Chapter 4
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายในเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยจากกางเกงสแล็คดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะความรีบร้อน หยุดปลายเท้าลงในห้องโล่งเปล่าที่มีข้าวของหลายอย่างหายไป
ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน อุปกรณ์การเรียนและหนังสือ ชั้นวางของกระจุกกระจิกสะอาดเกลี้ยงเหมือนเป็นห้องที่ไม่มีใครอยู่ ร่างสูงก้าวไว ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าลายการ์ตูนเพื่อเปิดมันออกดูให้แน่ใจซึ่งก็ไม่มีเสื้อผ้าสักตัว
จากเปลวโทสะลูกใหญ่ที่ทำให้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าตีตั๋วกลับประเทศไทยในทันที กลายเป็นความรู้สึกอ้างว้างประหลาดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ
“แม่... พุทราไปไหน?” เสียงทุ้มสั่นเครือ นัยน์ตาคู่คมเข้มสีฟ้าครามประกายกร้าวอ่อนลงเหลือแค่ความสิ้นหวัง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองแม่อนงค์ที่ยืนข้าง ๆ กัน
“เขาก็ไปอยู่ของเขาสิ โตแล้วนี่... จะไปไหนก็ได้ ทีลูกยังหอบกระเป๋าไปฟิลิปปินส์ไม่บอกคนที่บ้านสักคำ ถ้าแม่ไม่โทรไปถามปิ่นก็คงไม่รู้”
ปิ่นแก้วเป็นเพื่อนสาวคนสนิทในกลุ่ม จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม หากไม่เดินสวนกันหรือปากต่อปากบอกต่อ เขาตั้งใจไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่บอกใครสักคนจริง ๆ
“แล้วพี่ปองล่ะ?” ในสีหน้าคร่ำเครียดกว่าเดิมเมื่อนึกถึงพี่ชายที่ไม่เคยจะกลับบ้าน ไม่คิดจะเลี้ยงลูกเลี้ยงตัวเอง ถึงปองกานต์จะมารู้ทีหลังว่าปรายลดาไม่ใช่ลูก แต่คนอยู่ด้วยกันมาน่าจะมีน้ำใจสักหน่อย
“แม่จะไปรู้ไหมล่ะ? รายนั้น ตั้งแต่แม่พุทราเสียก็ทำตัวเละเทะเปะปะไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ลูกจะไปตามมันกลับมาหรือไง?”
“ไม่เด็ดขาด” ในน้ำเสียงหนักแน่น เขาคงไม่คิดจะไปตามตัวปองกานต์กลับบ้านแน่ ๆ เพราะไม่น่าจะเป็นเรื่องดีหากพี่ชายที่ถูกผีพนันเข้าสิงจะกลับมาสูบเลือดสูบเนื้อคนในบ้าน
“พี่ปองส่งเงินให้พุดใช้บ้างไหม? แล้วนี่... พุดยังเรียนหนังสือไม่จบ เงินก็ยังขอผมใช้ จะไปอยู่เองได้ยังไง?”
แม่อนงค์ส่ายหน้าไปมา “พุดไม่ได้ใช้เงินลูกมาเป็นปี ๆ แล้วเปา... สมุดบัญชีกับบัตรเอทีเอ็มของพุดอยู่กับแม่ พุดบอกให้แม่เก็บไว้ใช้ซื้อของให้หลาน” อนงค์ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้เพราะหญิงสาวนั้นขอเอาไว้ แต่เป็นเพราะสีหน้าซีดเผือดไร้เม็ดสีของลูกชายที่ไม่เชื่อหูตัวเองยังจะเอาผิดแม่อีกคน
“แม่ทำไมไม่บอกผม.. แม่ปล่อยพุดไปได้ยังไง?”
“บ้านเงียบ ๆ แบบนี้ใครมันจะอยากอยู่ แม่ยังไม่อยากจะอยู่ นี่ถ้าแกไม่โทรมา แม่ก็ไม่มาหรอก แค่จะมาเอาของกับดูบ้านสักหน่อยเท่านั้นแหละ”
“แต่ผมบอกให้แม่อยู่กับพุด”
ในน้ำเสียงไม่พอใจ แม่อนงค์ยกมือเท้าเอวเอาเรื่อง “ขืนอยู่จะได้เป็นบ้าเพราะมันก่อนน่ะสิ ร้องไห้เช้ากลางวันเย็นก่อนนอนยังกับแม่ม่ายผัวตาย มันไม่ผูกคอตายคาขื่อบ้านแกก็เป็นบุญเท่าไร กว่าจะเลี้ยงมันโตมาก็แทบแย่ แม่ต้องมารอเก็บศพมันด้วยหรือยังไง?”
