกจะบอกพี่ธามไหม? เรื่องห้อง...” “ไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แกไม่ต้องบอกใครนะ” ในสีหน้านิ่งเรียบบอกในความหมายว่าเธออยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ “ไม่มีปัญหาจ้ะ” คนขับรถยนต์ยกยิ้มมีนัย ก่อนที่จะปรับเบาะเอนนอนให้เพื่อนเสร็จสรรพ “นอนซะหน่อยนะ หน้าตาดูไม่ได้ ตาเป็นหมีแพนด้าแบบนี้ เดี๋ยวจะได้เปลี่ยนไปขายครีมบำรุงหน้า” คำหยอกล้อของเพื่อนไม่ได้ทำให้เธอมีอารมณ์ขันเหมือนเคย กระบอกตาร้อนผ่าวค่อย ๆ ปิดลง พร้อมความเศร้าหมองที่เอ่อล้นอยู่ภายใน รถยนต์ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำเคียงข้างเพื่อนรักทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาบ้าง นับว่าเป็นโชคดีที่ไม่ต้องตรอมใจตายคาบ้านหลังนี้ สองเดือนไม่ต่างจากสิบปี... พ่อเลี้ยงไม่รับสายของเธอ ไม่ส่งข้อความมาหา มีแค่เงินโอนเข้ามาในบัญชีซึ่งเธอได้ให้แม่อนงค์ไว้ เพราะหาเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว “ถ้านอนไม่ได้ เรียกฉันนะ ฉันจะชวนคุย” น้ำเสียงแผ่วลง คนขับนั่งตัวเกร็งมือจับพวงมาลัยแน่นคอยลอบมองคนข้างกายอยู่เป็นระยะ ๆ ด้วยความสงสาร ปรายลดารักพ่อเลี้ยงมานานแล้ว... แต่ก่อนนั้นสมัยยังเรียนประถมศึกษามาด้วยกัน นัชชาเคยคิดว่ามันเป็นความรักในแบบของเด็ก ๆ พอโตมาถึงได้รู้ว่าเพื่อนไม่เคยเปลี่ยนใจ แม้จะมีหนุ่ม ๆ มาทอดสะพานให้อยู่มากมายเท่าไร สายตาของพ่อเลี้ยงที่มองปรายลดาก็ไม่ต่าง... หล่อนแน่ใจในเรื่องนั้นจึงได้สร้างเรื่องส่งข้อความไป ประกอบกับที่โมโหธามไท ดวงหน้าแดงก่ำของคนที่พริ้มตาหลับอยู่เงียบ ๆ ยังมีหยดน้ำใสรินไหลไม่ขาด และสถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ... ‘ขีดเส้นใต้เอาไว้... ว่าเธอไม่รัก ขีดลงบนกระดานดำ ตามด้วยกระทิงแดงหนึ่งขวด’ “ดีเจช่องนี้มันยิงมุกอะไรเนี่ย!” เสียงหวานกร้าวว่าพลางหลุบตามองคนที่ดูอาการไม่ค่อยดี รีบเปลี่ยนเพลงที่มาจากพื้นที่ส่วนตัวของเธอในไดร์ฟอันเล็ก ๆ ซึ่งมันคงมีแต่เพลงแด็นซ์กระจาย ทว่าคงไม่ทันการ... “ฮือ... ปริม..” เสียงคร่ำครวญดังระลอกใหญ่หลังจากที่เธอเก็บมันเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ถึงปรายลดาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเอง เป็นคนตลกโปกฮาประสาแม่ค้าออนไลน์ แต่หากว่าได้ร้องไห้แล้วล่ะก็! โรงละครโอเปร่ายังต้องกราบ... ไม่ต่างจากหมูในโรงฆ่าสัตว์ที่กำลังจะโดนเชือด... สองมือสั่นเทายกขึ้นปิดหน้าสะอึกสะอื้นไห้ จากนั้นเธอก็จัดฉากเปิดโรงมหรสพน้ำตาและน้ำเสียงชุดใหญ่ เมื่อไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าของชีวิตเธอโดยไม่มีเขาจะเป็นอย่างไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม