คริสไม่เคยรู้ถึงเหตุผลที่เราเลิกกัน เขาคิดว่าเธอโกรธทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ เธอแค่เหนื่อย แค่ท้อกับการรักเขาแค่นั้นเอง ยอมรับว่ายิ่งเจ็บยิ่งรักเขามากขึ้น เลิกกันแล้วก็ไม่สามารถตัดใจได้เลย…สักนิดเดียวก็ไม่เลย ทำไมถึงมาบอกรักเธอ ทำไมถึงมาต้องการเธอ ทำไมต้องมาทำดีตอนที่เธอถอยออกมาแล้วด้วย
“มีนอยากเลิกก็เชิญเลย แต่คริสไม่หยุดแค่นี้แน่นอน เราจะต้องรักกันเหมือนเดิม!”
คริสยังคงกอดเมียแน่นมาก เขายอมรับว่าชีวิตที่ไม่มีเธอมันแสนว่างเปล่า ในทุกครั้งที่อยู่คอนโดภาพเธอยังคงอยู่เลย มันต้องมีใครมายุ่งกับมีนแน่แล้วก็แย่งเธอไปจากเขา มีนจะยังเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น เจ็ดปีที่ผ่านมามันนานเกินกว่าจะทำใจได้ ทุกครั้งที่เขาต้องการกำลังใจมีนจะคอยอยู่ด้วยเสมอ เธอให้ความสุข เธอปลอบใจ เธอเป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา
ไม่ว่าเวลาไหนทุกครั้งที่หันกลับมาจะยังมีเธออยู่เสมอ
“เธอห้ามรักใครนอกจากฉัน ไม่อย่างนั้นมันตายแน่”
“คริสหยุดบ้าสักที!!” เธอตะคอกกลับไปบ้างเพราะเขามันหน้ามืดจนมองไม่เห็นความจริงเลย
“กูมันบ้านี่! ใครจะไปดีเหมือนคนอื่นละ!” เขาตะคอกกลับลุกขึ้นปล่อยเธอไว้ตรงนั้น แล้วพยายามจะไม่มองใบหน้าเธอ
“ถ้าไม่รักกูแล้ว ขอร้องละอย่าพึ่งรักใคร!” เขากดเสียงต่ำรู้สึกร้อนผาวที่ขอบตาอย่างมาก เขาจับมือเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องขอร้องใครแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
“กลับไป!” เธอสะบัดมือออกแล้วกลัวใจเขาจะทำอะไรโง่ๆ
“ไม่! เรายังรักกันไม่ใช่เหรอ?” เขาแค่นเสียงถามด้วยความเจ็บปวด กำมือแน่นมองหน้าเมียที่พร่าเบลอไปด้วยน้ำตาที่นองหน้า มีนเกลี่ยน้ำตาออกให้แล้วยังสบตาเขา
“ฉันก็เจ็บนะ แต่เราไปกันไม่ได้จริงๆ” เธอเจ็บมากกว่าเขาด้วยซ้ำ เธอตัดสินใจทิ้งเขาเพื่อจะได้มีความสุขบ้าง เธอไม่สามารถอยู่เหมือนสิ่งของได้อีกแล้ว เมื่อก่อนคงจะดึงเขามากอดปลอบใจแต่ตอนนี้มันถึงเวลาต้องหยุดเพื่อกลับมารักตัวเองแล้ว
“คริสกลับไปพักเถอะดึกแล้วนะ” เธอพูดเบาๆในขณะที่ยังคงลูบสันกรามเขาอยู่