บ้านอีกหลังที่อาศัยอยู่กับหลานๆนั้นก็อยู่ในซอยเดียวกัน อนงค์จึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนบ้านหลังนี้อาทิตย์ละวันสองวัน มาบ่อยขึ้นตั้งแต่ปรายลดาเริ่มแตกเนื้อสาว...
อาจจะด้วยสาเหตุว่าสายตาของชายหนุ่มที่มองลูกเลี้ยงนั้นเปลี่ยนไป ชนิดว่าคนรู้กันทั้งซอย!
ใคร ๆ ก็รู้ว่าพ่อบ้านนี้ไม่เคยกลับบ้าน ทิ้งน้องชายให้เลี้ยงลูกแทน ซึ่งขี้ปากหลายคนละแวกนี้ก็คงจะกล้านินทาแค่ลับหลังเท่านั้นว่าลูกเลี้ยงอาเลี้ยงกลายเป็นคู่ผัวเมีย เจ้าของบ้านจึงบากหน้าทนไปอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรมาหลายปี กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงได้หอบเสื้อผ้าหนีไปดื้อ ๆ
“พุด... ร้องไห้เหรอแม่? ตอนนี้.. พุดอยู่ที่ไหน?”
“ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ? โต ๆ กันแล้ว จัดการปัญหาเองก็แล้วกัน ฉันจะกลับไปเลี้ยงหลานละ” น้ำเสียงขุ่นมัวของอนงค์หมายความว่าหล่อนไม่อยากยุ่งอะไรด้วยอีก
ที่หญิงสาววัยเจ็ดสิบสองปีมาคงเป็นเพราะกำลังเห่อหลานคนใหม่ จึงตั้งใจมาเอาของในสมัยปรายลดายังเป็นเด็กสาวตัวกระจ้อยร่อย เพื่อระลึกความหลัง ได้ถือโอกาสมาหาลูกชายด้วย
ปรเมษฐ์มีพี่สาวอีกสองคน แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้วยังเปลี่ยนนามสกุลตามสามี เป็นเหตุให้เขาคือความหวังอันริบหรี่ของบ้านที่อาจรักษานามสกุล ‘โรจน์จินดา’ ไว้ให้สืบทอดต่อไป หากว่ามีโอกาสจะได้มีลูกมีหลานกับเขา ส่วนอีกคนนั้นคือปองกานต์คงไปตั้งความหวังอะไรไม่ได้
ของเล่นเด็กบางส่วนถูกห่อวางไว้ในกล่องลังหลายใบก่อนหน้าที่เขาจะกลับมาถึง ชายหนุ่มเดินตามแม่ลงไปข้างล่าง เพื่อช่วยยกของขึ้นรถยนต์ พี่สาวของเขาจอดรถรอแม่อยู่ออกจะดีใจเพราะนาน ๆ ได้พบกัน นานขนาดว่าคงจุดพลุฉลองได้ หากจะได้เห็นหน้าค่าตาของน้องชายแท้ ๆ สักครั้ง จึงลดกระจกลงเพื่อถามไถ่
“อ้าว! มาพอดีเลยไอ้น้อง เป็นไงบ้าง ผอมลงหรือเปล่าแก?”
“นิดหน่อยพี่แป๋ว... อาหารไม่ถูกปากน่ะ”
สองแม่ลูกนั่งในรถเรียบร้อยดีแทบหัวเราะออกมา คงไม่ใช่เพราะกับข้าวที่นู่นไม่อร่อยเหมือนอาหารไทย แต่เป็นเพราะไม่มีแม่ครัวประจำตัวที่ทำอะไรก็อร่อย
แม่ครัวคนสวยยังเป็นแม่บ้านทำทุกอย่างให้เขาแม้กระทั่งซักชุดชั้นใน... จะไม่ให้คิดถึงยังไงไหว
“ถ้าเจอพุด ฝากเอาเสื้อนี่ไปให้ด้วยนะ บอกว่าพี่เอาอีกสองตัวสีแดงกับสีชมพู ไซซ์นี้แหละ”
ชายหนุ่มรับเดรสตัวสวยสีขาวมาด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินจากอลันเมื่อหลายปีก่อนว่าปรายลดาทำหัดทำธุรกิจออนไลน์ ตามสาขาที่เรียนคือบริหารธุจกิจ การจัดการการตลาด
“พุด... ยังขายเสื้อผ้าอยู่เหรอพี่?”
“ขายสิ เดี๋ยวนี้นางเปิดร้านใหญ่โตกับเพื่อนสาว พี่ได้ยินว่าเพิ่งกู้ซื้อคอนโดฯ ผ่านด้วย อายุเท่านี้เอง เก่งมาก ๆ”
“อ้าว ไม่ใช่ไปอยู่กับแฟนเหรอ? พ่อรูปหล่อคนนั้นน่ะ”
ได้ยินเท่านั้น ความริษยารุนแรงปรากฏขึ้นในสายตาประกายกร้าว หวงแหนราวกับว่าหญิงสาวเป็นสมบัติส่วนตน
“พุดจะไปกับคนอื่นได้ยังไงแม่ พุดจะมีแฟน ยังไงก็ต้องบอกผมเป็นคนแรกสิ”
เขาคิดแบบนั้น คิดได้ตรงใจแม่อนงค์ที่รู้ดีว่าลูกชายน่าจะโกรธจนเป็นบ้าได้เพราะความหึงหวง
“แม่ก็ไม่รู้ แต่นางพาหนุ่มมาให้แม่รู้จักคนแรก ปรกติแล้วเคยพาใครมาที่ไหน? จะว่าเป็นกะเทยก็ไม่น่าใช่ ไปคุยกันเองละกัน แม่ไปละ”
“ไว้เจอกันไอ้น้อง มีอะไรค่อย ๆ คุยกันนะ” บอกลากันดีแล้วรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไปจนลับตา
คำพูดของแม่ทำให้เขาต้องใช้ความคิดอย่างหนัก ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมบนใบหน้ายุ่งเหยิง กลับเข้าบ้านพร้อมเสื้อเดรสในมือหนึ่งตัว ก่อนที่เขาจะโยนของเกะกะลงบนโซฟาอย่างไม่แยแส ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายที่อาจจะปิดเครื่องเปลี่ยนเบอร์หนีเขาหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่รู้ได้ เขารู้แค่ว่าเธอไม่เคยเป็นแบบนี้...
หากว่าเขาหายไปไม่ว่าจะนานเท่าไร เธอจะรอ... รอเขากลับมา วิ่งเข้าหาอ้อมกอดของเขาในก้าวแรกที่ประตูบ้านเปิดออก ร้องไห้อย่างดีอกดีใจ แล้วร้องไห้อีกครั้งในวันที่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่
นานแล้วที่เขาทิ้งปรายลดาอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่เธอเริ่มแตกเนื้อสาว
ตั้งแต่... ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่ผมสีดำนุ่มสลวยลอดผ่านปลายนิ้วทีละเส้น นาฬิกาชีวิตของเขาหยุดเดินไปกับรอยยิ้มแสนสวยของเธอ กลิ่นหอมอ่อนจากนวลเนื้อเนียนละเอียดโชยมาแตะจมูกแล้วเขาก็จะค่อย ๆ พริ้มตาปิดลง จินตนาการอะไรต่อมิอะไรไปต่าง ๆ นา ๆ ในแบบของผู้ชายคนหนึ่ง...
ไม่ใช่อาหรือพ่อเลี้ยง...
แต่เป็นไอ้โคแก่บ้ากาม! จ้องจะเขมือบเด็กสาว สิบสามปี สิบห้าปี สิบแปดปี ยี่สิบปี.... เขาจึงตัดสินใจที่จะไป เฝ้ารอเธออยู่ห่าง ๆ ดูภาพถ่ายที่แม่ส่งไปให้ในสถานที่ที่ไกลมากพอหนีพ้นความรู้สึกประหลาดในหัวใจ
ถึงไม่เคยทำได้สักครั้ง ยิ่งหนีเท่าไร ก็ยิ่งจะต้องออกแรงวิ่งให้มากขึ้นอีก วิ่งจนถึงจุด ๆ ที่วิ่งต่อไปไม่ไหว สุดท้ายก็วิ่งกลับไปที่เดิม
ทุกวันนี้เขายังสงสัยอยู่ว่าจะหนีเธอไปให้เหนื่อยทำไม?
ทำไมเขาไม่อยู่เคียงข้างเธอ ให้กำลังใจเธอให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ส่งแค่เงิน กลับบ้านมาอยู่เป็นพัก ๆ แล้วก็หาเรื่องไปทำงานต่างประเทศ ไป ๆ มา ๆ จนวันนี้เธอ
อาจจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาบ้าง...
เขาต้องรอสาวน้อยในความดูแลกลับมางั้นเหรอ!?