“เรายังคุยกันได้ใช่ไหมมีน? คริสจะทำทุกอย่างเหมือนเดิม” เขาไม่ยอมแพ้หรอก ในแววตาคู่นี้ยังมองเขาด้วยความรักไม่เปลี่ยนไปเลย มีนจะต้องไม่เป็นของใครทั้งนั้น เขาผูกพันกับเธอเกินกว่าจะตัดทิ้งง่ายด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ
“มีนยังไม่พร้อมจะคุยกับคริสตอนนี้ กลับไปเถอะ” เธอจำเป็นต้องตัดให้ขาดถึงแม้จะเสียใจมากก็ตาม
เสียงประตูปิดดังขึ้นเธอทรุดตัวลงที่นอนร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างหนักทำไมมันทรมานแบบนี้
เมื่อไรเธอจะลืมเขาได้สักที
หลังจากคืนนั้นคริสกลับมากินเหล้าอย่างหนักจนเพื่อนต่างพากันเป็นห่วง แต่เรื่องนี้ไม่มีใครสักคนคิดจะบอกแฟนเก่าเพื่อนเลยสักคน ก็รู้กันอยู่ว่าเลิกกันไปแล้วใครจะกล้ารบกวนละ
“มึงพอแล้ว” ชินมาแย่งขวดเหล้าออกจากมือเพื่อน
“กูคิดถึงมีนวะ” คริสมองไปที่รูปถ่ายอย่างเหม่อลอย
“เอางี้ไหม? กูตามมีนมาให้แต่อยู่สองคนไม่ได้นะ”
“ไม่! มีนจะเห็นกูสภาพนี้ไม่ได้”
“แล้วมึงเอายังไงวะ ตอนนี้มึงแดกเหล้าให้ตายมีนก็ไม่กลับมาหรอก” โตแย่งแก้วเหล้าเพื่อนไปเททิ้ง
“กูไม่รู้ แล้วกูก็อยู่ไม่ได้ด้วย มึงเข้าใจไหมห่ะ!?” คริสปรือตาถามเพื่อนด้วยความมึนเมาและน้ำตาเอ่อคลอเบ้า
“มึงก็ไปง้อดิวะ”
“กูง้อแล้ว”
คริสหยิบบุหรี่เดินออกมานอกระเบียงแล้วสูบคนเดียวเงียบๆ นึกถึงเมียที่ใจแข็งมากจนไม่น่าเชื่อเลย มันเป็นไปได้ด้วยเหรอที่เลิกกันแล้วไม่มีใคร คริสมองควันลอยหายไปในสายลมเงียบๆ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาเฉยเลยคิดถึงเมียอีกแล้วสินะ
นี่กูต้องเมามากแล้วแน่ๆ
ในขณะที่มีนมาจัดร้านเครื่องสำอางในสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้ เธอมองความฝันของตัวเองที่อยากจะให้คริสมาอยู่ดูความสำเร็จของเธอด้วยกัน คริสคอยช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้มาตลอดเวลาถึงแม้จะไม่มีเวลาขนาดไหนก็ตาม ที่นี่คริสเป็นคนติดต่อให้ เขาเป็นคนหาที่ทำเลให้ เขาเจียดเวลาจากปาร์ตี้มาช่วยเธอทั้งที่มีอาการเมาค้างเสมอเลย
“คุณมีนครับคุณคริสไม่มาด้วยเหรอครับ”
“ไม่มาค่ะ รบกวนพี่เต้ติดต่อช่างไฟด้วยนะคะ มีนอยากให้เป็นวอร์มไลท์” เนื่องจากว่าที่นี่จะเป็นร้านขายเครื่องสำอางเป็นหลักแสงไฟโทนนี้จะทำให้สีดูสวยขึ้นด้วย
“ครับคุณมีน เอ่อ...แล้วเรื่องพนักงานละครับ?”
“ก็ฝึกงานอยู่ค่ะ เดือนหน้าที่นี่ก็เปิดแล้ว มีนอยากเห็นจังเลย” เธออยากให้คริสมาอยู่ตรงนี้ด้วยจัง
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ” มีนเดินสำรวจร้านเครื่องสำอางแห่งใหม่ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ที่นี่เธอออกแบบร่วมกับคริส เขาทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ เพียงแค่ยิ้มกว้างๆน้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว
“เช็ดซะมีน” คริสส่งผ้าเช็ดหน้าให้คนรัก
“คริสมาได้ไง!? แล้วทำไม…หน้าโทรมจังละ” ขอบตาคล้ำมาก แล้วตัวยังผอมลงกว่าเดิมอีกด้วย คริสหายไปจากชีวิตเธอแค่อาทิตย์เดียวเอง ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้นะ
“ไปกินข้าวด้วยกันนะ ฉันยังไม่กินอะไรมาเลย” คิดถึงเมียจังเลยวะ แค่เห็นก็อยากดึงเข้ามากอดแล้วจูบหนักๆสักหลายที
“เอ่อ...คือว่าฉันมีงานต่อน่ะ” ยอมรับเลยว่าตัวเองใจร้ายแต่มันก็จำเป็น ไม่อย่างนั้นคงตัดใจจากเขาไม่ได้แน่ ทุกวันนี้เธอยังมีเขาอยู่ในทุกความทรงจำ ในบางวันที่เหน็ดเหนื่อยจนเผลอร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึงแสนทรมาน
“มีนไปกินข้าวด้วยกัน” คริสจับมือเธอพาเดินออกมานอกร้านที่เขาออกแบบเองกับมือ เขาเดาไม่ผิดว่าเธอต้องมาที่นี่แน่ เขารู้ว่าเธอต้องใช้เวลากับที่นี่นานถึงได้ตามมาดักรอแบบนี้
“คริสไม่ทำงานเหรอ?”
“ทำสิ ไปกินข้าวกันเถอะ” คริสพาเธอมาร้านอาหารประจำที่เคยมาด้วยกันบ่อยๆ เขาอยากจะดึงเข้ามากอดแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ มีนยังใจแข็งมาก แต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆหรอก แค่มันรู้สึกว่าอยู่ไม่ไหวจริงที่ไม่มีเธอในชีวิต ถ้าเขาเผลอใส่อารมณ์ตอนนี้ไปมีนต้องดื้อแล้วไม่พูดคุยดีๆด้วยแน่เลย
อยากจะจูบแค่ไหนก็ทำได้แค่มอง
มีนสั่งอาหารตามปรกติแล้วหันไปยิ้มให้กับเขา เธอก็คิดถึงคริสมากเลยทั้งที่เป็นคนเดินออกมาเองแท้ๆ ทุกคืนเธออยู่ได้ด้วยการไปแอบดูเขาผ่านอินสตาแกรม รูปเธอถ่ายคู่กับเขายังไม่ได้ลบไปเหมือนในอินสตาแกรมของเธอที่มีแต่เขาเต็มไปหมด
“มีนพักบ้างนะคริสเป็นห่วง” เขามองอาหารที่เธอสั่งล้วนเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น
“คริสก็ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าเที่ยวเยอะมากละ ดูสิโทรมหมดแล้วเนี่ย” เธอยิ้มออกมาทั้งที่อยากจะร้องไห้ เธออยากจะกอดเขามาก แต่ต้องฝืนทนเอาไว้อย่าให้ใครได้รู้
“คิดถึงมีนนะ” อยากบอกให้รู้ถึงเธอจะไม่อยากฟังก็ตาม
“เดือนหน้าวันที่ 9 เปิดร้านนะ มีนนิมนต์พระมาให้ความสิริมงคลด้วยนะ” เธอหลบตาเขาแล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าแทน ของที่สั่งมีแต่ของโปรดคริสเลยเพราะมันคงเป็นความเคยชิน ต่อให้เราห่างหายกันนานขนาดไหนก็ยังชินอยู่
คงไม่มีใครรู้สึกแย่ขนาดนี้แล้ว ต้องมานั่งกินข้าวกับคนรักเก่า ต้องคอยห้ามใจไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงเกินไป เธอต้องฝืนยิ้มออกมาให้เขาเห็นว่าเธออยู่ไหว ภาพในวันวานไม่เคยลดหายไปจากเธอเลย ยังคงคิดถึงเขาอย่างมากจนรู้สึกทรมานเกินจะทนได้ไหว ความรักและความผูกพันตลอดเจ็ดปีจะให้หายวับไปภายในเดือนกว่าๆคงเป็นไปไม่ได้หรอก เธอก็ไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
คนบอกเลิกทั้งที่ยังรักนั้นเจ็บกว่าเสมอ
แต่เขาคงไม่เข้าใจ
“ถ้าคริสมามีนจะว่าอะไรไหม?” เขารู้สึกได้เลยว่าเธอเว้นระยะห่างมากจนน่าใจหาย จากที่เคยได้จับมือ เคยได้กอด เคยได้หอมแก้มทุกวัน ในตอนนี้กลับทำได้แค่นั่งมอง เขาต้องท่องในใจเป็นพันครั้งบอกตัวเองให้ใจเย็นๆทั้งที่มันโคตรยาก แล้วทุกคืนเขาบอกตัวเองนับล้านครั้งให้จำไว้ว่ามีนบอกเลิกแล้ว
ถึงเขาไม่ยอมเลิกแต่เธอตั้งใจเลิกให้ได้
แล้วเขาจะทำอะไรได้ละ
วันนี้เขามาเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองเรื่องเราเลิกกัน เขาตามเฝ้ามองเธอมาสามวันเต็มเพื่อจะดูหน้าแฟนใหม่ คนที่มันกล้าแย่งเธอไปจากเขา แต่ก็ไร้เงาใคร มีนยังใช้ชีวิตคนเดียว
“ได้สิ ร้านคริสก็เป็นคนออกแบบนี่”
“มีน…คริสมีเรื่องจะขอได้ไหม?” เขากลั้นใจรอฟังคำตอบ
“อะไรเหรอถ้าทำได้มีนก็จะช่วย”
“คือว่า…” คริสเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้แน่รู้สึกกลัวคำตอบอย่างมาก
“คริสปล่อยก่อนนี่มันกลางห้างนะ” เธอใจเต้นแรงเพียงแค่การกระทำของเขา แต่ต้องห้ามใจไม่ให้อ่อนแอ
“อย่าพึ่งรักใครนะ อย่าเอาใครมาแทนที่คริส รอให้คริสทำใจได้สักนิดก่อน” นี่เป็นคำขอที่โง่มากที่สุด แต่ถ้ามันจะช่วยยื้อเธอไว้แล้วเพิ่มเวลาให้เขาง้อได้ถึงดูโง่ก็ยอมหมดทุกอย่าง
“คริสฟังนะ ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก เรื่องในอนาคตมีนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ถ้าวันหนึ่งคริสเจอคนที่รักที่เข้ากันได้ คริสรักไปเลยนะ มีนอยู่ได้ มีนไหว” เธอต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างมากเลยที่จะพูดคำนี้ออกไป
“มีน!” เขาไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา แต่ที่มันสะเทือนใจตรงที่เธอยิ้มให้แล้วมีน้ำตาไหลออกมานี่แหละ ทำไมต้องทำให้ตัวเองเจ็บด้วยละ แค่กลับมารักกันเหมือนเดิมทุกอย่างจะดีขึ้น
“มีนหวังดีกับคริสนะ”
“คริสขอโทษที่แสนดีแบบมีนไม่ได้ มีนจะว่าคริสพาลก็ได้นะถ้าเกิดวันไหนคริสทำอะไรขาดสติไป” เขาไม่สามารถทำใจแบบเธอได้เลย ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงต้องพูดแบบนี้ด้วย เขารักเธอแล้วจะไม่ยอมเสียเธอให้กับใคร แต่มีนกลับพร้อมจะยินดีเสมอถ้าเขารักกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ สิ่งที่เธอพูดและทำมันไปในทิศทางเดียวกันว่าต้องการจบเรื่องของเรา แต่แววตาคู่สวยนี้กลับเศร้ามาแถมยังมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้าอีกต่างหาก
เธอทำให้เขามีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นในหัว
มีนยังรักคริสอยู่ไหม?
หลังกินอาหารเที่ยงเรียบร้อย มีนแยกตัวกลับไปทำงาน ส่วนคริสยังคงเดินวนเวียนภายในร้านที่กำลังจะเปิดในเวลาอีกแค่สองอาทิตย์กว่าๆ เขามีอยู่แค่คำถามเดียวที่ค้างคาคือถ้ามีนไม่มีใครแล้วทำไมไม่กลับมารักกันเหมือนเดิม
รู้ไหมว่าบนโลกใบนี้มีนคงเหมาะสมกับใครหลายคน
แต่บนโลกนี้มีแค่เธอที่เหมาะสมกับเขา
“เฮ้อ…กูต้องทำอะไรอีกวะ!”